“คุณ” คิดว่า “นักเตะคนไหน?” จะกลายเป็น “กุญแจสำคัญ” ที่มีผลต่อชัยชนะในบิ๊กแมตช์ศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบ 8 ทีมสุดท้ายระหว่าง “ทีมชาติฝรั่งเศส” และ “ทีมชาติอังกฤษ” นักเตะคนนั้นควรจะเป็น “คีเลียน เอ็มบัปเป” กองหน้าความเร็วสูง ดุดัน และเต็มไปด้วยอันตรายทุกฝีก้าว ซึ่งปัจจุบันขึ้นนำเป็นดาวซัลโวในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ด้วยสถิติ 4 นัด 5 ประตู หรือ เดอะเฮอริเคน “แฮร์รี เคน” ดาวยิงผู้เฉียบคมที่พร้อมผลิตสกอร์ได้ในทุกๆ จังหวะที่ได้สัมผัสบอล ซึ่งในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ถอยต่ำลงไปรับบทบาท “False nine” เพื่อแจกจ่ายบอลให้ ปีกความเร็วจัดของทีม อย่าง “บูกาโย ซากา” หรือ “ฟิล โฟเดน” เข้าไปทำประตู มากกว่าที่จะยืนค้ำรอยิงประตูเพียงอย่างเดียวเช่นในอดีต
ซึ่งอาจจะเป็นเพราะการยอมรับบทบาท “เล่นเพื่อทีม” เช่นนี้ก็ได้ “แฮร์รี เคน” จึงเพิ่งยิงประตูในฟุตบอลโลกครั้งนี้ได้เพียง 1 ประตู จากทั้งหมด 12 ประตู ที่ อังกฤษทำได้ และไปโดดเด่นเรื่องการทำ Assist แทน ซึ่งปัจจุบัน (สิ้นสุดรอบ 16 ทีมสุดท้าย) “แฮร์รี เคน” จึงกลายเป็นผู้นำการทำ Assist ในฟุตบอลโลก 2022 ด้วยสถิติ 3 Assist แทน
...
แล้วฟอร์มการเล่น ณ ปัจจุบันในฟุตบอลโลก 2022 ระหว่าง “คีเลียน เอ็มบัปเป” และ “แฮร์รี เคน” ใครโดดเด่นมากกว่ากัน?
สถิติการลงเล่น :
คีเลียน เอ็มบัปเป : อายุ 23 ปี ลงเล่น 4 นัด (ตัวจริง 3 นัด) รวมเวลาในสนาม 298 นาที (82.8%)
แฮร์รี เคน : อายุ 29 ปี ลงเล่น 4 นัด (ตัวจริง 4 นัด) รวมเวลาในสนาม 312 นาที (86.7%)
อิทธิพลเมื่อปรากฏตัวในสนาม :
คีเลียน เอ็มบัปเป : จำนวนประตูที่ทีมยิงได้เมื่ออยู่ในสนาม 9 ประตูจากทั้งหมด 9 ประตู (100%)
จำนวนประตูที่ทีมเสียเมื่ออยู่ในสนาม 3 ประตู จากทั้งหมด 4 ประตู (75%)
แฮร์รี เคน : จำนวนประตูที่ทีมยิงได้เมื่ออยู่ในสนาม 10 ประตูจากทั้งหมด 12 ประตู (83.33%)
จำนวนประตูที่ทีมเสียเมื่ออยู่ในสนาม 1 ประตู จากทั้งหมด 2 ประตู (50%)
การมีส่วนร่วมกับเกม :
สถิติการสัมผัสบอล :
คีเลียน เอ็มบัปเป : สัมผัสบอล 215 ครั้ง
โดยแบ่งเป็นการสัมผัสบอลในพื้นที่แดนกลาง 59 ครั้ง (27.44%), แดนหน้า 157 ครั้ง (73%), พื้นที่กรอบเขตโทษฝ่ายตรงข้าม 42 ครั้ง (19.53%)
...
แฮร์รี เคน : สัมผัสบอล 105 ครั้ง
โดยแบ่งเป็นการสัมผัสบอลในพื้นที่กรอบเขตโทษฝ่ายตัวเอง 4 ครั้ง (3.81%) , พื้นที่แดนหลัง 5 ครั้ง (4.76%), แดนกลาง 46 ครั้ง (43.81%), แดนหน้า 54 ครั้ง (51.43%), พื้นที่กรอบเขตโทษฝ่ายตรงข้าม 7 ครั้ง (6.67%)
จากสถิติที่เพิ่งผ่านสายตา “คุณ” ไป “เรา” พอมองเห็นภาพอะไรบ้าง?
วิเคราะห์การมีส่วนร่วมกับเกม :
จากสถิติจะเห็นได้ชัดด้วยว่า ตัวเลขการสัมผัสบอลของ “คีเลียน เอ็มบัปเป” ซึ่งอยู่บริเวณแดนกลางและแดนหน้าค่อนไปทางริมเส้นด้านซ้ายเป็นหลัก สอดคล้องกับแท็กติกการใช้ “ความเร็วเร่ง” (จากวิเคราะห์ของสื่อต่างประเทศ ค่าเฉลี่ยการวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดของ “เอ็มบัปเป” อยู่ที่ 35.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วน “เคน” อยู่ที่ค่าเฉลี่ย 33 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าสำคัญของยอดดาวยิงหมายเลขหนึ่งของทีมตราไก่ในเวลานี้ เข้าโจมตีฝ่ายตรงข้าม (ฝรั่งเศสมีค่าเฉลี่ยการขึ้นบอลทางกราบซ้าย ซึ่งมี “เอ็มบัปเป” ประจำการอยู่ เข้าโจมตีฝ่ายตรงข้ามถึง 41% ส่วนทางกราบขวาอยู่ที่ 37%)
...
นอกจากนี้ ตลอด 4 นัดที่ผ่านมา “เอ็มบัปเป” ยังใช้ความเร็วอันน่าสยดสยองนี้ กระชากบอลเปิดจากการริมเส้นเพื่อเข้าทำประตูได้มากถึง 21 ครั้งด้วย
ในขณะที่ “แฮร์รี เคน” มีสถิติการสัมผัสบอลกระจายไปทั่วทั้งสนาม แม้แต่ในพื้นที่กรอบเขตโทษของฝ่ายตัวเอง นอกจากนี้ ดาวยิงจากทอตแนม ฮอตสเปอร์ ยังมีสถิติการสัมผัสบอลในพื้นที่กรอบเขตโทษฝ่ายตรงข้าม “น้อยกว่า” คีเลียน เอ็มบัปเป ถึง 35 ครั้ง (เคน 7 ครั้ง เอ็มบัปเป 42 ครั้ง) จากการต้องถอยตัวเองลงไปรับบทบาท “กองหน้าตัวหลอก”
การสร้างภัยคุกคามฝ่ายตรงข้าม :
การสร้างโอกาสในการยิงประตู :
คีเลียน เอ็มบัปเป : ทำได้ 34 ครั้ง จากทั้งหมด 127 ครั้งที่ฝรั่งเศสทำได้ (26.77%) โดยแยกเป็น 1.จ่ายบอลสำเร็จขณะเคลื่อนที่จนนำไปสู่การยิงประตู 23 ครั้ง จากทั้งหมด 99 ครั้งที่ฝรั่งเศสทำได้ (23.23%) 2.จ่ายบอลลูกนิ่งสำเร็จจนนำไปสู่การยิงประตู 1 ครั้ง จากทั้งหมด 10 ครั้งที่ฝรั่งเศสทำได้ (10%) 3.เลี้ยงบอลจนนำไปสู่การยิงประตู 4 ครั้ง จากทั้งหมด 5 ครั้งที่ฝรั่งเศสทำได้ (80%) 4.ยิงประตูจนนำไปสู่การยิงซ้ำ 4 ครั้ง จากทั้งหมด 9 ครั้งที่ฝรั่งเศสทำได้ (44.44%) 5.ถูกทำฟาลว์จนนำไปสู่การยิงประตู 2 ครั้ง จากทั้งหมด 1 ครั้งที่ฝรั่งเศสทำได้ (50%)
...
แฮร์รี เคน : ทำได้ 9 ครั้ง จากทั้งหมด 79 ครั้งที่อังกฤษทำได้ (11.39%) โดยแยกเป็น 1.จ่ายบอลสำเร็จขณะเคลื่อนที่จนนำไปสู่การยิงประตู 5 ครั้ง จากทั้งหมด 45 ครั้งที่อังกฤษทำได้ (11.11%) 2.จ่ายบอลลูกนิ่งสำเร็จจนนำไปสู่การยิงประตู 0 ครั้ง จากทั้งหมด 11 ครั้งที่อังกฤษทำได้ (0%) 3.เลี้ยงบอลจนนำไปสู่การยิงประตู 1 ครั้ง จากทั้งหมด 10 ครั้งที่อังกฤษทำได้ (10%) 4.ยิงประตูจนนำไปสู่การยิงซ้ำ 2 ครั้ง จากทั้งหมด 5 ครั้งที่อังกฤษทำได้ (40%) 5.ถูกทำฟาวล์จนนำไปสู่การยิงประตู 1 ครั้ง จากทั้งหมด 5 ครั้งที่อังกฤษทำได้ (20%)
สถิติการเลี้ยงบอล :
คีเลียน เอ็มบัปเป : เลี้ยงบอลหลบคู่แข่ง 29 ครั้ง สำเร็จ 13 ครั้ง (44.8%)
แฮร์รี เคน : เลี้ยงบอลหลบคู่แข่ง 8 ครั้ง สำเร็จ 4 ครั้ง (50%)
ความเร็วในการคุกคามฝ่ายตรงข้าม :
ค่าเฉลี่ยการวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด : คีเลียน เอ็มบัปเป 35.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ค่าเฉลี่ยการวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด : แฮร์รี เคน 33 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
จากสถิติที่เพิ่งผ่านสายตา “คุณ” ไป “เรา” พอมองเห็นภาพอะไรบ้าง?
