นัดชี้ชะตาศึก "เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็กทริค คัพ 2022" หรือ "ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2022" รอบชิงชนะเลิศนัดที่ 2 ระหว่าง ทีมชาติไทยและทีมชาติเวียดนาม ซึ่งจะระเบิดขึ้นที่สนามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ในช่วงค่ำวันนี้ นอกจากความสำคัญในการคว้าแชมป์เพื่อประดับเกียรติยศแล้ว คำถามสำหรับอนาคตต่อไปของทีมช้างศึก คือ หากเราคว้าแชมป์ได้สำเร็จแล้ว เราจะก้าวพ้นกับดักอาเซียนได้แล้วหรือยัง เพื่อมุ่งหน้าไปสู่ฟุตบอลโลกให้ได้สักที!
ทัวร์นาเมนต์อาเซียนคัพ 2022 ที่กำลังจะจบลงไปนี้ สามารถบ่งบอกถึงความก้าวหน้าของทีมช้างศึกได้แล้วหรือยัง นักเตะแห่งอนาคตและเงาของตำนานศูนย์หน้าตลอดกาลนามว่า “ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน” ถือกำเนิดขึ้นแล้วหรือยัง และท้ายที่สุด สมาคมฟุตบอลควรทำอะไรกับ 8 ปีที่เหลือเพื่อฟุตบอลโลกบ้าง ทั้งหมดนี้ “เรา” ไปฟังทัศนะจาก “โค้ชตุ้ม” รังสิวุฒิ ชโลปถัมภ์ ผู้บรรยายกีฬาชื่อดัง อดีตผู้จัดการสโมสรตำรวจและอุดรธานี เอฟซี และ “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ หัวหน้าผู้ฝึกสอนชลบุรี เอฟซี สองกูรูลูกหนังไทย ผ่าน "ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์"
...
นัดชิงชนะเลิศนัดที่ 2 ศึกอาเซียนคัพ :
“ส่วนตัวมองว่าแม้จะได้เล่นในบ้านก็ไม่ได้เปรียบ เพราะการได้เล่นในบ้านไม่ได้การันตีเสมอไปว่าจะเป็นแชมป์ได้ เพราะจะว่าไปแล้ว ฟุตบอลเล่นเสมอแล้วเป็นแชมป์มันเล่นยากนะ เพราะการเล่นเอาเสมอมันเล่นยาก ยิ่งมีกองเชียร์นักเตะมักจะยิ่งกดดัน เพราะความหวังเมื่อมันสูง มันย่อมส่งผลต่อสภาพจิตใจของนักเตะ โดยเฉพาะบรรดานักเตะอายุน้อยทั้งหลาย” โค้ชตุ้ม แสดงทัศนะถึงเกมในวันนี้กับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์
“สั้นๆ เลย ต้องอดทน เล่นเกมรุกด้วยความรัดกุมละเอียด ไม่ต้องรีบร้อนและต้องไม่เสียบอลง่ายๆ นอกจากนี้ อุ้ม (ธีราทร บุญมาทัน) คงไม่ได้เล่นง่ายๆ เหมือนนัดที่แล้วแน่ๆ ฝ่ายตรงข้ามคงมารุมเขาหนักมากๆ แน่นอน” กุนซือชลบุรี เอฟซี กล่าวถึงเกมที่กำลังจะเกิดขึ้น
ฟันธงผลการแข่งขัน :
โค้ชตุ้ม : “แม้อาจต้องเล่นแบบอึดอัดๆ อยู่บ้างแต่ทีมชาติไทยเราน่าจะเฉือนชนะได้อย่างน้อย 1 ประตูต่อ 0”
โค้ชเตี้ย : “ผมคิดว่ามีเสมอนะ แต่อาจจะเป็นการเสมอแบบเราอึดอัด และไม่เกินสกอร์ที่เราได้เปรียบคือ ไม่ 0 ประตูต่อ 0 ก็ 1 ประตูต่อ 1”
วิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อน :
...
