ศึกเลือกตั้งปี 2566 มาพร้อมกับสีสันการหาเสียงของแต่ละพรรคการเมือง แม้แต่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในตำแหน่งผู้นำประเทศมา 8 ปี ยังไม่มีใครเคยเห็นบทลงเล่นน้ำสงกรานต์กับผู้คน ขนาดเจ้าตัวยังบอกว่าไม่ได้เล่นมานานมากตั้งแต่อายุ 15 ปี ได้โผล่มาสร้างเซอร์ไพรส์เป็นลุงตู่ใจดี เล่นน้ำกลางถนนข้าวสารอย่างเป็นกันเอง จนเปียกชุ่มไปทั้งตัว ในห้วงใกล้เลือกตั้ง 14 พ.ค. ต้องลงพื้นที่หาเสียงเรียกคะแนนอย่างหนัก ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ

หรืออาจทำตามคำเรียกร้องคนกรุง อยากชวนลุงตู่มาเล่นน้ำสงกรานต์ปี 2566 มากที่สุดร้อยละ 11.1 จากผลโพลที่ผ่านมาของกรุงเทพโพล แซงหน้า ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. อยู่อันดับ 2 ส่วน “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร อันดับ 5 แต่ท้ายสุดแล้วพรรคใดจะได้รับชัยชนะ ขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง และช่วงโค้งสุดท้ายจะต้องแข่งขันกันอย่างหนัก ทั้งลงพื้นที่หาเสียงชูนโยบายพรรค หวังครองใจผู้มีสิทธิ์มีเสียงให้กาคะแนนให้

เมื่อวิเคราะห์ถึงบทใหม่ของ “ลุงตู่” ที่วันนี้อะไรก็ต้องทำเพื่อที่นั่งในสภาของพรรครวมไทยสร้างชาติ จนได้รับการเสนอชื่อและโหวตผ่านฉลุยได้นั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปอีก หรืออาจจะฝืนยอมทิ้งความเกรี้ยวกราดลงมาคลุกคลีกับประชาชน อาจจะสำเร็จหรือไม่ก็ได้ จากวิกฤติศรัทธาที่ไม่สู้ดีนัก เพราะลุงตู่ ก็ยังคือลุงตู่คนเดิม

ลุงตู่เล่นน้ำสงกรานต์ที่ถนนข้าวสาร
ลุงตู่เล่นน้ำสงกรานต์ที่ถนนข้าวสาร

...

งานนี้จะปังหรือแป๊ก ต้องมาดูกัน “รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส” คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก มองว่า ครั้งนี้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ ทุ่มสุดตัวเพื่อให้ได้คะแนนนิยมมากที่สุด ต้องให้เหนือกว่า “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวพรรคพลังประชารัฐ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วคะแนนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจากส.ว. จะเทไปให้ พล.อ.ประวิตร จึงต้องทำให้บรรดาเอฟซีทั้งหลาย หันมาเทคะแนนให้พรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องทำมากกว่าการลงเล่นสงกรานต์ถนนข้าวสาร ในช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง

บทบาทใหม่ของพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนักการเมืองเต็มตัว
บทบาทใหม่ของพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนักการเมืองเต็มตัว

“ดูจากพรรคพลังประชารัฐมี ส.ส.ที่มีอยู่เดิมมากกว่าพรรครวมไทยสร้างชาติพอสมควร ทำให้พรรครวมไทยสร้างชาติจะต้องได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ มีจุดขายอยู่ที่ลุงตู่เท่านั้น และการเลือกเข้าไปเล่นน้ำในถนนข้าวสาร ก็จะได้พื้นที่สื่อ ทั้งภาพ ทั้งข่าวในช่วงสงกรานต์ ซึ่งการลงไปพื้นที่อื่นก็ไม่โดดเด่น จากไม่เคยเห็นมาก่อนตลอด 8 ปี ก็ ยอมให้คนสาดน้ำจนเปียกปอน ให้เข้ากับคนเจนวาย เจนแซด เพื่อให้ได้คะแนนนิยม จากที่เมื่อก่อนมีแต่สาดน้ำ ฉีดสเปรย์ใส่คนอื่น”

หรือมากกว่านี้ พล.อ.ประยุทธ์ คงต้องยอมทำเพื่อให้ได้คะแนนเหนือกว่า พล.อ.ประวิตร เพราะถือเป็นคู่แข่งโดยตรง แม้แต่คะแนนเดียวก็ให้ไม่ได้ และเมื่อดูจากผลโพลในขณะนี้ก็ถือว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้คะแนนนิยมจากกลุ่มอนุรักษนิยมมาเป็นอันดับ 1 ซึ่งจะแปรมาเป็นคะแนนนิยมระบบบัญชีรายชื่อ

แต่เปอร์เซ็นต์คะแนนนิยมจากโพล ยังไม่เพียงพอจะจัดตั้งรัฐบาลในรอบต่อไป เพราะฉะนั้นจะต้องหาคะแนนเพิ่มจากกลุ่มคนที่ยังไม่ตัดสินใจจะเลือกพรรคใด มีประมาณ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ หากมาโหวตให้พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็จะเพิ่มคะแนนนิยมในระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จะต้องทำทุกวิถีทางและต้องทำให้ได้ หรือจะให้ไปคลุกฝุ่นเพื่อให้ได้คะแนนนิยม ก็ทำได้หมด

“จะเห็นจากตัวลุงป้อม ก็ทำไปแล้วในการร้องเพลงทรงอย่างแบด มีการแต่งกายใหม่แบบเท่ๆ ก็ทำหมด เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเจนวาย เจนแซด เหมือนกับลุงตู่ และก็ไม่แปลกหากพรรคการเมืองอื่นทำ แต่แปลกสำหรับลุงตู่เมื่อกลับมาทำอย่างนั้นเพื่อให้ได้คะแนน พยายามปรับทุกอย่าง เพราะถือว่าลุงตู่เป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว”

...

ลุงตู่โดนน้ำจนเปียกก็ยอม เพื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ
ลุงตู่โดนน้ำจนเปียกก็ยอม เพื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ

สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ พยายามทำไป แม้ได้พื้นที่สื่อ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้คนมาเลือก เป็นเพียงการจุดประกายว่ามีนักการเมืองคนนี้อยู่ จะต้องแสดงวิสัยทัศน์เป็นนักการเมืองที่มีศักยภาพ ในการเป็นองค์ประกอบที่ดีให้คนสนใจตัดสินใจเลือกเข้าสู่การเมือง เพราะ 8 ปีที่ผ่านมา คนรู้พอสมควรว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นอย่างไร

สุดท้ายแล้วจะปังหรือแป๊ก ขึ้นอยู่กับนโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องมีความโดดเด่นทำให้คนรู้สึกว่าดีพอแล้วหรือไม่ ถ้าเทียบกับพรรคอื่น เพราะตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ มีความโดดเด่นอยู่แล้ว จึงอยู่ที่พรรครวมไทยสร้างชาติจะนำเสนอนโยบายต่อประชาชน และมีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใดในศึกเลือกตั้งครั้งนี้.