ดราม่าเกิดขึ้นในงานเกษตรแฟร์ อย่างไม่น่าจะเกิด ทำให้หลายคนงงงวย เมื่อมีผู้ทวีตรายหนึ่งโพสต์ข้อความไม่เห็นด้วยที่นิสิตสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ขายเมนูอาหารเนื้อกระต่ายและเนื้อจระเข้ เพราะมองว่าในฐานะผู้บริบาลสัตว์ ไม่ควรส่งเสริมการฆ่าสัตว์นำมาเป็นอาหาร เอาสัตว์มาหาประโยชน์ และอยากให้ผู้จัดนำไปพิจารณา พร้อมกับติดแฮชแท็ก #หมอกินคนไข้ และยังทำให้แฮชแท็ก #เกษตรแฟร์ ติดเทรนด์นิยมในทวิตเตอร์ ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์กันไปมา จนบางคนคิดขำๆ นึกว่าเป็นเรื่องคดีฆาตกรรม
เพื่อความกระจ่างกับหลายๆ คน ในประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้นว่าตกลงแล้วนิสิตสัตวแพทย์ ที่ในอนาคตจะกลายเป็นหมอรักษาสัตว์ และเป็นผู้บริบาลสัตว์ทั้งหลาย สามารถทำได้หรือไม่? “ศ.น.สพ.ดร.สถาพร จิตตปาลพงศ์” คณบดีคณะเทคนิคการสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ชี้ว่า เมนูเนื้อจระเข้และเนื้อกระต่าย เป็นสัตว์ในฟาร์มสามารถทำได้อยู่แล้ว เช่นเดียวกับนกต่างๆ ที่เลี้ยงในฟาร์มแล้วมาทำอาหาร เพราะไม่ใช่สัตว์ที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ หรือเป็นสัตว์ป่า
“ต้องแยกกันให้ออก ไม่ได้นำสัตว์ที่เลี้ยงมาเพื่อการทดลอง ทำวิจัย หรือสัตว์ที่จะต้องนำไปปล่อยในธรรมชาติ เอามาทำเมนูอาหารขายในงานเกษตรแฟร์ แต่หากเป็นเนื้อสัตว์ที่ไม่ใช่เพื่อการบริโภค เช่น สัตวป่า ก็น่าจะผิดจริยธรรมมากกว่าเสียอีก”
...
ยกเว้นเป็นเนื้อสัตว์บางประเภททำในลักษณะกึ่งฟาร์ม กึ่งธุรกิจ อย่างนกกระทา กระต่าย และจระเข้ สามารถทำได้ คนจะบริโภคหรือไม่ขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละคน เป็นแค่รสชาติที่แตกต่างในการเลือกกิน และจริงๆ แล้วเนื้อจระเข้ มีคนบริโภคน้อยมาก เพราะส่วนใหญ่จะเอาหนังไปทำกระเป๋ามากกว่า
เรื่องดราม่าที่เกิดอาจมีคนค่อนข้างอ่อนไหว ซึ่งมีเป็นส่วนน้อย มองว่าหมอกินคนไข้ อยากให้เข้าใจในประเด็นนี้ อีกทั้งคนส่วนใหญ่ก็มองเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่ได้ล่ากระต่ายในป่า แล้วนำมาทำเมนูอาหาร อย่างในต่างประเทศมองดูหนักกว่า เช่น ฝรั่งเศส บริโภคเนื้อม้า แต่เป็นเนื้อม้าที่เลี้ยงในฟาร์ม ถือเป็นความพอใจ เป็นรสนิยมในการบริโภค ยกเว้นถ้าไปบริโภคเนื้อสุนัข ก็เป็นเรื่องที่น่าตะขิดตะขวงใจมากกว่า ส่วนใหญ่ก็จะลักลอบเอาเนื้อมาบริโภค
“ไม่ใช่แอบลักลอบแล้วเอากระต่าย มาทำเป็นเมนูอาหาร อีกอย่างกระต่ายไม่ค่อยมีโรค ก็เหมือนกับหมู และวัว เมื่อป่วยก็รักษา จะไม่ให้สัตวแพทย์กินอะไรสักอย่างก็คงไม่ได้ หรือถ้าหมอกินคนไข้ ก็คงกินกันมานานแล้ว อย่างวัวนม ถ้าเกิดตายขึ้นมา ก็ต้องส่งโรงฆ่าสัตว์ และกระต่ายที่นำมาเป็นอาหาร เป็นสายพันธุ์กระต่ายเนื้อ ไม่ได้มีขายในจตุจักร ไม่ใช่กระต่ายบ้านที่เลี้ยงกันทั่วไป”
ปัจจุบันมีการเลี้ยงกระต่ายพันธุ์เนื้อในฟาร์ม ถือเป็นสัตว์เศรษฐกิจ มีขายตามท้องตลาดน้อยมาก ไม่ได้ขายเหมือนในร้านทั่วๆ ไป จะต้องสั่งพิเศษ ทำให้มีราคาแพงกว่าเนื้อวัว หรือกระต่าย 3 ตัว เมื่อเลาะกระดูกแล่เอาเนื้อออกมาก็ได้เนื้อไม่มาก และขึ้นอยู่กับพันธุ์ของกระต่าย ถือเป็นของหายาก ทำให้มีราคาแพงกว่าปกติ.