ทีมชาติเวียดนาม :
โค้ชตุ้ม : “จุดเด่นของเวียดนาม คือ การโต้กลับและเข้าเพรสซิ่งเร็วทำได้ดีมาก เพียงแต่ในนัดนั้น นักเตะเต้นมากเกินไปหน่อย ซึ่งอาจจะเพราะเล่นในบ้าน มาตรฐานในส่วนที่ควรจะทำได้ก็เลยตกลงมานิดหน่อย นอกจากนี้ การเปิดบอลจากด้านข้างเพื่อให้ศูนย์หน้าโถมตัวเล่นลูกกลางอากาศยังถือเป็นจังหวะอันตรายได้อยู่เสมอ”
โค้ชเตี้ย : “ผมว่านัดที่แล้วเห็นได้ชัดเลยว่า เวียดนามเล่นได้ไม่ดีนัก นักเตะดูจะเกร็งๆ กันไปหน่อย ซึ่งอาจจะเป็นเพราะมีแรงกดดันในการเป็นเจ้าบ้าน จนทำให้จุดเด่นเรื่องการเข้าเพรซซิ่งไม่ดุดันเหมือนเช่นที่เคยเป็นมา”
ทีมชาติไทย :
โค้ชตุ้ม : “จุดเด่นของทีมชาติไทยในนัดที่แล้วคือ ช่วยกันเล่น ทีมเวิร์กดีมากๆ และเล่นแบบไม่กดดันตัวเอง ฉะนั้นนัดนี้ก็ขอให้เล่นแบบเดิม คือ ทำยังไงก็ได้ให้เวียดนามอึดอัดไปเองและไม่จำเป็นต้องไปเร่งเกมเพื่อเอาใจกองเชียร์ เน้นเพื่อผลการแข่งขันก็พอเพราะเราได้เปรียบอยู่แล้ว”
โค้ชเตี้ย : “ปัญหาในนัดนี้น่าจะมีเพียงอย่างเดียว คือ ทีมชาติไทยอาจต้องเล่นแบบขัดใจแฟนบอลไปบ้างเพื่อมุ่งเป้าไปที่การเป็นแชมป์เป็นสำคัญ ฉะนั้นส่วนตัวอยากขอร้องแฟนบอลทุกคนว่า อย่าไปกดดันนักเตะมากจนเกินไปนัก”
...
นักเตะที่น่าจับตา :
ทีมชาติเวียดนาม :
โค้ชตุ้ม : “เหงียน เทียน ลินห์” กองหน้าของเวียดนามต้องระวังให้ดี เพราะเป็นนักเตะที่เล่นลูกอากาศซึ่งเป็นจุดอ่อนของทีมชาติไทยชุดนี้ได้ดีมากๆ
โค้ชเตี้ย : ไม่ต้องสงสัย “เหงียน เทียน ลินห์” กองหน้าตัวเป้ารายนี้แข็งแกร่งมากเรื่องลูกกลางอากาศ ฉะนั้นทีมชาติไทยต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
ทีมชาติไทย :
โค้ชตุ้ม : “เดอะอุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน นัดที่แล้วฉายแสงเปล่งประกายอย่างเจิดจรัส โดยเฉพาะการจ่าย Killer Pass แบบชิงจังหวะเปิดบอลเร็ว สามารถสร้างภัยคุกคามแนวรับของทีมดาวทองได้อย่างต่อเนื่อง หากนัดนี้ ขยับออกไปทางริมเส้นทางซ้ายให้มากกว่าเดิม น่าจะสร้างผลลัพธ์ที่ดีขึ้นให้กับทีมชาติไทยได้แน่นอน
...
“สังเกตให้ดีมิดฟิลด์ทีมชาติไทยชุดนี้ ไม่มีใครเปิดบอลไกล แต่อุ้มเขาเป็นคนมองไกล พอมองไกล วิธีที่มองไกล มันจะสร้างความได้เปรียบให้กับทีมได้ตลอดเวลา”
โค้ชเตี้ย : “ธีราทร บุญมาทัน สารัช อยู่เย็น และพีรดนย์ ฉ่ำรัศมี แผงมิดฟิลด์ของเราชุดนี้แข็งแกร่งมาก และเป็นกลุ่มนักเตะที่มีความสามารถในการเปลี่ยนทิศทางของเกมได้เลย”
Wonder Kids ที่น่าจับตา :
“ปรเมศย์ อาจวิไล” กองหน้าจากเมืองทอง ยูไนเต็ด
โค้ชตุ้ม : “เด็กคนนี้ทักษะดีมาก ความเร็วก็มี แถมการจับบอลแล้วเคลื่อนที่ไปข้างหน้ายังนิ่งมากๆ หากในนัดนี้ปรับแท็กติก ส่งกองหน้าอีกคนลงไปเล่นคู่กัน เจ้าหนูคนนี้น่าจะสามารถสร้างผลงานที่โดดเด่นมากกว่าเดิมได้”
โค้ชเตี้ย : “ก็อย่างที่พี่ตุ๊ก (ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน) เขาบอกไว้ ผมก็กำลังจับตาดูเหมือนกันว่าเจ้าหนูคนนี้จะไปไกลได้มากแค่ไหน ส่วนตัวผมมองว่า ปรเมศย์ ก็เป็นนักเตะที่ครบเครื่อง เพียงแต่ในหลายๆ เรื่องอาจต้องใช้เวลาในการพัฒนา อย่างเรื่องรูปร่างและความเร็ว เพราะการที่ใครก็ตามจะเป็นเงาของปิยะพงษ์ได้ ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อยู่แล้ว”
กับดักฟุตบอลระดับอาเซียน :
โค้ชตุ้ม : “หากเราได้แชมป์ มันจะมีผลในแง่ของการเริ่มต้นใหม่ และหากคิดจะก้าวข้ามอาเซียนให้ได้ ง่ายๆ เลย เราต้องเล่นให้แบบอีกฝ่ายไม่เจอบอล นั่นแหละเราจึงสามารถพูดได้เต็มปากว่าเราก้าวข้ามอาเซียนได้แล้ว!”
การเริ่มต้นใหม่ในที่นี้หมายถึง การเรียกศรัทธาคืนจากแฟนบอล และเมื่อได้รับผลลัพธ์เช่นนั้นแล้ว สิ่งที่ควรเริ่มทำคือ การปูพื้นฐานกันใหม่ว่าจะทำอย่างไรว่าจะรักษามาตรฐานอาเซียนเอาไว้ได้ ซึ่งในที่นี้หมายถึง...ในระดับซีเกมส์ต้องเอาชุด U-23 ลงเล่นเท่านั้น ไม่ต้องเอานักเตะชุดใหญ่ลงไปผสมผสาน เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ เพราะเมื่อเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีได้ บรรดานักเตะเยาวชนก็จะแอ็กทีฟกันขึ้นมา
ลำดับต่อไปคือ ต้องเลือกโค้ชคนไหนเป็นผู้สร้างทีมขึ้นมาใหม่ทั้งหมดพร้อมๆ กับวางแผนการพัฒนาทีมในระยะยาว เพราะหากตั้งเป้าเอาไว้ว่าอีก 8 ปี ไทยจะไปเล่นฟุตบอลโลกแล้วตัวผู้เล่นเรายังไม่ถึงระดับที่น่าพอใจ...มันก็คงลำบาก
“สิ่งที่ต้องเริ่มทำได้แล้วคือ เมื่อเห็นว่านักเตะเยาวชนคนไหนมีแวว ต้องช่วยกันคิดได้แล้วว่าจะทำอย่างไรถึงจะส่งเสริมให้พวกเขาเหล่านั้นมีพัฒนาการที่สูงกว่านี้ เพราะการเล่นฟุตบอลในต่างแดน สำคัญกว่าการเล่นในลีกของไทยไปแล้ว”