วิเคราะห์การสร้างภัยคุกคาม :
จากสถิติจะเห็นได้ว่า “คีเลียน เอ็มบัปเป” สามารถสร้างโอกาสในการยิงประตูให้กับทีมชาติฝรั่งเศสได้มากถึง 26.77% ส่วน “เคน” อยู่ที่เพียง 11.39%
นอกจากนี้ อีกหนึ่งสถิติจากประเด็นนี้ที่น่าสนใจคือ การสร้างโอกาสในการยิงประตู “ด้วยการเลี้ยงบอล” ซึ่งดาวยิงฝรั่งเศสสามารถสร้างภัยคุกคามในรูปแบบนี้ได้ถึง 4 ครั้ง จากทั้งหมด 5 ครั้งที่ฝรั่งเศสทำได้ หรือ คิดเป็น 80% ในขณะที่ “แฮร์รี เคน” ซึ่งไม่คล่องแคล่วเท่า ทำได้เพียง 1 ครั้ง จากทั้งหมด 10 ครั้งที่ทีมชาติอังกฤษทำได้ หรือ คิดเป็น 10% เท่านั้น
ซึ่งในประเด็นนี้จากสถิติคงพอจะชี้ชัดลงไปเลยว่า หากเป็นการ “ดวลเดี่ยว” หรือ ใช้ความสามารถเฉพาะตัวเพื่อเข้าทำประตู “คีเลียน เอ็มบัปเป” ถือเป็นภัยคุกคามที่น่าหวาดหวั่นต่อฝ่ายตรงข้ามมากกว่า “กองหน้าทรีไลออนส์” โดยเฉพาะเมื่อใช้ความเร็วเร่งฉีกหนีคู่ต่อสู้
สถิติการยิงประตู :
คีเลียน เอ็มบัปเป : พยายามยิง 21 ครั้ง เข้ากรอบ 10 ครั้ง ยิงได้ 5 ประตู (47.6%) , ค่าเฉลี่ยระยะทางในการเลี้ยงลูกเข้าไปยิงประตู 16 หลาจากประตูฝ่ายตรงข้าม, ประสิทธิภาพของโอกาสยิงประตูต่อครั้ง (XG) อยู่ที่ 2.7
แฮร์รี เคน : พยายามยิง 7 ครั้ง เข้ากรอบ 2 ครั้ง ยิงได้ 1 ประตู (28.6%), ค่าเฉลี่ยระยะทางในการเลี้ยงลูกเข้าไปยิงประตู 16.5 หลาจากประตูฝ่ายตรงข้าม, ประสิทธิภาพของโอกาสยิงประตูต่อครั้ง (XG) อยู่ที่ 0.9
จากสถิติที่เพิ่งผ่านสายตา “คุณ” ไป “เรา” พอมองเห็นภาพอะไรบ้าง?
วิเคราะห์การยิงประตู :
เห็นได้ชัดว่าการยอมรับบทพระรอง “False nine” ทำให้ “แฮร์รี เคน” มีโอกาสยิงประตูน้อยกว่า “คีเลียน เอ็มบัปเป” ถึงเกือบ 20% และยังมีค่าเฉลี่ยระยะทางในการยิงประตูไกลกว่าอีกด้วย
อย่างไรก็ดี ทั้งหมดนี้เป็นเพียงสถิติส่วนตัวของ “นักเตะแห่งความหวัง” ของทั้ง 2 ทีมเท่านั้น เพราะแม้ว่า จากสถิตินี้ดูเหมือนว่า “คีเลียน เอ็มบัปเป” จะน่าหวั่นเกรงมากกว่า หากแต่สิ่งที่ต้องไม่ลืมคือ ในฟุตบอลโลก 2022 นี้ “ทีมสิงโตคำราม” ซึ่งผ่านเข้ามาเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ ด้วยการยิงประตูคู่แข่งมากถึง 12 ประตู และเป็นใส่สกอร์จากนักเตะถึง 8 คน!
ในขณะที่ “ทีมชาติฝรั่งเศส” ใช้กำลังพลเพื่อผลิตสกอร์เพียง 3 คน จากทั้งหมด 9 ประตูที่ทำได้เท่านั้น ซึ่งประเด็นนี้อาจเป็นตัวชี้วัดได้ว่า ทีมชาติอังกฤษชุดนี้ ไม่จำเป็นต้องหวังพึ่งดาวยิงเพียงคนใดคนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งผิดกับ “ทัพเลอ เบลอส์” ที่ ณ โมงยามนี้ หากไร้ซึ่ง “คีเลียน เอ็มบัปเป” เสียแล้ว...ความน่าเกรงขามก็อาจลดลงไปไม่ใช่น้อย!
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
กราฟิก Theerapong C.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง