ถือเป็นเรื่องประหลาดเรื่องหนึ่งที่เกิดในประเทศนี้ สำหรับ กรณีการลักทรัพย์ มูลค่ากว่า 70 ล้าน โรงแรมบลูลากูน เดอะทีค วิง ของ คุณป้ายมนา พูลสวัสดิ์ ถึงแม้จะเป็นโรงแรมที่มีลักษณะทิ้งร้างไว้ เนื่องจาก หมดสัญญาเช่าระยะยาวกว่า 30 ปี ที่มีนักลงทุนต่างชาติมาลงทุนไว้ ต่อมาสัญญาดังกล่าวได้หมดลง และมีการขนทรัพย์สินบางส่วนออกไป แต่ก็มีทรัพย์สินอีกมากหลงเหลือ โดยเฉพาะทรัพย์สินที่เป็นโครงสร้างต่างๆ เช่น สายไฟ ลิฟต์ ราวบันได ชักโครก ผ้าม่าน ฝักบัว และอื่นๆ ซึ่งต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถรวบตัวแก๊งโจรได้ 6 คน พร้อมหลักฐานบางส่วน

นายรัชชพร พูลสวัสดิ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย เล่าเบื้องหลังเหตุการณ์นี้ว่า คุณป้ายมนา ได้เข้ามาพูดคุยในฐานะผู้ประกอบการเกี่ยวกับท่องเที่ยวคนหนึ่ง ยอมรับว่า ติดใจและกลายเป็นคดีความ เพราะทรัพย์สินที่ผู้ประกอบการเดิมที่เป็นชาวต่างชาติหลงเหลือไว้มีค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะอุปกรณ์ส่วนควบ เช่น ปลั๊กไฟ ที่เป็นเชิงโครงสร้างของอาคาร ซึ่งถือเป็นของที่มีมูลค่าความเสียหายตามข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ (ประมาณ 70 ล้านบาท)

ที่มารูปจาก Agoda
ที่มารูปจาก Agoda

...

สิ่งที่เกิดขึ้น ทราบว่า คนร้ายไม่ได้เข้ามาขโมยครั้งเดียว แต่มาลักษณะ “กองทัพมด” และเนื่องจาก โรงแรมดังกล่าว ยังไม่ได้เปิดพร้อมใช้งาน แต่คุณป้าเป็นเจ้าของลักษณะให้เช่าพื้นที่ และเมื่อหมดสัญญา ก็มีการคืนพื้นที่ จากนั้นก็รอผู้เช่ารายอื่น เข้ามาเจรจา คนร้ายจึงเข้ามา ในลักษณะคล้ายผู้รับเหมา และยามที่เฝ้าก็เข้าใจว่าเจ้าของจ้างมา ซึ่งหากดูจากภายนอกก็จะไม่ทราบเลยว่ามีการลักทรัพย์ เพราะพื้นที่ดังกล่าวค่อนข้างลับตา 

นอกจากโรงแรมของคุณป้ายมนา แล้ว ยังมีอีก 1 โรงแรมใกล้เคียงกัน ที่โดนคนร้ายลักขโมย เช่นเดียวกัน แต่โรงแรมดังกล่าวไม่ได้ใหญ่โต เป็นเพียงโรงแรมเล็กๆ ความเสียหายจึงไม่เทียบเท่า

“เรื่องนี้ถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น ประจวบว่าเป็นช่วงการแพร่ระบาดโควิดด้วย ทำให้มีโรงแรมหลายๆ แห่งถูกทิ้งร้าง ถึงแม้จะมีคนเฝ้าโรงแรม แต่คนร้ายก็เข้ามาลักทรัพย์ ขณะที่คนเฝ้าก็อาจจะเข้าใจผิด คิดว่าเจ้าของส่งคนเข้ามาขนทรัพย์สิน”

อย่างไรก็ตาม ได้มีการหารือกับผู้บังคับการจังหวัดสุราษฎร์ธานีแล้ว เพื่อหามาตรการในการดูแลโรงแรมอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน โดยอาจจะติดกล้อง CCTV หรือ เพิ่มแสงสว่างมากขึ้น ซึ่งต้องยอมรับว่าโรงแรมดังกล่าว ถือเป็นพื้นที่ ที่ค่อนข้างลับตาคน จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ลักทรัพย์ขึ้น ซึ่งตอนนี้ สมาคมก็กำลังสำรวจ โดยให้ผู้ประกอบการส่งเรื่องเข้ามา ว่ามีโรงแรมไหน โดนแบบนี้บ้าง

โจรลักทรัพย์ 70 ล้าน ไม่กระทบท่องเที่ยว แต่มีผลกับการลงทุน

นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย กล่าวต่อว่า “ที่ผ่านมา ช่วงโควิด-19 ระบาด ทำให้โรงแรมจำนวนมากได้รับผลกระทบ มีการปิดให้บริการไปจำนวนมาก จาก ทั้งเกาะ มีห้องพักให้บริการมากกว่า 25,000 ห้อง พอเจอโควิด ปิดบริการไปมากกว่า 20,000 ห้อง ซึ่งเรียกว่า ถูกทิ้งร้าง 4 ใน 5 เลย แต่ตอนนี้กำลังรวบรวมความเสียหายกันอยู่ คงต้องรอสักพัก ถึงจะรู้ผล”

“ตอนนี้การท่องเที่ยวของเกาะสมุยกำลังฟื้นตัว ปกติมีเที่ยวบินมาลง 52 ไฟต์ต่อวัน แต่วันนี้ เริ่มมีนักท่องเที่ยวกลับมาแล้ว โดยมีเครื่องบินมากกว่า 40 ไฟต์ ต่อวัน เรียกว่าเพิ่มขึ้นมาก ตรงนี้ถือว่าเป็นตัวชี้วัดได้ดีว่าการท่องเที่ยวที่สมุย เริ่มฟื้นตัวแล้ว แม้ช่วงนี้จะเป็นช่วงโลว์ เที่ยวบินน้อยลง แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวไม่ขาด”

“สิ่งที่เกิดขึ้น เชื่อว่าไม่กระทบกับการท่องเที่ยว เพราะเราทำงานประสานกับตำรวจ เรื่องแก้ปัญหาจุดเสี่ยงต่างๆ แต่อาจจะมีผลต่อภาพลักษณ์ต่อการลงทุน ซึ่ง ณ เวลานี้ มีคนเริ่มเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นจากแต่ก่อน เรียกว่า กระแสเงินสดเพิ่มถึง 30% ขณะเดียวกัน โรงแรมที่เคยปิด ก็กลับมาเปิดให้บริการแล้วมากกว่า 60-70% ขณะที่ธุรกิจอื่นๆ การท่องเที่ยว ผับบาร์ เปิดได้ตามเวลาเดิม กิจกรรมการท่องเที่ยว จึงเริ่มกลับมา โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวยุโรป นอกจากนี้ ยังมีตลาดใหม่ๆ เช่น อินเดีย มาเลเซีย และตะวันออกกลาง เพื่อทดแทนตลาดจีนและรัสเซีย ที่หายไป”

...

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน 

อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