นักฟุตบอลไทยสามารถไปเล่นในเจลีกได้ เพียงแต่จะทำอย่างไรเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเหล่านักเตะที่มีแววเหล่านั้น มั่นใจในตัวเองว่า สามารถลงไปเล่นในระดับนั้นได้ นั่นคือโจทย์ที่คนในสมาคมและสโมสรในไทยลีกต้องช่วยกันคิด โดยเฉพาะการพัฒนาทักษะความสามารถเฉพาะตัวเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักฟุตบอลไทย เพราะด้วยความที่รูปร่างเสียเปรียบ แต่หากมีทักษะความสามารถเฉพาะตัวที่ยอดเยี่ยมจะช่วยชดเชยจุดด้อยเหล่านั้นได้
“ทีมในไทยลีกเรามักจะเลือกเน้นรูปแบบการฝึกซ้อมแบบเล่นเป็นทีมเป็นหลัก จนกระทั่งอาจละเลยเรื่องการพัฒนาความสามารถเฉพาะตัวให้กับนักเตะเป็นคนๆ ไปบ้าง โดยเฉพาะการหาโค้ชส่วนตัวเพื่อพัฒนาทักษะของนักเตะในแต่ละตำแหน่งเป็นการเฉพาะ เพราะการถ่ายทอดประสบการณ์ของนักเตะจากรุ่นสู่รุ่นจะทำให้นักเตะเยาวชนพัฒนาได้รวดเร็วขึ้น และไม่ควรตั้งทัศนคติที่ว่า เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องของฟุตบอลสมัยเก่า ฟุตบอลสมัยใหม่เขาเล่นกันแบบนี้เสียตั้งแต่แรก
อย่าง ตุ๊ก (ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน) เขาอยากเป็นโค้ชกองหน้า ทำไมไม่ลองให้เขาเป็นไปดูล่ะ เพราะในบรรดากองหน้าทีมชาติไทยจากอดีตจนถึงปัจจุบัน มีใครสู้เขาได้บ้างไหมล่ะ? ทำไมต้องแยกพวกเขา พวกเรา แทนที่จะมองเป้าหมายร่วมกันเพื่อประเทศชาติ ตุ๊ก เขาสามาถถ่ายทอดประสบการณ์เรื่องการเข้าทำ หรือควรเคลื่อนที่ไปตรงไหนถึงจะได้เปรียบได้สบายๆ อยู่แล้ว ไม่เห็นจะมีข้อเสียตรงไหนเลย ทั้งๆ ที่แค่เอ่ยปากเขาก็มาให้แล้ว”
โค้ชเตี้ย : หากได้แชมป์ ส่วนหนึ่งจะช่วยลบคำครหาต่างๆ นานาเกี่ยวกับฟุตบอลไทยในเวลานี้ได้ แต่อย่างไรก็ดี ไม่อยากให้ความสำเร็จที่เกิดขึ้นหายเข้ากลีบเมฆ เพราะสมาคมฟุตบอลไทยและบรรดาสโมสรต่างๆ ในไทยลีก ควรร่วมมือกันในการขยับเรื่องการพัฒนานักเตะ U-18 U-20 และ U-23 อย่างจริงจัง เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายฟุตบอลโลกในอีก 8 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ ส่วนตัวอยากเรียกร้องให้สมาคมฟุตบอล ดึงตัวอดีตนักเตะทีมชาติเข้าไปช่วยงานให้มากขึ้นด้วย โดยเฉพาะในเรื่องการถ่ายทอดประสบการณ์ในการเล่น
“เรื่องนี้ผมค่อนข้างแปลกใจไม่น้อย ทำไมทีเวลาฝรั่งเรายอมลงทุนได้ แต่กลับคนไทยด้วยกันทำไมดูเหมือนจะดูแคลนกันไปนิดนึง”
ส่วนคำถามที่ว่าเวลาอีก 8 ปีเพื่อไปฟุตบอลโลก หากลงมือทำตอนนี้ยังทันอยู่หรือไม่ โค้ชเตี้ย บอกกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ด้วยน้ำเสียงสุดมั่นใจว่า “ทันแน่นอนครับ!”
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง