เหตุบุกทำร้ายศิลปิน เริ่มมีให้เห็นมากขึ้น รายล่าสุดคือ "เอ๊ะ-จิรากร" ถูกบุกต่อยกลางเวที ในสถานบันเทิงชื่อดังย่านปทุมธานี ขณะนี้ผู้ก่อเหตุได้มอบตัว โดยยอมรับว่ามีอาการมึนเมา แต่ถือเป็นบทเรียน ทำให้การ์ดที่ดูแลศิลปิน-ดารา ต้องมีความเข้มงวดในการทำงานมากขึ้น
แม้ผู้ก่อเหตุทำร้าย "เอ๊ะ-จิรากร" ยอมรับผิดและขอโทษกับเหตุที่เกิดขึ้น เนื่องจากต้องการตามหาแฟนสาว จึงบุกขึ้นไปบทเวที หวังให้ประกาศตามหา แต่กลับสาวหมัดใส่นักร้องดังจนมีอาการบาดเจ็บ แม้การ์ดทางร้านเข้ามาควบคุมผู้ก่อเหตุไว้ทัน แต่เหตุการณ์ลักษณะนี้กลับมีมากขึ้นจนน่าเป็นห่วง
“นรธา มณีนาค” นายกสมาคมอารักขาบุคคลสำคัญ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า สำหรับการ์ดต้องเพิ่มความระมัดระวังในการทำงานให้มากขึ้น เพราะอาจมีพฤติกรรมเลียนแบบ ดังนั้นการดูแลศิลปินบนเวทีต้องมีการจัดพื้นที่บริเวณด้านหน้าไม่ให้แฟนเพลงบุกขึ้นไปบนเวทีได้ง่าย
“การ์ดต้องระลึกไว้เสมอว่า แม้มีการตรวจอาวุธจากทางเข้าแล้ว แต่สิ่งของภายในสถานที่ท่องเที่ยว ถือเป็นอาวุธได้หมด เช่น แก้ว มีด ไม้ แจกัน หรือการสาดน้ำใส่ผู้อื่น ก็เป็นการแสดงความหมิ่นประมาท”
...
ขณะเดียวกัน การ์ดต้องใช้วิจารณญาณในการสังเกตพฤติกรรมผู้ที่เข้ามาชม เพราะแฟนคลับบางคนมีอาการมึนเมาจนเข้ามาทำร้ายศิลปินได้ ดังนั้นเมื่อแฟนคลับที่ต้องการเข้ามาจับมือกับศิลปิน การ์ดต้องเข้ามาเทคแคร์
กรณีที่เกิดเหตุร้าย แฟนคลับบุกเข้าหาศิลปิน การ์ดต้องเข้าไปขวางทันที ไม่ควรใช้แขนปัด เพราะยิ่งทำให้เกิดความไม่พอใจ บางกรณีต้องค่อยๆ พูดด้วยวาจาสุภาพ ขณะเดียวกันการ์ดต้องคิดเสมอว่า คนที่เข้ามาทำร้ายศิลปิน ในจังหวะต่อไปจะทำอะไร
หากผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมรุนแรง จำเป็นต้องกันออกมาจากที่เกิดเหตุ หลายกรณีคนที่ก่อเหตุมักอ้างว่าตัวเองเป็นคนมีเงิน หรือรู้จักกับคนใหญ่โต การ์ดต้องมีการเจรจาต่อรองด้วยท่าทีสุภาพ ค่อยๆ พาออกมายังพื้นที่ข้างนอกร้าน เพราะหลายคนเมื่ออยู่หน้าเวทีมักไม่ยอม เนื่องจากรู้สึกว่าตัวเองเสียหน้า
“ตัวอย่างแฟนคลับนำเงินมาปาใส่หน้าเวที โจอี้ ภูวศิษฐ์ เป็นการทำให้อับอายลักษณะหนึ่ง ดังนั้นการอารักขาของการ์ด ต้องพยายามป้องกันไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้ เพราะดารานักแสดงที่กำลังทำงานอยู่ ไม่สามารถห้ามแฟนคลับเหล่านั้นได้ ดังนั้นการ์ดต้องเป็นแกนหลักในการดูแลภาพลักษณ์ศิลปิน เมื่อก้าวสู่เวทีสาธารณะ”
หากมีสถานการณ์รุนแรง การ์ดต้องกันคู่กรณีให้ออกไปจากพื้นที่ ต้องคุ้มกันไปจนถึงรถ เพราะมีหลายเหตุการณ์ที่กลับไปก่อเหตุในพื้นที่ด้านนอก ระหว่างขึ้นรถ นอกจากนี้การ์ดเวลาทำงานควรมีคู่บัดดี้ที่ช่วยกันทำงาน ไม่ควรปล่อยให้ทำงานคนเดียว เพราะอาจเกิดอันตรายแก่ตัวเองได้
การทำงานการ์ดไม่ได้ใช้แต่กำลัง แต่ต้องคิดตลอดว่า หากเกิดเหตุร้ายขึ้น ต้องระงับเหตุด้วยวิธีการไหน เพราะผู้ก่อเหตุบางรายถ้ามีการพูดจาดีๆ ด้วยท่าทีนอบน้อม ย่อมสามารถระงับเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นได้ สิ่งสำคัญต้องมีการเตรียมตัวอยู่เสมอว่า เหตุร้ายอาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา
“จากประสบการณ์ทำงานการ์ด สถานการณ์ที่ยากควบคุมคือ กรณีผู้ก่อเหตุอวดอ้างความร่ำรวย และรู้จักคนใหญ่คนโต ดังนั้นสิ่งสำคัญจึงต้องพยายามใช้ภาษากายในการสื่อสารให้บุคคลนั้นลดความรุนแรง และไม่ก่อให้เกิดความวุ่นวายแก่ผู้อื่น การ์ดจำเป็นจะต้องเป็นคนที่ช่างสังเกต จับตามองคนที่มีโอกาสก่อเหตุร้าย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรง” .