• แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้สถานที่ในประเทศกัมพูชาออกอาละวาดหลอกเงินคนไทยไม่จบสิ้น แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยพยายามแกะรอยบุกจับอย่างต่อเนื่อง แต่ยังหนีเล็ดลอดก่อเหตุอีก จนมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก

  • อย่างกรณีแพทย์หญิงวัยเกษียณ เปิดคลินิกร่วมกับลูกสาวใน จ.ชุมพร ตกเป็นเหยื่อสูญเสียเงินไป 100 กว่าล้านบาท เพราะหลงเชื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตีเนียนปลอมเป็น ผกก.โรงพักเมืองเชียงราย และยังมีผู้เสียหายรายอื่นอีก รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 150 ล้านบาท

  • แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยังคงใช้อุบายอ้างเป็นพนักงานบริษัทขนส่งแห่งหนึ่ง โทรมาแจ้งลูกสาวของแพทย์หญิงว่าเป็นผู้ส่งพัสดุสิ่งของผิดกฎหมายไปยังผู้รับปลายทาง จะต้องถูกดำเนินคดีที่ สภ.เมืองเชียงราย และให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจผ่านไลน์ที่ใช้ชื่อ สภ.เมืองเชียงราย

  • เมื่อมีการติดต่อได้ถูกข่มขู่จะตรวจสอบเส้นทางการเงิน หากไม่ทำตามจะถูกดำเนินคดี และให้ติดต่อกับ ผกก.สภ.เมืองเชียงราย ผ่านทางไลน์ ซึ่งมีการพูดหว่านล้อม จนเหยื่อหลงเชื่อและบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้เป็นแม่ กระทั่งโอนเงินทั้งหมด 4 บัญชี ไปยังบัญชีของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งมีหลายบัญชี ตั้งแต่วันที่ 25-29 ก.ย. 2565 รวมมูลค่า 101,871,381 บาท ต่อมาเจ้าหน้าที่ธนาคารเกิดความสงสัย ได้ติดต่อเข้ามาทำให้ทราบว่าถูกหลอกลวง นำไปสู่การแจ้งความร้องทุกข์

  • ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ต.ค.2565 ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายชลวิชา ปานสมุทร หรือเบียร์ บ้านแพ้ว ผู้เป็นมือเชือด 150 ล้าน ปลอมเป็น ผกก.สภ.เมืองเชียงราย อยู่ในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ “ตึกประตูดำ” ซอยวัดตาด เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ซึ่งหลบหนีมาไทยระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยร่วมกับตำรวจกัมพูชา เข้าตรวจค้นตึก เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2565

...

เบื้องหลังการจับกุม “พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์” ผบก.สส.บช.น. ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 5 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ กล่าวว่า ได้เก็บข้อมูลบุคคลภายในตึกประตูดำ 8 ชั้น เป็นเวลากว่า 6 เดือน จนเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2565 มีผู้เสียหายถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้หลอกลวง มูลค่าความเสียหาย 41,517,869 บาท และวันที่ 30 ก.ค. 2565 แพทย์หญิงถูกหลอกลวงมูลค่าความเสียหาย 101,871,381 บาท

สำหรับเบียร์ บ้านแพ้ว อายุ 32 ปี ถูกจับกุมตัวได้ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมตรวจยึดทรัพย์สิน จำนวน 16 รายการ โดยมีพยานหลักฐานยืนยันได้ว่าเป็น “มือเชือด” ปลอมเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ทำหน้าที่เป็นพนักงานสาย 3 ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงให้โอนเงินทั้งสองคดีในขั้นตอนสุดท้ายได้เงินไปกว่า 150 ล้านบาท

ก่อนหน้านั้นเบียร์ บ้านแพ้ว ได้หลบหนีออกจากประเทศกัมพูชา ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปเมืองปอยเปตเมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2565 ร่วมกับตำรวจกัมพูชา เข้าปฏิบัติการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตึกประตูดำ แต่พบว่าหัวหน้าแก๊งชาวไต้หวันได้สร้างทางลับ พาคนไทยที่ร่วมขบวนการรวมถึงเบียร์ บ้านแพ้ว หลบหนีออกไปจากตึกเดินทางกลับไทย จนถูกจับกุมในที่สุด

เบียร์ บ้านแพ้ว หรือมือเชือด 150 ล้าน ยังให้การว่าได้ไปประเทศกัมพูชาทางช่องทางธรรมชาติ ทำงานเป็นแอดมินเว็บพนันที่เมืองปอยเปต ตั้งแต่เดือน พ.ย. 2564 และถูกย้ายไปตึกประตูดำ ทำหน้าที่พนักงานสาย 2 เริ่มหลอกลวงเหยื่ออ้างเป็นตำรวจยศร้อยตำรวจโท สภ.เมืองเชียงราย จนหัวหน้าชาวไต้หวันเห็นความสามารถในการเชือด ได้เลื่อนขั้นเป็นพนักงานสาย 3 อ้างเป็นตำรวจระดับสูง ยศพันตำรวจเอก สามารถหลอกลวงผู้เสียหายได้ประมาณ 7-8 ล้านบาทต่อเดือน ได้ค่าคอมมิชชั่นจากการหลอกลวง 3% นอกจากเงินเดือนที่ได้เดือนละ 3 หมื่นบาท

จนมาช่วงเดือน เม.ย.-ต.ค.2565 สามารถหลอกเหยื่อรายใหญ่ 3 ครั้ง เป็นครูหญิงวัยเกษียณ ได้เงิน 11 ล้านบาท จากนั้นหลอกชายนักลงทุนหุ้น อีกประมาณ 41 ล้านบาท และแพทย์หญิง ประมาณ 101 ล้านบาท ซึ่งเฉพาะรายนี้ได้ค่าคอมมิชชั่นเป็นเงินสด 2 ล้านบาท และเมื่อรวมเงินที่ได้จากการทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้มาทั้งหมด 4 ล้านบาท ใช้สร้างบ้าน แบ่งให้ญาติและซื้อทองรูปพรรณ

...

“มือเชือด 150 ล้านบาทรายนี้ มีเทคนิควิธีการที่จะสร้างความกลัวให้เหยื่อ มีวิธีการหลอกลวงได้อย่างแนบเนียนกว่าพนักงานคอลเซ็นเตอร์คนอื่น จนได้รับความไว้วางใจจากบอสชาวไต้หวัน ถือเป็นบุคคลที่เป็นภัยสังคม สร้างความเดือดร้อนให้คนไทยด้วยกัน หากประชาชนที่คิดจะไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อยากเตือนว่าสักวันหนึ่งพวกคุณจะต้องถูกจับ กลับมาแบบอาชญากร มิใช่เหยื่อ และต้องถูกยึดทรัพย์สินที่ได้มาทั้งหมด และขอประชาชนอย่าได้หลงเชื่อกลวิธีเหล่านี้”