ร้านอาหารบนถนนเยาวราช มีนายทุนจีนกว้านซื้อและเช่าเปิดร้านอาหารผ่านนอมินีชาวไทยจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็ขยายไปในหลายพื้นที่ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจีนอาศัยอยู่มาก ทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารไทยเริ่มหวั่นวิตกกับสิ่งที่เกิดขึ้น เนื่องจากร้านอาหารเหล่านี้ใช้วัตถุดิบและแรงงานชาวจีน ที่จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจไทยในระยะยาว

“ฐนิวรรณ กุลมงคล” นายกสมาคมภัตตาคารไทย ให้ความเห็นว่า ขณะนี้มีร้านอาหารของผู้ประกอบการไทยได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก จากกรณีที่กลุ่มทุนจีนเข้ามาบุกยึดกิจการร้านอาหารในไทย โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ มีชาวจีนมาเที่ยวและพักอาศัยจำนวนมาก เช่น เยาวราช พระราม 1 พระราม 2 พระราม 3 รัชดา ห้วยขวาง และหลังมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต

ชาวจีนที่มาลงทุนร้านอาหารส่วนใหญ่ มีทุนหนาและใช้พ่อครัว คนทำงานในร้านเป็นชาวจีน นอกจากนี้ยังพบว่า การเข้ามาของกลุ่มทุนจีน เริ่มตั้งแต่ปี 2563 ที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารคนไทยทยอยปิดตัว ซึ่งกลุ่มทุนจีนใช้โอกาสนี้ในการเช่า หรือซื้อร้านต่อผ่านนอมินี และเมื่อจีนเริ่มเปิดประเทศ แรงงานชาวจีน จึงไหลบ่ามาในธุรกิจร้านอาหารจำนวนมาก

“ผู้ประกอบการร้านอาหารไทยส่วนใหญ่ มีความรู้สึกว่าเป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม นักลงทุนจีนส่วนใหญ่มีทุนหนา โดยจะแสวงหาธุรกิจร้านอาหาร ในพื้นที่การลงทุนใหม่ นอกประเทศจีน ประกอบกับการลงทุนในฮ่องกง ขณะนี้มีความอิ่มตัว เลยทำให้มาลงทุนในไทย เพื่อเป็นฐานการลงทุนใหม่ แต่ด้วยความชาตินิยมของคนจีน ร้านอาหารส่วนใหญ่นำเข้าวัตถุดิบจากจีนมาทั้งหมด ทำให้เกษตรกรไทย ได้รับรายได้จากการลงทุนครั้งนี้น้อย”

...

สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ การบังคับใช้ทางกฎหมายของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพราะขณะนี้มีร้านขายสินค้าจากจีนทั้งของสดและของแห้งจำนวนมาก ดังนั้นหน่วยงานภาครัฐ ควรมีการเข้าไปตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยของอาหารที่นำเข้ามาให้มาก

“ร้านอาหารของคนจีนมีการใช้ผักผลไม้นำเข้าจากจีน ซึ่งมีราคาถูกกว่าในไทย ขณะที่แรงงานในร้านอาหาร มีการระบุไว้ในกฎหมายแรงงานว่าเป็นอาชีพสงวน ไม่สามารถเดินออกมาเสิร์ฟอาหารได้ ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องดำเนินแนวทางเชิงรุกในการเข้าไปตรวจสอบร้านอาหารคนจีน เพื่อดูว่าแรงงานชาวจีนมีการขอใบประกอบวิชาชีพแรงงานที่ถูกต้องหรือไม่”

ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ ต้องเข้าไปตรวจสอบความถูกต้องในการขอเปิดกิจการ และการจ่ายภาษีในการดำเนินธุรกิจร้านอาหารที่ถูก เช่นเดียวกับกรุงเทพฯ แต่ละเขตพื้นที่ต้องมีการตรวจสอบร้านอาหารของชาวจีนให้มากขึ้น ซึ่งการจะมาเปิดร้านได้ จะมีนอมินีคนไทย ที่หน่วยงานภาครัฐต้องทำการตรวจสอบทั้งระบบให้เข้มงวดกว่าเดิม

“ปีนี้มีการประมาณการจากสถานทูตจีนว่า คนจีนจะเข้ามาไทยประมาณ 10 ล้านคน และมีการใช้จ่ายตลอดทริปคนละ 5 หมื่นบาท ถ้าไม่มีการควบคุมร้านอาหารของชาวจีนอย่างเข้มงวด สุดท้ายรายได้เหล่านี้จะหมุนกลับไปยังคนจีน โดยที่ไทยแทบไม่ได้อะไรเลย”

ฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย
ฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย

ร้านชาบูบุฟเฟต์ ของคนจีนขณะนี้เข้ามาเปิดในไทยจำนวนมาก หลายร้านเริ่มขยายกิจการไปในย่านปริมณฑล ขณะเดียวกันแนวโน้มอนาคต คนจีนจะเข้ามาลงทุนในร้านอาหารแบบแผงลอยข้างถนนมากขึ้น เพราะนักท่องเที่ยวจีน ที่เข้ามามีความชื่นชอบกินร้านริมทางมากกว่าร้านในห้างสรรพสินค้า ดังนั้นยิ่งส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการรายย่อยของไทยมากขึ้น

หากหน่วยงานรัฐไม่มีการดำเนินการที่เข้มงวด จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการร้านอาหารของไทย และยังมีผลต่อเกษตร เช่นปัจจุบันกระเทียมไทยเริ่มหายากมากขึ้น เนื่องจากกระเทียมจีน เข้ามาตีตลาด โดยมีแนวโน้มว่าผลผลิตด้านการเกษตรชนิดอื่นของจีน จะเข้ามาตีตลาดไทยมากขึ้น เพราะมีรถไฟความเร็วสูงจากจีนมาถึงลาวแล้ว.