หลัง “ลิโอเนล เมสซี” พา “ทีมชาติอาร์เจนตินา” มีชัยชนะเหนือทีมชาติออสเตรเลีย 2 ประตูต่อ 1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เพื่อต่อเติมความหวังในการคว้าแชมป์โลกเป็น “ครั้งแรก” ในชีวิต และอาจเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายสำหรับอีกหนึ่งตำนานของวงการฟุตบอลโลก “ชัยชนะ” ที่ว่านี้มีประเด็นอะไรที่ “น่าสนใจ” และน่านำมาเล่าให้ “คุณ” ได้รับฟังในวันนี้บ้าง? วันนี้ “เรา” ค่อยๆร่วมละเลียดสายตาไปด้วยกัน นับจากบรรทัดนี้เป็นต้นไป

Messi in World Cup :

“ลิโอเนล เมสซี” (Lionel Messi) ปัจจุบันอายุ 34 ปี (เกิด 24 มิ.ย. 1987) ผ่านการลงเล่นในฟุตบอลโลกมาแล้วถึง 5 ครั้ง คือ ปี 2006, ปี 2010, ปี 2014, ปี 2018 และล่าสุดปี 2022

คำถามต่อไป ฟุตบอลโลกแต่ละครั้ง “เมสซี” โชว์ฟอร์มได้ดีแค่ไหน?

...

ฟุตบอลโลก 2006 :

ฟุตบอลโลกครั้งแรกของ “เมสซี” คือ ฟุตบอลปี 2006 ที่ประเทศเยอรมนี โดยในเวลานั้น “เมสซี” มีอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น และด้วยเหตุนี้ “แข้งเท้าซ้ายมากพรสวรรค์” จึงยังเป็นเพียง “ส่วนหนึ่ง” ของทีม และได้สัมผัสฟุตบอลโลกครั้งแรกด้วยระยะเวลารวมเพียง 120 นาที จากการได้ลงเล่นรวม 3 นัด และได้ลงเป็นตัวจริงเพียง 1 นัด เท่านั้น

ก่อนที่ ทีมชาติอาร์เจนตินา จะพ่ายแพ้จุดโทษให้กับ “ทีมอินทรีเหล็ก” ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายไปอย่างน่าเสียดาย อย่างไรก็ดีแม้จะได้สัมผัสฟุตบอลโลกครั้งแรกด้วยระยะเวลาจำกัด แต่ เมสซี ซึ่งในเวลานั้นมีอายุ 18 ปี 357 วัน ก็สามารถฝากผลงานที่น่าจดจำ ด้วยการยิงประตูแรกในฟุตบอลโลกได้สำเร็จ! ในนัดที่พบกับ ทีมชาติเซอร์เบียและทีมชาติมอนเตเนโกร ทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นนักเตะอาร์เจนตินาที่อายุน้อยที่สุดที่สามารถยิงประตูได้ในฟุตบอลโลก

ฟุตบอลโลก 2010 :

ฟุตบอลโลกครั้งแรกบนแผ่นดินแอฟริกา “เมสซี” ในวัย 22 ปี ซึ่งเปล่งปลั่งแล้วกับ “สโมสรบาร์เซโลนา” ได้ก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักให้กับทีมชาติอาร์เจนตินาอย่างเต็มตัว มิหนำซ้ำการช่วยพาทีมชาติอาร์เจนตินาคว้าเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิกที่ปักกิ่ง 2008 มาได้หมาดๆ ทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฟุตบอลโลกครั้งที่ 2 ของบุรุษที่แบกทีมชาติอาร์เจนตินาเอาไว้บนไหล่ทั้งสองข้าง จึง “เต็มไปด้วยความคาดหวัง”

หากแต่...เรื่องที่สร้างความ “น่าประหลาดใจ” ให้กับแฟนบอลทั่วโลก คือ เมสซี ซึ่งได้ลงเล่นเป็นตัวจริงทั้ง 5 นัด (รวมระยะเวลาในสนาม 450 นาที) กลับกลายเป็น “ดาวที่อับแสง” ไปอย่างเหลือเชื่อ ก่อนจะตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยการพ่ายแพ้ให้กับ ทีมชาติเยอรมนี (อีกครั้ง) ไปอย่างหมดรูปถึง 4 ประตูต่อ 0! แต่ที่ร้ายไปกว่านั้นคือ เมสซี ไม่สามารถ “ยิงประตู หรือ Assist” ให้เพื่อนร่วมทีมได้เลย เรียกว่าฟุตบอลโลกครั้งนั้น คือ ฟุตบอลโลกที่ไม่น่าจดจำแม้แต่น้อย สำหรับ เมสซี

...

ฟุตบอลโลก 2014 :

ว่ากันว่า อายุ 26-28 ปี คือช่วงอายุเฉลี่ยที่มักเป็นจุดพีกที่สุดของนักฟุตบอลทุกคน ซึ่งในกรณีของ “เมสซี” ก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน!

ถึงแม้ว่า...ฟุตบอลโลกครั้งนี้จะถูกจัดที่ “บราซิล” และไม่น่าจะมีทีมใดในโลกที่หาญกล้าคิดมาท้าชิงกับ แชมป์โลก 5 สมัย ถึงถิ่นมาราคานาได้ แต่ในเมื่อ ทีมชาติเยอรมนี (อีกแล้ว) สามารถสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการ “สร้างเหตุการณ์ช็อกที่สุดของวงการฟุตบอลโลก” ด้วยการบุกมาถล่ม ทีมชาติบราซิล ได้ถึง 7 ประตูต่อ 1! จนเรียกหยดน้ำตาให้อาบไหลท่วมท้นบนดินแดนที่บ้าคลั่งฟุตบอลมากที่สุดในโลกได้

ด้วยเหตุนี้แม้ว่า “สตาร์ดังอาร์เจนตินา” ซึ่งรีดเค้นฟอร์มการเล่นในฟุตบอลโลกได้ดีที่สุดครั้งหนึ่ง จนกระทั่งได้รับรางวัล Golden Ball Winner (ผู้เล่นที่ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์) จากการยิงถึง 4 ประตู กับอีก 1 Assist (ลงเล่นเป็นตัวจริง 7 นัด รวมระยะเวลาในสนามทั้งหมด 692 นาที) จึงไม่สามารถต้านทาน “ฟอร์มการเล่นที่ทะลักจุดโหด” ของ เมดอินเยอรมนี (อีกแล้ว) ได้เช่นกัน และพ่ายแพ้ในนัดชิงชนะเลิศไปอย่างสุดเจ็บปวด

...

ฟุตบอลโลก 2018 :

บนวัย 30 ปี กับฟุตบอลโลกครั้งที่ 4 “เมสซี” ต้องชอกช้ำอีกครั้ง หลังพาทีมชาติอาร์เจนตินาในฐานะรองแชมป์เก่า ต้องจบเส้นทางในฟุตบอลโลกเร็วกว่าที่คาดไว้ เพียงรอบ 16 ทีมสุดท้ายเท่านั้น ด้วยการพ่ายแพ้ให้กับความแข็งแกร่งและดุดันของ “คีเลียน เอ็มบัปเป” และ “ทีมชาติฝรั่งเศส” แชมป์ในครั้งนั้น ไปด้วยสกอร์ 3 ประตูต่อ 4

อย่างไรก็ดีแม้จะต้องผิดหวัง (อีกครั้ง) แต่ฟอร์มโดยรวมของ “เมสซี” อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ด้วยการยิง 1 ประตู และ 2 Assist จากการลงเล่นเป็นตัวจริง 4 นัด (รวมระยะเวลา 360 นาที)

ฟุตบอลโลก 2022 :

แม้วัยจะล่วงเลยถึง 34 ปี และน่าจะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายสำหรับ “เมสซี” แล้ว แต่ สตาร์ดังอาร์เจนตินา กลับเรียกฟอร์มการเล่นที่คนทั้งโลกคาดหวังกลับคืนมาได้อีกครั้ง ด้วยการผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ด้วยสถิติ ยิง 3 ประตู กับ 1 Assist จากการลงเล่นเป็นตัวจริงทั้ง 4 นัด (รวมระยะเวลา 360 นาที)

...

นอกจากนี้ การยิงประตูออสเตรเลีย ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลโลกครั้งนี้ ยังถือเป็น “ประตูแรก” ที่ “เมสซี” สามารถยิงได้ในรอบตัดเชือกด้วย เพราะ 8 ลูกในฟุตบอลโลกทุกครั้งที่ผ่านมา เป็นการยิงในรอบแรกทั้งสิ้น!

5 ครั้งในฟุตบอลโลก เมสซี สร้างสถิติอะไรไปแล้วบ้าง? :

23 คือ จำนวนนัดทั้งหมด (สถิติจนถึงนัดที่ชนะทีมชาติออสเตรเลีย ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022) ที่ “เมสซี” ลงเล่นในฟุตบอลโลก

ด้วยเหตุนี้หาก เมสซี พาทีมอาร์เจนตินาเข้าชิงชนะเลิศได้สำเร็จ เมสซี จะสามารถลบสถิตินักเตะที่ลงเล่นในฟุตบอลโลกมากที่สุด (รวม 25 นัด) ของ "โลธาร์ มัทเธอุส" นักเตะทีมชาติเยอรมนี ได้สำเร็จ

9 คือ จำนวนประตูทั้งหมดที่ “เมสซี” ทำได้ในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ซึ่งหากในนัดที่เหลือของฟุตบอลโลก 2022 เมสซี ยิงได้อีกเพียง 2 ประตู เขาจะทำสถิติยิงประตูในฟุตบอลโลกให้กับทีมชาติอาร์เจนตินาได้มากที่สุด แทนที่สถิติของ กองหน้ามหาประลัยนาม “กาเบรียล บาติสตูตา” (10 ประตู จาก 12 นัด ในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย) ทันที

14 คือ จำนวนครั้งที่ “เมสซี” สวมปลอกแขนกัปตันทีมเป็นผู้นำของทีมชาติอาร์เจนตินาในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ทำให้เหลืออีกเพียง 3 นัดเท่านั้น หาก เมสซี ต้องการทำสถิติเหนือจอมคนอย่าง “ดีเอโก มาราโดนา” วีรบุรุษแห่งอาร์เจนตินา

Goals in World Cup :

สถิติที่น่ารู้จาก 23 นัด 9 ประตู ค่าเฉลี่ย 0.39 ประตูต่อเกม ในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายของ “ลิโอเนล เมสซี”

9 ประตู ได้จากการยิงรูปแบบไหน? :

เท้าซ้าย 7 ประตู หรือคิดเป็น 78%
เท้าขวา 2 ประตู หรือคิดเป็น 23%

โดย 4 ลูก เป็นการยิงประตูจากนอกกรอบเขตโทษ ส่วนอีก 5 ลูก เป็นการยิงภายในกรอบเขตโทษ.

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
กราฟิก : sathit chuephanngam

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง