ใกล้ปลายปีหลายคนเตรียมวางแผนการใช้ชีวิตในปี 2566 โดยเฉพาะเรื่องอาชีพการทำงาน หลังต้องฝ่ามรสุมวิกฤติโควิดมานานกว่า 3 ปี กิจกรรมต่างๆ ต้องหยุดชะงัก และหลายอาชีพ รวมถึงธุรกิจอาจปิดตัวไป ทำให้ต้องปรับตัวเปลี่ยนแปลงให้คุ้นชินกับวิถีใหม่ ได้ส่งผลต่อพฤติกรรมการดำเนินชีวิต มีการระมัดระวังมากขึ้นในการใช้จ่าย หาอาชีพเสริมเพิ่มทักษะให้กับตัวเอง ไม่ให้ติดกับดักความสำเร็จในอดีต เหมือนน้ำเต็มแก้วไม่พร้อมจะเปิดรับสิ่งใหม่ๆ
ก่อนจะถึงปีหน้าขอให้ทุกคนลองนึกทบทวนไล่เรียงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับชีวิต พร้อมวางเป้าหมายอนาคตข้างหน้า นำข้อมูลและการวิเคราะห์อาชีพรุ่ง-ร่วง และสิ่งที่ต้องปรับตัวในปี 2566 จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด ”ดร.ภูษิต วงศ์หล่อสายชล” ผู้อำนวยการหลักสูตร aMBA มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย นำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เพราะเศรษฐกิจปี 2566 ยังลูกผีลูกคน แต่ก็มีอาชีพที่ฟื้นกลับมาหลังวิกฤติโควิดเริ่มคลี่คลาย และมีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเต็มตัว น่าจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้บ้าง
“ปีนี้แตกต่างจากปีที่แล้วอย่างชัดเจน และปี 2566 ไม่พูดไม่ได้ในเรื่องของการท่องเที่ยว หลังจากเป็นหมีจำศีลมานาน จะเกิดปรากฏการณ์แหล่งท่องเที่ยวจะแตก ไม่ว่าสายการบิน โรงแรม ขนส่งการเดินทางที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวจะมาเป็นโขยง เพราะพอโควิดหายไปทุกคนก็อยากไปเที่ยว อย่างเชียงใหม่ทุกคนอยากไปจนเมืองแตก”
...
อาชีพรุ่งสุดๆ ปี 2566 ขาดแคลนคนแหลกลาญ
แน่นอนอาชีพรุ่งกลุ่มแรกในปี 2566 จะเกี่ยวข้องกับสายท่องเที่ยว จนบุคลากรขาดแคลนอย่างแน่นอน อย่างสายการบิน ขาดแคลนนักบิน แอร์โฮสเตส สจ๊วต และอาชีพที่เกี่ยวข้องจะขาดแคลนอย่างแหลกลาญ และราคาตั๋วเครื่องบินแพงมากขึ้น ส่วนขนส่งทั้งทางบก ทางเรือ จะโดดเด่นมาก หากนักท่องเที่ยวจีน กลับมาก็จะมหาศาลมากกว่านี้ ถือว่าอาชีพด้านการท่องเที่ยวในปีหน้ารุ่งแน่นอน
กลุ่มสอง อาชีพด้านเทคโนโลยีทั้งหมดยังคงแรงไม่ตก ไม่ว่า Dev หรือ Developer ที่เกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มต่างๆ ทั้งคนเขียนโปรแกรม คนเขียนภาษาระบบ iOS และ Adroid หรือด้านดาต้าไซเอนซ์ (Data Science) ในการนำข้อมูลมาวิเคราะห์ รวมถึงกิจกรรมเกี่ยวกับไซเบอร์ ซิเคียวริตี้ (Cyber Security) และอาชีพเกี่ยวกับเทค (Tech) ซึ่งเด็กจบใหม่ได้เงินเดือนเริ่มต้น 3.5 หมื่นบาท ถือเป็นอาชีพที่แรงมาก ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย แต่ทั้งโลก และจะเห็นบริษัทเกี่ยวกับสายเทค ตบเท้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
กลุ่มสาม จากการระบาดของโควิดที่ผ่านมา ทำให้เรื่องสุขภาพสำคัญมาก ไม่ว่ายาเวชภัณฑ์ สมุนไพรที่ได้รับการรับรอง มีการเติบโตต่อเนื่อง และที่เกี่ยวกับการป้องกัน ทั้งนักกายภาพบำบัดออฟฟิศซินโดรม หรือโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับออฟฟิศซินโดรม คลินิกเฉพาะทาง มีการเติบโตมหาศาล และธุรกิจฟิตเนส พิลาทิส ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ เนื่องจากประเทศไทยมีสังคมผู้สูงอายุมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีสปา และออนเซ็น มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด กลายเป็นอาชีพที่ขาดแคลนอย่างสูง
“อาชีพในกลุ่มสุขภาพ ยังเกี่ยวข้องกับความสวยความงาม เห็นได้ชัดในเรื่องการดูแลผิวพรรณ จากเดิมเฉพาะกลุ่มผู้หญิง มาเป็นกลุ่มผู้ชาย จากผู้สูงอายุ มาเป็นกลุ่มวัยรุ่น และล่าสุดมีธุรกิจเกี่ยวกับการปลูกผม มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะเส้นผมคือส่วนหนึ่งที่ทำให้คนมีบุคลิกดีขึ้น”
กลุ่มที่สี่ อาชีพดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง เพราะทุกอย่างในปัจจุบันขายผ่านทางออนไลน์ทั้งหมด รวมถึงอาชีพอี-คอมเมิร์ซ คนเขียนคอนเทนต์ ฝ่ายตัดต่อ กราฟิก และอาชีพที่เกี่ยวข้อง เช่น เซลส์ออนไลน์ จะปิดการขายอย่างไร พบว่าขาดแคลนมาก “เป็นอาชีพที่รุ่งจริงๆ ใครเข้ามาก็โดน”
อาชีพฉายแสง ในวันที่คริปโตฯ หงอยเจ๊งระนาว
กลุ่มที่ห้า สืบเนื่องจากตลาดคริปโตฯ ซึ่งเคยรุ่งและต่อมาร่วงอย่างรุนแรง ทำให้นักลงทุนขาดทุนกันระนาว รวมถึงเอ็นเอฟที (NFT) สินทรัพย์ดิจิทัลนิยมในกลุ่มนักลงทุนรุ่นใหม่ จนเกิดการโยกย้ายทรัพย์สินไปลงทุนในพันธบัตร กองทุนตราสารหนี้ หรือกองทุนรวม ทำให้อาชีพที่เกี่ยวกับการเงิน ผู้จัดการบัญชี ซีเอฟโอ นักตรวจสอบบัญชี นักวิเคราะห์การเงิน และนักวางแผนควบคุมภายใน ค่อนข้างขาดแคลน เช่นเดียวกับที่ปรึกษาด้านการเงิน ก็สำคัญมาก หลายบริษัทกำลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ ทำให้อาชีพเกี่ยวกับ IPO เป็นอีกอาชีพที่รุ่ง
...
มีอีกหลายอาชีพฉายแสง ในกลุ่มงานอีเวนต์ งานบันเทิงเกี่ยวกับการท่องเที่ยว การจัดคอนเสิร์ตต่างๆ ละครเวที จะมาแรงอย่างแน่นอน และอีก 2 สายอาชีพกำลังมาแรงอย่างเงียบๆ คือ สายวิศวกรเกี่ยวกับพลังงานที่เป็นพลังงานกรีน พลังงานสะอาด พลังงานทดแทนต่างๆ หรือรถยนต์ EV รถยนต์ไฟฟ้า และที่เกี่ยวข้องกับโซลาร์เซลล์
ส่วนอีกอาชีพไม่พูดถึงไม่ได้ แต่ไม่แน่ใจจะรุ่งแรงหรือไม่ ในกลุ่มอาชีพเทรนนิ่ง ให้คำปรึกษา เพราะที่ผ่านมามีบางคนแนะนำให้คำปรึกษาแบบผิดๆ จนน่าเป็นห่วงมาก ขณะที่คนทำอาชีพให้คำปรึกษาจริงๆ ก็มี จะต้องพิจารณาจากพอร์ตฟอลิโอ (Portfolio) ว่ามีผลงานและประสบการณ์ที่ผ่านมาอย่างไร
อาชีพต้องปรับตัว ก่อนรุ่งริ่ง สายเกินแก้ไข
เมื่อมีอาชีพรุ่ง ก็ต้องมีอาชีพร่วง แต่ไม่อยากใช้คำนี้ อาจใช้คำว่าอาชีพต้องปรับตัวในปี 2566 เริ่มจากอาชีพแรก นักลงทุนคริปโตฯ และสายงานที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง หรือเมตาเวิร์ส (metaverse) จากเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลง อาจยังไม่ใช่อาชีพ เพราะมาเร็วเกินไปยังไม่ถึงเวลา อาจต้องรออีก 3-4 ปี หรืออาจทบทวนว่าจะไปต่อหรือหยุดแค่นี้ อย่างกรณีมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งเฟซบุ๊ก ต้องปลดพนักงานออก 1 หมื่นกว่าคน
...
อีกอาชีพเคยรุ่งในช่วงโควิด คือ อาชีพขายของออนไลน์ แต่ขณะนี้ยอดขายตกไปสู่ภาวะปกติ เหมือนในต่างประเทศ แม้ยังเติบโตในภาวะปกติแต่ไม่โตต่อเนื่อง อาจต้องระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะร้านอาหารเดลิเวอรี อาจเจอปัญหาต้นทุนวัตถุดิบแพงขึ้น และต้องจ่ายให้กับแอปฯ ไรเดอร์อีก 30% ทำให้ต้นทุนไม่เหลือ หากเป็นร้านอาหารขนาดใหญ่ อาจไม่มีปัญหาต้องพยายามดึงลูกค้าให้มากขึ้น แม้เป็นอาชีพที่ไม่ร่วง แต่ต้องระวัง
อาชีพต่อมาในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม เริ่มมีการใช้เทคโนโลยี AI และหุ่นยนต์มากขึ้น หากรถไฟฟ้าเข้ามาจะไม่เหลือโรงงานรถดีเซล ทำให้พนักงานโรงงานอุตสาหกรรมจะต้องพัฒนาฝีมือแรงงานในการเขียนโปรแกรม ฝึกทักษะในการบังคับหุ่นยนต์ ซึ่งจำเป็นมาก หรือเปลี่ยนอาชีพไปทำด้านสปา ฟิตเนส
“อย่ารอให้วันนั้นเกิดขึ้น จะต้องพัฒนาฝีมือทักษะ หรือหาอาชีพที่ 2 ที่ 3 ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเราต้องพัฒนาตัวเอง เพราะสิ่งสำเร็จในอดีตไม่ใช่สิ่งสำเร็จในวันนี้ ต้องเปลี่ยนวิถีการทำงานไม่ให้เหมือนทฤษฎีกบต้ม ยังมีอาชีพเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ตรวจวัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในโรงงาน จะต้องพัฒนาตัวเองในการคว้าโอกาสให้ได้มากกว่าคนอื่น ในการตั้งแต้มต่ออยู่เรื่อยๆ จากปีที่ผ่านมาเจอวิกฤติโควิดมาเยอะ และปีหน้า จะเป็นโอกาส อย่ารอก่อน อย่าติดกับดักความสำเร็จในอดีตของตัวเอง”
...
สุดท้ายนี้อยากเตือนว่าภาวะเศรษฐกิจปี 2566 ในต่างประเทศ น่าจะถดถอย แต่ไทยยังโชคดีหลายเรื่อง โดยเฉพาะจากการท่องเที่ยว ทำให้เศรษฐกิจของไทยไม่ถดถอยรุนแรง และการที่ดอกเบี้ยขาขึ้น จะต้องระวังในการกู้บ้าน ต้องวางแผนการเงินในกระเป๋า เพราะโอทีจะหาย และเงินในกระเป๋าอาจหายไป ต้องมีอาชีพที่ 2 และที่ 3 จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตไปได้ในที่สุด.
ผู้เขียน : ปูรณิมา