รู้หรือไม่? ปี 2022 “กรุงลอนดอน” คือเมืองที่ทำให้ผู้คนเสียเวลาบนท้องถนนมากที่สุดในโลก โดยคิดเป็นเวลาเฉลี่ยมากถึง 156 ชั่วโมง! จากปัญหาการจราจรติดขัด จากรายงานของ INRIX บริษัทผู้ให้บริการด้านข้อมูลสภาพการจราจร และความปลอดภัยบนท้องถนน...หากอ่านมาถึงบรรทัดนี้ “คุณ” อยากรู้ต่อไปไหมว่า เมืองลำดับต่อไปที่สูญเสียเวลาบนท้องถนนไปเท่าไร ราคาพลังงานที่ต้องจ่ายให้กับการเสียเวลาอยู่ที่ประมาณเท่าไร และ “กรุงเทพฯ” เมืองหลวงของเรา เป็นเมืองที่รถติดในลำดับที่เท่าไร ได้โปรดเลื่อนสายตาตามเราไปกันต่อในบรรทัดต่อไปกันดีกว่า!

5 อันดับเมืองรถติดของโลก ปี 2022 จากรายงานของ INRIX :

1.กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ชั่วโมงที่ต้องสูญเสียไปบนถนน 156 ชั่วโมง (เพิ่มขึ้นจากปี 2021 +5%) ต้นทุนพลังงานเฉลี่ยที่สูญเสียไปจากปัญหาการจราจร 1,377 ดอลลาร์สหรัฐ ความเร็วเฉลี่ยรถยนต์บนท้องถนนอยู่ที่ 16 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกจากนี้ กรุงลอนดอน ยังครองแชมป์เมืองที่รถติดมากที่สุดอันดับหนึ่งของโลก เป็นปีที่ 2 ติดต่อกันด้วย

...

2.ชิคาโก ประเทศสหรัฐฯ ชั่วโมงที่ต้องสูญเสียไปบนถนน 155 ชั่วโมง (เพิ่มขึ้นจากปี 2021 +49%) ต้นทุนพลังงานเฉลี่ยที่สูญเสียไปจากปัญหาการจราจร 2,618 ดอลลาร์สหรัฐ ความเร็วเฉลี่ยบนถนน 17 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

3.กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ชั่วโมงที่ต้องสูญเสียไปบนถนน 138 ชั่วโมง (ลดลงจากปี 2021 -1%) ความเร็วเฉลี่ยบนถนน 17 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

4.บอสตัส ประเทศสหรัฐฯ ชั่วโมงที่ต้องสูญเสียไปบนถนน 134 ชั่วโมง (เพิ่มขึ้นจากปี 2021 +72%) ต้นทุนพลังงานเฉลี่ยที่สูญเสียไปจากปัญหาการจราจร 2,270 ดอลลาร์สหรัฐ ความเร็วเฉลี่ยบนถนน 17 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

5.โบโกตา ประเทศโคลัมเบีย ชั่วโมงที่ต้องสูญเสียไปบนถนน 122 ชั่วโมง (เพิ่มขึ้นจากปี 2021 +30%) ความเร็วเฉลี่ยบนถนน 17 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ส่วนอันดับที่ 32 คือ กรุงเทพมหานคร ชั่วโมงที่ต้องสูญเสียไปบนถนน 67 ชั่วโมง (เพิ่มขึ้นจากปี 2021 +34%) ความเร็วเฉลี่ยบนถนน 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

โดยปัจจัยที่ทำให้ทั้ง 5 เมือง กลายเป็นเมืองที่มีการจราจรติดขัดมากขึ้น เป็นผลมาจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น และการเดินทางในช่วงเช้าที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งเมื่อรวมเข้ากับการเดินทางในช่วงเย็นที่เริ่มฟื้นตัวจากปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2021 เป็นผลให้ปัญหาการจราจรบนท้องถนนเริ่มค่อยๆ พอกพูนขึ้นตามลำดับ

รถติดกับต้นทุนด้านเศรษฐกิจที่สูญเสีย :

ต้นทุนด้านเศรษฐกิจที่สูญเสียไปจากปัญหาการจราจรติดขัดนั้น จากรายงานของ INRIX ระบุว่า จากการศึกษาข้อมูลในประเทศสหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร และเยอรมนี พบว่า...

สหรัฐอเมริกา : มีชั่วโมงที่ต้องสูญเสียบนถนน 51 ชั่วโมง เพิ่มขึ้น 41.67% จากปี 2021 โดยเวลาที่สูญเสียเมื่อคิดเป็นต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 896 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 58.87% จากปี 2021 ขณะที่ต้นทุนพลังงานที่สูญเสียไปอยู่ประมาณ 546 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ เพิ่มขึ้น 32.52% จากปี 2021

สหราชอาณาจักร : มีชั่วโมงที่ต้องสูญเสียบนถนน 80 ชั่วโมง เพิ่มขึ้น 9.59% จากปี 2021 เวลาที่สูญเสียเมื่อคิดเป็นต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 926 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 18.87% จากปี 2021 ขณะที่ต้นทุนพลังงานที่สูญเสียไปอยู่ที่ประมาณ 756 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 27.06% จากปี 2021

เยอรมนี : มีชั่วโมงที่ต้องสูญเสียบนถนน 40 ชั่วโมง ซึ่งเท่ากับปี 2021 ด้านเวลาที่สูญเสียเมื่อคิดเป็นต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 439 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.6% จากปี 2021 และต้นทุนพลังงานที่สูญเสียไปอยู่ที่ประมาณ 651 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 6.9% จากปี 2021

...

สำหรับ “เวลาที่ต้องสูญเสียเมื่อคิดเป็นต้นทุน” นั้น เป็นการวิเคราะห์จากปัจจัยในเรื่องความล่าช้าในการขนส่ง, แรงกดดันจากเงินเฟ้อ, ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากปัญหาการจราจรติดขัดที่ทำให้คุณภาพชีวิตผู้คนลดต่ำลง ส่วนต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่กระโดดสูงขึ้นในปี 2022 ที่ผ่านมานั้น ปัจจัยหลักๆ มาจากราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นอันเป็นผลมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน อีกทั้งปัญหาการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่ผ่อนคลายลง ยังทำให้ผู้คนออกเดินทางด้วยรถยนต์มากขึ้นด้วย.

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
กราฟิก Anon Chantanant

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

...