ซีเซียม-137 สารอันตรายที่หายจากโรงไฟฟ้า จ.ปราจีนบุรี มีการตามหาจนพบว่าได้ถูกหลอมไปแล้วบางส่วน เบื้องต้นสาธารณสุขในพื้นที่ได้ตรวจสอบสารกัมมันตรังสีคนงาน 70 คน ในโรงงานหลอมเหล็ก อ.กบินทร์บุรี ยังไม่พบสารปนเปื้อน และเตรียมแผนรองรับในโรงพยาบาล 2 แห่ง หากมีประชาชนได้รับผลกระทบ

นพ.สุรินทร์ สืบซึ้ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี เปิดเผยกับ ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ว่า จากการลงพื้นที่ติดตามการปนเปื้อนของซีเซียม-137 ภายในโรงงานหลอมเหล็ก พบว่า มีการจัดการระบบปิด จึงยังไม่มีผลทำให้เกิดการฟุ้งกระจายในอากาศ โดยฝุ่นที่ปนเปื้อนซีเซียม-137 มีความหนัก เมื่อหลอมแล้วจะหล่นลงมาในถุงบิ๊กแบ็กทั้ง 24 ถุง ขณะนี้ได้กันพื้นที่ไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปภายใน

มีการวัดค่ารังสีรอบโรงงานในน้ำและอากาศ ในรัศมี 5 กิโลเมตร ไม่พบการปนเปื้อน เบื้องต้นทางสาธารณสุขได้เข้าไปตรวจสอบสารปนเปื้อนในพนักงานโรงงานหลอมเหล็กทั้ง 70 คน โดยใช้เครื่องตรวจสารกัมมันตรังสีตามเสื้อผ้าและร่างกาย ยังไม่พบความผิดปกติ ส่วนผลตรวจเม็ดเลือดขาวพนักงาน 70 คน ไม่พบสารปนเปื้อน ประกอบกับพนักงานส่วนใหญ่อยู่ในแคมป์คนงานของบริษัท แต่มีพนักงาน 5 คน ที่ออกไปติดต่อกับบุคคลภายนอก จึงยังวางใจได้ว่ามีโอกาสน้อยที่มีการแพร่รังสีไปภายนอก

มาตรการเฝ้าระวังพนักงานทั้ง 70 คน จะมีการตรวจเม็ดเลือดขาวอีกครั้ง วันที่ 5 เมษายนนี้ ระยะยาวมีการเฝ้าระวังผลกระทบสุขภาพของพนักงานทั้งหมด โดยเฉพาะความผิดปกติที่ก่อให้เกิดมะเร็ง

...

ด้านพื้นที่ 2 กิโลเมตร รอบโรงงาน ไม่มีชุมชนตั้งอยู่ ส่วนชุมชนระยะถัดไปยังไม่ได้รับผลกระทบ ทางสาธารณสุขได้ส่งทีมงานให้ข้อมูลทำความเข้าใจและให้คำปรึกษา เพื่อไม่ให้ชาวบ้านเกิดความกังวล ขณะเดียวกันต้องระมัดระวังในการทำงานกับชุมชน เพราะถ้ามีการไปตรวจหาอย่างละเอียดในทุกคน ชาวบ้านจะเกิดความเครียด เพราะการตรวจสอบสารปนเปื้อนตามหลักวิทยาศาสตร์ ขณะนี้ยังไม่มีรายงานถึงการแพร่กระจายออกมาจากพื้นที่ปิดของโรงงาน

หน่วยบริการสาธารณสุขมีการกำชับเฝ้าระวังหากพบชาวบ้านมีแผลบนผิวหนัง คลื่นไส้อาเจียน ต้องมีการตรวจหาสารปนเปื้อนอย่างละเอียด แต่สิ่งที่มีความกังวลคือ อาการระยะยาวจะส่งผลกระทบต่อความผิดปกติในระบบเม็ดเลือดขาว ผู้ที่ได้รับการปนเปื้อน ซึ่งอาการผิดปกติชาวบ้านทั่วไปจะสังเกตได้ยาก

“ซีเซียม-137 เมื่อถูกหลอมจะกลายเป็นฝุ่นเหล็ก ตกลงสู่พื้นหรือภาชนะ เมื่อโรงงานทำการหลอมในระบบปิด จึงมีโอกาสน้อยที่จะฟุ้งกระจาย จนส่งผลกระทบในวงกว้าง ดังนั้นมาตรการด้านสาธารณสุขเบื้องต้น ต้องเฝ้าระวังคนงานที่ทำงานใกล้ชิดทั้ง 70 คนก่อน แต่ยังไม่ต้องถึงขนาดต้องกักตัว ซึ่งประชาชนภายนอกยังไม่ต้องวิตกกังวล เพราะขนาดคนงานที่กินนอนอยู่ในโรงงาน เบื้องต้นตรวจอย่างละเอียดแล้วยังไม่พบการปนเปื้อนในร่างกาย”

การเตรียมพร้อมหน่วยสาธารณสุขในพื้นที่
การเตรียมพร้อมหน่วยสาธารณสุขในพื้นที่

ขณะนี้มีการกำชับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ หากพบคนที่ได้รับสารปนเปื้อน ทีมแพทย์ต้องสวมชุด PPE ในการปฏิบัติงานทุกครั้ง ถ้ามีอาการไม่ร้ายแรงจะส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลกบินทร์บุรี ถ้าอาการรุนแรงมากขึ้นจะส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และประสานกับโรงพยาบาลในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่มีความเชี่ยวชาญ หากพบคนที่มีความผิดปกติร้ายแรงเกินกว่าโรงพยาบาลในพื้นที่จะทำการรักษาได้.