เข้าสู่วันที่ 8 ของการค้นหาร่างน้องมาวิน วัย 18 ปี ที่พลัดตกเจ็ตสกี ภายในอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี โดยทีมค้นหาพยายามดำน้ำจนทั่ว แต่ยังหาร่างไม่พบ ขณะเดียวกันมีเสียงเล่าลือถึงปริศนาใต้เขื่อน ซึ่งเป็นอุปสรรค์สำคัญของนักดำน้ำ ทำให้ร่างของน้องไม่ลอยขึ้นมา เพราะเจ้าหน้าที่ระบุว่าบริเวณใกล้เคียงที่น้องจมหาย เคยมีคนพลัดตกน้ำ และค้นหาไม่เจอร่างมาแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ทีมดำน้ำยังคงพยายามค้นหาร่างน้องมาวินอย่างเต็มที่

ท่ามกลางความหนาวเย็นของน้ำใต้เขื่อน และปริศนาที่ซ่อนอยู่ในความมืดมิด “เฉลิมพนธ์ หงษ์ยนต์” ประธานชมรมกู้ภัยทางน้ำ ภาค 7 ทีมนักดำน้ำค้นหาน้องมาวิน เล่าถึงภารกิจหฤโหดให้ “ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์” ฟังว่า การดำน้ำเพื่อค้นหาร่างเป็นไปด้วยความลำบาก เพราะใต้น้ำมีลักษณะเป็นภูเขาชัน คาดว่าเมื่อน้องจมน้ำร่างจะกลิ้งลงมาตามไหล่เขา และนำพาตะกอนต่างๆ ลงมาทับร่าง ทำให้นักประดาน้ำค้นหาร่างลำบาก แม้เบื้องต้นจะใช้โดรนดำน้ำช่วยเป่าเอาตะกอนออก แต่ยังไม่พบร่าง

“กรณีน้องน่าสนใจว่า ปกติร่างผู้เสียชีวิตที่จมน้ำในความลึก 20 – 30 เมตร ไม่เกิน 3 วัน ร่างจะลอยขึ้นมาเหนือน้ำ แต่คาดว่าด้วยสภาพใต้น้ำมีต้นไม้ใหญ่หนาแน่น ทำให้ร่างลอยขึ้นมาไม่ได้ เพราะถูกกิ่งไม้เกี่ยวไว้ด้านล่าง ขณะเดียวกันก่อนที่น้องจะพลัดตกลงไปได้สะพายกระเป๋าลงไปด้วย นอกจากนี้ใกล้กับจุดเกิดเหตุเคยมีคนจมน้ำสูญหาย ร่างไม่ลอยขึ้นมาแล้วประมาณ 5 ศพ”

ขณะเดียวกัน ในความลึกที่ 80 เมตร บริเวณจุดที่น้องจมลงไปมีร่องห้วยลึก ถ้าร่างจมลงไปบริเวณดังกล่าว ไม่นานร่างจะลอยขึ้นมา แต่กรณีนี้ก็ยังเป็นปริศนาอยู่ ซึ่งแนวทางการค้นหาต่อจากนี้ทีมนักประดาน้ำจะต้องลงไปคุ้ยบริเวณตะกอนดินข้างล่างเพื่อค้นหา และนำโดรนดำน้ำมาช่วยค้นหาในจุดที่ลึกเกินกว่าจะดำน้ำลงไปได้

...

ส่วนหนึ่งของทีมดำน้ำในการค้นหา
ส่วนหนึ่งของทีมดำน้ำในการค้นหา

ภารกิจหฤโหดของการดำน้ำหาร่างผู้สูญหายในเขื่อนศรีนครินทร์ มีปัจจัยมาจากความลึกและความหนาวเย็นของน้ำ รวมถึงไนโตรเจนในถังอากาศ ที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้ หากประมาทมีโอกาสหมดสติเสียชีวิต ขณะเดียวกันพื้นที่ด้านล่าง ก่อนจะมาเป็นเขื่อน เป็นพื้นที่ป่ามาก่อน ทำให้มีกอไม้และต้นไม้จำนวนมาก หากนักดำน้ำไม่ระวังจะถูกกิ่งไม้เกี่ยว ที่ผ่านมาเกือบเอาชีวิตไม่รอด ในการกู้ร่างผู้เสียชีวิตรายหนึ่ง แล้วถูกกิ่งไม้เกี่ยวไว้ จนต้องยอมทิ้งร่างนั้นไว้ใต้น้ำ เพื่อเอาชีวิตรอดก่อน เพราะอากาศในถังใกล้หมด

“อีกความเสี่ยงคือ พื้นที่ใต้น้ำจะมีคันเบ็ด เอ็นตกปลาที่นักท่องเที่ยวทิ้งลงน้ำจำนวนมาก เมื่อดำน้ำลงไปอุปกรณ์เหล่านี้กลมกลืนกับธรรมชาติ ทำให้นักดำน้ำไม่เห็นจนพันร่างกาย มีหลายครั้งที่ไฟฉายส่องให้เห็นพื้นที่ใต้น้ำในมุมแคบๆ ทำให้ไม่เห็นเอ็นตกปลา จนพันร่างเหมือนถูกพันธนาการใต้น้ำ จึงต้องเรียกเพื่อนที่ดำน้ำด้วยกันเข้ามาช่วยเหลือ”

ที่ผ่านมีเสียงเล่าลือถึงอาถรรพณ์ ถ้ำลั่นทม ที่จมอยู่ใต้เขื่อน แต่เป็นเพียงตำนานว่า สมัยก่อนมีชายหญิงคู่หนึ่งรักกัน แล้วพากันหนีพ่อแม่มาอยู่ในถ้ำ แต่ไม่นานฝ่ายชายทิ้งเธอไปมีแฟนใหม่ ฝ่ายหญิงจึงผูกคอตายในถ้ำ โดยคนสมัยก่อนเล่าว่าเมื่อเดินผ่านปากถ้ำจะได้ยินเสียงร้องโหยหวน และจากประสบการณ์เคยลงไปงมศพบริเวณปากถ้ำ พบชายแก่ผมยาวใส่ชุดขาวนั่งอยู่ข้างศพ แต่ได้พยายามรวบรวมสติ จนพาร่างนั้นขึ้นมาได้.