การผงาดขึ้นนั่งแท่นจ่าฝูงหลังผ่านไปครึ่งฤดูกาลของพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ทั้งๆที่เป็นทีมที่อุดมไปด้วยนักเตะดาวรุ่งที่มีค่าเฉลี่ยอายุเพียง 24.9 ปี กลายเป็น “เซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่” ประจำฤดูกาล 2022-2023 ไปโดยปริยาย และในท่ามกลางเสียงอื้ออึงไปทั่วทั้งแผ่นดินเมืองผู้ดีว่า “มันเกิดอะไรขึ้นที่เอมิเรตส์ สเตเดียมกันแน่?” วันนี้ “เรา” ลองลงลึกไปดู “ค่าสถิติต่างๆ” ที่บ่งชี้ถึง พัฒนาการที่ดีวันดีคืน ของ สโมสรปืนใหญ่ “อาร์เซนอล” เพื่อพยายามค้น “คำตอบ” ที่ว่า “เหตุใดพลพรรคปืนโตจึงช่างเปล่งประกายและแสนไฉไลจนกลับมาลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อีกครั้งในรอบหลายสิบปีกันแน่?”

“มิเกล อาร์เตตา” กุนซืออาร์เซนอล
“มิเกล อาร์เตตา” กุนซืออาร์เซนอล

...

พัฒนาการสถิติการคุมทีมของ มิเกล อาร์เตตา (Mikel Arteta) :

“มิเกล อาร์เตตา” เข้ารับงานที่ “เอมิเรตส์ สเตเดียม” เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2019 โดยในฤดูกาล 2019-2020 นั้น กุนซือหนุ่มผู้นี้พา “เดอะ กูนเนอร์ส” ทำสถิติในลีกด้วยการลงแข่ง 20 นัด ชนะ 9 นัด เสมอ 6 นัด แพ้ 5 นัด (ชนะ 45% แพ้ 25%)

ส่วนฤดูกาล 2020-2021 ซึ่งถือเป็นฤดูกาลที่คุมทีมปืนใหญ่อย่างเต็มตัวนั้น ทำสถิติแข่ง 38 นัด ชนะ 18 นัด เสมอ 7 นัด แพ้ 13 นัด (ชนะ 47.37% แพ้ 34.21%)

ฤดูกาล 2021-2022 ทำสถิติแข่ง 38 นัด ชนะ 22 นัด เสมอ 3 นัด แพ้ 13 นัด (ชนะ 57.89% แพ้ 34.21%)

และในฤดูกาลนี้ เมื่อผ่านไปครึ่งทางของพรีเมียร์ลีก 19 นัด พลพรรคปืนโตทำสถิติสุดหรูหราด้วยการลงแข่ง 19 นัด ชนะถึง 16 นัด เสมอ 2 และแพ้ไปเพียง 1 นัดถ้วน! (ชนะ 81.48% แพ้ 11.11%)

ทำให้เมื่อรวมสถิติการคุมทีมของ “อาร์เตตา” เฉพาะในพรีเมียร์ลีก ลงเล่นไปรวม 115 นัด สร้างสถิติชนะได้มากถึง 56.52% และแพ้เพียง 27.83%

จากสถิติที่เพิ่งผ่านสายตาไปจะเห็นได้ว่า เปอร์เซ็นต์การพาทีมอาร์เซนอลพบกับคำว่า “ชัยชนะ” ในพรีเมียร์ลีกมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี (45%, 47.37%, 57.89%, 81.48%) สิ่งนี้แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า การติดตั้งรูปแบบการเล่นเกมรุกเพื่อคว้าชัยให้กับทีมประสบความสำเร็จมากขึ้นและมากขึ้นในทุกๆ ปี จนทำให้คะแนนที่อาร์เซนอล ได้รับในแต่ละฤดูกาลค่อยๆ เขยิบขึ้นในทุกๆ ปีด้วย จาก 56 คะแนน สู่ 61 คะแนน, 69 คะแนน และล่าสุดในฤดูกาลนี้เพิ่งเล่นไปแค่ 19 นัด นักเตะปืนโตทำคะแนนในตารางพรีเมียร์ลีกไปแล้วถึง 50 คะแนน หรือ 72.46% ของคะแนนที่มากที่สุดเท่าที่ “อาร์เตตา” เคยคุมอาร์เซนอลมาเมื่อฤดูกาลที่แล้ว (69 คะแนน) ที่สำคัญไปกว่านั้น หลังผ่านไปเพียงครึ่งฤดูกาล ทีมชุดล่าสุดของอาร์เตตา กระหน่ำประตูในลีกรวมกันแล้วถึง 45 ประตู หรือ 73.77% จากประตูรวมในลีกทั้งหมดที่อาร์เซนอลทำได้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว (61ประตู) ด้วย!

...

นักเตะ Key Man เกมรับ :

“อารอน แรมส์เดล” (Aaron Ramsdale) ผู้รักษาประตู :

จากนายทวารที่ถูกตั้งเครื่องหมายคำถามว่า เพราะเหตุใดอาร์เซนอล จึงต้องยอมขนธนบัตรมากกว่า 30 ล้านปอนด์ไปสู่ขอนายทวารดาวรุ่งจากทีมเล็กๆ อย่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เพื่อมานั่งเป็นตัวสำรองของ แบรนด์ เลโน กันด้วย? หากแต่คำตอบที่ “อาร์เตตา” ตอกกลับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ คือ เขาซื้อนายทวารหนุ่มชาวอังกฤษผู้นี้ มาเป็น “ผู้พิทักษ์ประตูประจำเอมิเรตส์ สเตเดียม ต่างหากล่ะ!” และนี่ พัฒนาการด้านผลงานที่ “อารอน แรมส์เดล” ตอบแทนเจ้านายของเขา

“อารอน แรมส์เดล” นายทวารจอมหนึบ
“อารอน แรมส์เดล” นายทวารจอมหนึบ

ฤดูกาล 2021-2022 : “อารอน แรมส์เดล” ลงเล่นในลีกรวม 34 นัด เก็บ Clean Sheets 12 นัด เสียประตูรวม 39 ประตูจากทั้งหมด 48 ประตูตลอดฤดูกาล (ค่าเฉลี่ยเสียประตูต่อเกม 1.15 ประตู) และมีค่าเฉลี่ยในการป้องกันเมื่อถูกยิงประตูเข้ากรอบ 73.4% ส่วนการทำหน้าที่ออกมาสกัดบอลนอกกรอบเขตโทษ (Sweeper Clearances) ซึ่งเป็นพิมพ์นิยมของผู้รักษาประตูยุคใหม่ รวม 21 ครั้ง

...

ในขณะที่ผ่านไปครึ่งทางของฤดูกาลนี้ 2022-2023 “อารอน แรมส์เดล” ลงเล่นเต็ม 19 นัด เก็บ Clean Sheets ไปแล้วถึง 9 นัด และเพิ่งเสียประตูในลีกไปเพียง 16 ประตู (ค่าเฉลี่ยเสียประตูต่อเกม 0.84 ประตู) และมีค่าเฉลี่ยในการป้องกันเมื่อถูกยิงประตูเข้ากรอบ 75.9% และมีสถิติการออกมาสกัดบอลนอกกรอบเขตโทษ (Sweeper Clearances) รวมแล้ว 11 ครั้ง เห็นสถิติแบบนี้คงบอกได้คำเดียวว่า 30 ล้านปอนด์คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มสำหรับนายทวารสัญชาติอังกฤษวัยเพียง 24 ปี

“กาเบรียล มากัลเญส” (Gabriel Magalhaes) เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ :

นับตั้งแต่ไร้เงาของ “โทนี อดัมส์” หรือ “โซล แคมป์เบลล์” อาร์เซนอล ก็ไม่เคยมีเซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่สามารถไว้ใจได้อีกเลย แต่แล้วการทุ่มเงินถึง 27 ล้านปอนด์กับ “เจ้านายคนใหม่ของแผงหลัง” อย่าง “กาเบรียล มากัลเญส” ตั้งแต่เมื่อฤดูกาล 2020-2021 ก็ผลิดอกออกผล

โดยสถิติการลงเล่นในลีกให้กับอาร์เซนอล ของ กองหลังสัญชาติบราซิล เมื่อฤดูกาล 2021-2022 นั้น ลงเล่นไป 35 นัด เก็บ Clean Sheets ได้ 12 นัด และมีค่าเฉลี่ยการเข้าสกัดชนะคู่แข่ง 60% แย่งบอลจากคู่แข่งได้รวม 13 ครั้ง เตะสกัดบอลออกจากพื้นที่กรอบเขตโทษได้รวม 109 ครั้ง โดยในจำนวนนี้เป็นการโหม่งสกัด 61 ครั้ง (55.96%)

“กาเบียล มากัลเญส” กองหลังสุดแกร่ง
“กาเบียล มากัลเญส” กองหลังสุดแกร่ง

...

ส่วนในฤดูกาลนี้ (2022-2023) ผ่านไปครึ่งฤดูกาล “กาเบียล มากัลเญส” ลงเล่นในลีกครบทั้ง 19 นัด เก็บ Clean Sheets ได้ถึง 9 นัด มีค่าเฉลี่ยการเข้าสกัดชนะคู่แข่ง 73% แย่งบอลจากคู่แข่งได้รวม 17 ครั้ง เตะสกัดบอลออกจากพื้นที่กรอบเขตโทษได้รวม 67 ครั้ง และในจำนวนนี้เป็นการโหม่งสกัดถึง 41 ครั้ง (61.19%) จากสถิตินี้คงบอกได้อย่างชัดเจนแล้วมั่งว่า “เฟอร์จิล ฟานไดค์” เวอร์ชันบราซิล ผู้นี้คือใคร?

“โธมัส ปาร์เตย์” (Thomas Partey) มิดฟิลด์ Box to Box :

ครบเครื่อง เร็วแรงและดุดันแบบไม่เกรงใจใคร น่าจะเป็นคำจำกัดความที่แสนเหมาะสมสำหรับมิดฟิลด์ร่างทองในฤดูกาลนี้อย่างแท้จริงของเหล่ากูนเนอร์! โดยสถิติเกมรับของมิดฟิลด์วัย 29 ปี สัญชาติกานา เมื่อฤดูกาลที่แล้ว (2021-2022) ลงเล่นในลีกไปรวม 24 นัด ในแง่ของเกมรับ มีค่าเฉลี่ยการเข้าสกัดชนะคู่แข่ง 73% แย่งบอลจากคู่แข่งได้รวม 23 ครั้ง ทำฟาวล์คู่แข่งรวม 33 ครั้ง ส่วนการมีส่วนร่วมในเกมรุกนั้น "โธมัส ปาร์เตย์" ทำสถิติยิง 2 ประตู กับ 1 Assists โดยมีสถิติการผ่านบอลรวม 1,205 ครั้ง หรือ 50.21 ครั้งต่อเกม

“โธมัส ปาร์เตย์” หากอาร์เซนอล อยากได้แชมป์ ต้องภาวนาไม่ให้เขาเจ็บอย่างเด็ดขาด
“โธมัส ปาร์เตย์” หากอาร์เซนอล อยากได้แชมป์ ต้องภาวนาไม่ให้เขาเจ็บอย่างเด็ดขาด

ส่วนในฤดูกาลนี้ (2022-2023) “โธมัส ปาร์เตย์” ลงเล่นในลีกรวม 16 นัดจากทั้งหมด 19 นัด ยิงได้แล้ว 2 ประตู โดยมีสถิติการผ่านบอลรวม 1,042 ครั้ง หรือ 65.13 ครั้งต่อเกม ส่วนการเล่นเกมรับนั้น มีค่าเฉลี่ยการเข้าสกัดชนะคู่แข่ง 61% แย่งบอลจากคู่แข่งได้รวม 19 ครั้ง ทำฟาวล์คู่แข่งรวม 17 ครั้ง ซึ่งจากสถิติแบบนี้คงบอกได้คำเดียวว่า หากอาร์เซนอลคิดจะเป็นแชมป์ในฤดูกาลนี้ “โธมัส ปาร์เตย์” ต้องห้ามเจ็บอย่างเด็ดขาด

นักเตะ Key Man เกมรุก :

“มาร์ติน โอเดการ์ด” (Martin Odegaard) มิดฟิลด์ตัวรุก :

นักเตะ Wonder Kid สัญชาตินอร์เวย์ ที่ไม่รู้จะไปเสียเวลาทำไมกับ “รีล มาดริด” มาตั้งนาน ได้ฉายแสงอย่างเจิดจรัสอย่างที่ควรจะเป็นมาตั้งนานแล้วเสียทีกับ อาร์เซนอล นี่คือ นักเตะหมายเลข 10 ในแบบที่ “อาร์เตตา” ตามหามาเนิ่นนาน ทั้งชาญฉลาดในการจ่ายบอล, เทคนิคแพรวพราว ยิงประตูได้เฉียบคม และเล่นเพื่อทีมอย่างแท้จริง โดยฤดูกาลที่แล้ว (2021-2022) มิดฟิลด์จอมทัพผู้นี้ ลงเล่นในลีกไปรวม 36 นัด ยิงได้ 7 ประตู กับอีก 4 Assists มีสถิติการผ่านบอลรวม 1,559 ครั้ง (ค่าเฉลี่ยต่อนัดอยู่ที่ 43.31 ครั้ง) โดยในจำนวนนี้เป็นการผ่านบอลทะลุช่อง 19 ครั้ง และจ่ายบอลยาวผ่านแนวรับคู่แข่งสำเร็จอีก 43 ครั้ง ส่วนการมีส่วนร่วมในเกมรับนั้น มีค่าเฉลี่ยการเข้าสกัดชนะคู่แข่ง 43%

“มาร์ติน โอเดการ์ด” อัจฉริยะลูกหนังที่ควรฉายแสงนานแล้ว
“มาร์ติน โอเดการ์ด” อัจฉริยะลูกหนังที่ควรฉายแสงนานแล้ว

ขณะที่ในฤดูกาลนี้ (2022-2023) “มาร์ติน โอเดการ์ด” ลงเล่นในลีกครบ 19 นัด ยิงไปแล้ว 8 ประตู และเก็บได้อีก 5 Assists ซึ่งสูงกว่าที่ทำได้เมื่อฤดูกาลที่แล้วรวมกันเสียอีก! ส่วนสถิติการผ่านบอล นั้น ผ่านบอลไปรวม 767 ครั้ง (ค่าเฉลี่ยต่อนัดอยู่ที่ 42.61 ครั้ง) โดยในจำนวนนี้เป็นการผ่านบอลทะลุช่อง 13 ครั้ง และจ่ายบอลยาวผ่านแนวรับคู่แข่งสำเร็จอีก 28 ครั้ง และไม่เพียงเท่านั้นในแง่การเล่นเกมรับ ดาวเตะอัจฉริยะคนนี้ยังมีค่าเฉลี่ยการเข้าสกัดชนะคู่แข่งถึง 68% อีกด้วย! เรียกว่า พัฒนาดีขึ้นมากๆ ทั้งเกมรับและเกมรุก และเพราะเล่นได้ดีถึงเพียงนี้ ดาวรุ่งสัญชาติอังกฤษที่ “มิเกล อาร์เตตา” อุตสาห์บรรจงมอบเบอร์ 10 ให้สวมใส่อย่าง “เอมิล สมิธ โรว์" ซึ่งฉายแววอัจฉริยะออกมาได้อย่างน่าจับตาเช่นกัน จึงต้องไปนั่งสำรองอย่างน่าเสียดายในฝีเท้า

“บูกาโย ซากา” (Bukayo Saka) ตัวรุกริมเส้น :

ฟอร์มเดือดทะลุปรอท หากไม่นับ “มาร์คัส แรชฟอร์ด” ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแล้ว “บูกาโย ซากา” คือ นักเตะอังกฤษที่ฉายแสงอย่างเจิดจรัสที่สุดในลีกฤดูกาลนี้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นทั้งการลากเลื้อยและยิงประตู ปีกทีมชาติอังกฤษผู้นี้ ทำได้อย่างแทบไม่มีที่ติ แถมยังมักชอบโผล่มายิงประตูสำคัญๆ ที่ทีมจำเป็นต้องได้ชัยชนะให้กับทีมได้บ่อยๆ เสียด้วย โดยฤดูกาลที่แล้ว (2021-2022) “พ่อหนุ่มซากา” ลงเล่นครบทุกนัด 38 นัด ยิงไป 11 ประตู กับอีก 7 Assists โดยในจำนวนนี้เป็นการยิงด้วย เท้าขวา 1 ประตู เท้าซ้าย 10 ประตู และมีค่าเฉลี่ยความแม่นยำในการยิงประตู 32% ส่วนในเรื่องการทำเกมรุก นั้น “บูกาโย ซากา” ทำสถิติ ผ่านบอลรวม 1,062 ครั้ง (ค่าเฉลี่ยต่อนัด 27.95 ครั้ง) โดยในจำนวนนี้เป็นการครอสบอลจากริมเส้นรวม 110 ครั้ง

“บูกาโย ซากา” นักเตะลูกรักและความหวังของเดอะกูนเนอร์
“บูกาโย ซากา” นักเตะลูกรักและความหวังของเดอะกูนเนอร์

ส่วนในฤดูกาลนี้ (2022-2023) ปีกจรวดสัญชาติอังกฤษ ลงเล่นครบทั้ง 19 นัด ยิงไปแล้ว 7 ประตู และเก็บอีก 7 Assists โดยในจำนวนนี้เป็นการยิงด้วย เท้าขวา 2 ประตู เท้าซ้าย 5 ประตู และมีค่าเฉลี่ยความแม่นยำในการยิงประตู 36% ส่วนการมีส่วนร่วมในเกมรุก ทำสถิติ ผ่านบอลรวม 605 ครั้ง (ค่าเฉลี่ยต่อนัด 31.84ครั้ง) โดยในจำนวนนี้เป็นการครอสบอลจากริมเส้นรวมแล้ว 81 ครั้ง จากสถิตินี้เห็นได้ชัดเจนว่าพ่อหนุ่มคนนี้กำลังดีวันดีคืน และสามารถทดแทนการทำหน้าที่ยิงประตู ในยามที่ “กาเบรียล เฆซุส” ศูนย์หน้าตัวเก่งของทีมได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร้รอยต่อด้วย

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
กราฟิก Anon Chantanant

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง