หลังจากเว็บไซต์ราชกิจานุเบกษาเผยแพร่ "ประกาศกระทรวงสาธาณสุข เรื่องสมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2565" เมื่อ 23 พ.ย. ที่ผง่านมา โดยสาระสำคัญ คือ การยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ.2565 ฉบับเก่า   ปลี่ยนจากการควบคุมทุกส่วนของกัญชา รวมถึงสารสกัด มาควบคุมเฉพาะส่วนดอกของกัญชา ทำให้ ผู้ที่จะใช้ประโยชน์จากกัญชา เพื่อ ศึกษาวิจัย ส่งออก จำหน่าย หรือ แปรรูป ต้องได้รับอนุญาตและจัดเก็บข้อมูล แจ้งแหล่งที่มาและการนำไปใช้  ห้ามจำหน่าย ให้กับผู้อายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร และห้ามจำหน่ายให้กับนักเรียน นิสิต นักศึกษา  ห้ามสูบสมุนไพรควบคุมในสถานประกอบการ และห้ามขายผ่านเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติ รวมทั้งการข่ายผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์ และห้ามโฆษณา รวมทั้งห้ามจำหน่ายสมุนไพรควบคุม ในสถานที่สำหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา หอพัก สวนสาธารณะ สวนสัตว์และสวนสนุก ซึ่งประกาศฉบับปรับปรุงนี้ มีผลบังคับใช้ทันทีในวันถัดไป (24 พ.ย.65)

...

หลังจากการปลดกัญชาออกจาการเป็นยาเสพติด ประเภทที่ 5 เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดธุรกิจร้านขายกัญชาเกิดขึ้นจำนวนมาก โดยเฉพาะในย่านท่องเที่ยว ที่มีชาวจ่างชาติ มักพบการเปิดร้านขายกัญชา ในลักษณะของคาเฟ่กัญชาเพื่อสันทนาการ อยู่ทุกมุมหัวถนน และจัดให้มีสถานที่สูบภายในร้าน

“ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์” ได้ลงพื้นที่สำรวจย่าน "ถนนข้าวสาร" ซึ่งถือเป็นย่านที่มีร้านที่ทำธุรกิจกัญชาอยู่จำนวนมาก เพื่อสำรวจว่า หลังมีประกาศ กระทรวงสาธารณสุขฉบับล่าสุดออกมา ธุรกิจกัญชาจะปรับตัวอย่างไร? เมื่อมีกฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนไปและเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะที่กำหนดห้ามสูบสมุนไพรควบคุมในสถานประกอบการ และหากจะสูบต้องจัดให้มีแพทย์ประจำร้าน ข้อมูลที่ได้รับจากผู้ประกอบการ พบว่า เฉพาะพื้นที่รอบถนนข้าวสารมีร้านขายกัญชา ทั้งลักษณะที่เปิดเป็นคาเฟ่ และเป็นร้านแผงลอย ให้บริการกว่า 50 - 60 ร้าน และส่วนใหญก็จัดให้มีสถานที่สูบภายในร้าน

“ทางร้านมีการเตรียมการไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เหมือนมีการมองเผื่อเอาไว้แล้วว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น” นี่เป็นประโยคที่ "คุณคีตะ แก้วมงคล ผู้จัดการร้าน ROLL LOFT สาขาถนนข้าวสาร" ซึ่งเป็นร้านขายกัญชาเพื่อสันทนาการ กล่าวกับ “ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์” เพื่อบอกถึงความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง

คีตะ แก้วมงคล ผู้จัดการร้าน ROLL LOFT สาขาถนนข้าวสาร
คีตะ แก้วมงคล ผู้จัดการร้าน ROLL LOFT สาขาถนนข้าวสาร

"คุณคีตะ" สะท้อนว่า ในมุมมองของการทำธุรกิจ เมื่อรัฐมีการเปลี่ยนกฎเกณฑ์กลับไปกลับมา ตั้งแต่การที่ปลดล็อคกัญชา แล้วต่อมาก็คุมทุกส่วน จากนั้นก็กลับมาคุมเฉพาะช่อดอก ทำให้เกิดความลำบากกับผู้ประกอบการ แต่ก็เป็นสิ่งที่พอจะเข้าใจได้ เพราะ กัญชาถือว่ายังเป็นธุรกิจใหม่ของตลาด การควบคุมก็ยังคงใหม่สำหรับหน่วยงานภาครัฐ ก็ต้องค่อยๆทำให้เข้าที่ ซึ่งผู้ประกอบการก็พอเข้าใจได้ และต้องเล่นไปตามเกมของหน่วยงานภาครัฐ

แต่ประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ออกมาล่าสุด ก็ย่อมมีผลกระทบกับธุรกิจกัญชาอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะหากจะสูบในสถานประกอบการ จะต้องมีแพทย์อยู่ที่ร้าน แต่อย่างที่บอกว่า ทางร้านได้เตรียมแผนรับมือไว้ตั้งแต่แรก เพราะมองว่าธุรกิจกัญชา ต้องรับผิดชอบกับลูกค้า ทางร้านได้เตรียมการรับมือเอาไว้ เพราะคิดว่าอาจจะเกิดกรณีแบบนี้ขึ้น จึงมีการจัดสภาพแวดล้อมของร้านให้เหมาะสม จัดพื้นที่สำหรับสูบกัญชา และเน้นเรื่องของความปลอดภัย เพราะมีลูกค้าหลายรายที่ไม่เคยลองสูบกัญชามาก่อน ต้องจัดคนคอยดูแล โดยมีแพทย์มาประจำที่ร้านไว้คอยให้คำแนะนำ เพราะเรื่องความปลอดภัยของลูกค้าเป็นสำคัญ

...

“ร้านเรามีการเตรียมการให้พร้อมไว้แล้วเมื่อมีประกาศที่เปลี่ยนแปลงก็จะดูเป็นข้อๆแล้วก็นำมาปรับปรุง แต่สำหรับร้านอื่นโดยเฉพาะรายย่อยก็น่าจะปวดหัวพอสมควร”

เนื่องจากทางร้านมีความพร้อม ก็สามารถทำได้ แต่สำหรับธุรกิจกัญชารายย่อยเมื่อมีข้อกฎหมายออกมาควบคุมก็ต้องปรับตัว แต่ถ้าไม่มีเงินหมุนเวียนมากพอ ก็อาจจะลำบาก หากจะต้องจัดหาแพทย์มาประจำในร้าน หากหาไม่ได้ ก็อาจจะต้องปรับมาขายหน้าร้านเพียงอย่างเดียว ถือเป็นการปิดกั้นทางการค้าในระดับหนึ่ง เพราะเมื่อก่อนที่ลูกค้าสามารถสูบกัญชาในร้านได้ก็จะมีรายได้ส่วนหนึ่งที่เข้ามาเสริม เช่น เมื่อขายกัญชาก็ยังสามารถขายอาหารเครื่องดื่มอื่นๆได้

โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจจะมาใช้บริการ หากเข้าไปในร้านที่ไม่สามารถสูบในห้องสูบได้และไม่มีแพทย์วิชาชีพอยู่ประจำอยู่ในร้าน ก็อาจจะได้รับผลกระทบ เพราะนักท่องเที่ยว ไม่สามารถที่จะกลับไปสูบกัญชาที่บ้านได้ รวมถึงหากซื้อกลับไปที่โรงแรมก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถใช้ได้หรือไม่

ซึ่งส่วนใหญ่ลูกค้าร้านกัญชาย่านเข้าสาร เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 90% จะนิยมซื้อกัญชาและสูบในห้องสูบของร้าน มีเพียงส่วนน้อยประมาณ 10% ที่เป็นลูกค้าประจำซื้อและกลับไปใช้ที่บ้าน

...

ณัฐภพ สุภคุต ที่ปรึกษาและหุ้นส่วน บริษัท เอ็นเตอร์เทนไม่ จำกัด
ณัฐภพ สุภคุต ที่ปรึกษาและหุ้นส่วน บริษัท เอ็นเตอร์เทนไม่ จำกัด

สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้คือ ผู้ประกอบการธุรกิจกัญชาในย่านข้าวสารหลายรายที่ไม่ได้เตรียมพร้อมรับมือกับประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับล่าสุด ก็เกิดความวุ่นวายและวิ่งหาแพทย์ที่จะมาประจำที่ร้าน
โดยเฉพาะแพทย์แผนไทย

ต่อให้ไม่มีกรอบระยะเวลาของประกาศกระทรวงสาธารณสุขมาบีบ การจะหาแพทย์สักคนมาประจำที่ร้านก็ยังทำได้ยากอยู่แล้ว ถึงขนาดที่มีการดึงตัวแพทย์ และความยากอีกอย่างก็คือ แพทย์ที่มาประจำบางรายอาจจะมีช่วงเวลาว่างเพียงบางช่วงเวลา ก็อาจจะทำให้ทางร้าน ต้องจัดให้มีการสูบในร้านเฉพาะบางช่วงเวลา ตามตารางที่แพทย์ว่างเท่านั้น "ขณะที่บางร้านที่ไม่พร้อมก็ต้องเลือกที่จะปิดห้องสูบในร้านไปก่อน" 

...

ห้องสำหรับสูบกัญชา
ห้องสำหรับสูบกัญชา

ด้าน "คุณณัฐภพ สุภคุต ที่ปรึกษาและหุ้นส่วน บริษัท เอ็นเตอร์เทนไม่ จำกัด"  ซึ่งทำธุรกิจขายกัญชา มีสาขา กว่า 8 สาขา  สะท้อนว่า เรื่องของประกาศย่อมมีผลกับผู้ประกอบธุรกิจ เพราะท้ายที่สุดแล้วก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบกิจการไปตามกฎหมาย 

ณัฐภพ สุภคุต ที่ปรึกษาและหุ้นส่วน บริษัท เอ็นเตอร์เทนไม่ จำกัด
ณัฐภพ สุภคุต ที่ปรึกษาและหุ้นส่วน บริษัท เอ็นเตอร์เทนไม่ จำกัด

อย่างเช่น ในช่วงที่มีการปลดล็อคแล้วไม่มีกฎหมายมาควบคุม ก็มีการขายกันอย่างเสรี แต่หลังจากนั้นเมื่อมีกฎหมายควบคุมทางร้านก็ต้องมีการปรับเปลี่ยน รีโนเวทร้านเพื่อให้เข้ากับกฎหมายที่ออกมาใหม่ เช่นการทำห้องสูบ และต้องจัดหาแพทย์มาประจำที่ร้าน และยังไม่นับรวมว่า หาก พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ผ่านสภา ถึงตอนนั้นร้านก็อาจจะต้องปรับเปลี่ยนอีกครั้งเพราะกฎเกณฑ์ ก็อาจจะเปลี่ยนไปอีก

ก่อนหน้านี้ร้านมีการจ้างแพทย์ประจำที่ร้านก็จ้างไม่แพง แต่หลังจากที่มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับล่าสุด ก็อาจจะทำให้ร้านขายกัญชาต้องหาแพทย์มาประจำที่ร้าน และราคาการจ้างแพทย์ประจำร้านพุ่งสูงขึ้น ซึ่งบางสาขาก็ให้แพทย์เป็นหุ้นส่วนร้านแลกค่าตอบแทน ขณะที่บางสาขาก็จ้างเกือบครึ่งแสน

“เมื่อเขาออกกฎมาเราก็ต้องทำตามกฎ ทั้งนี้ทั้งนั้นเราพยายามทำให้อยู่ในกรอบของกฎหมายมากที่สุด มีตัวไหนที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด”

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง