เป็นคดีที่แสนหดหู่และน่าเศร้าใจเป็นอย่างยิ่ง กับเหตุการณ์ นายประสาท ร่างใหญ่ หรือ เสี่ยเล็ก เจ้าของร้านเสริมสวย แทงลูกค้าเสียชีวิต 2 ศพ คือ น.ส.วริศรา วิมูลรักชาติ (นก) อายุ 41 ปี และนายวีระพงษ์ พุ่มพฤกษ์ (ป๊อบ) อายุ 40 ปี สามีภรรยาต่อหน้าลูกสาว หลังเกิดการโต้เถียงกันในประเด็น “ตัดผมไม่ถูกใจ” เพราะตัดสั้นจนเกินไป ไม่ตรงกับที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านั้น
โดยก่อนเกิดเหตุ ลูกค้าสาว ได้ทำการตัดผมที่ร้าน "PIMMY HAIR SALON" ที่สาขาโลตัสบางกะดี เมื่อตัดเสร็จ รู้สึกว่าตัดผมออกมาไม่เป็นไปตามที่คุยกันไว้ ทางช่างของร้าน จึงได้แนะนำให้ไปแก้ทรงที่ร้านเดิม แต่เป็นอีกสาขาในปทุมธานี แต่เมื่อแก้แล้ว ก็ยังรู้สึกไม่พอใจ จึงได้เดินทางมาที่ สาขาโลตัสบางกะดี อีกครั้ง เพื่อเคลียร์ปัญหา
ทั้งนี้ ฝ่ายลูกค้า ได้โทรศัพท์พูดคุยกับ นายประสาท ก่อนเกิดเหตุ กระทั่ง ช่วงบ่ายวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา นายประสาท ได้เข้ามาที่ร้าน ก่อนจะปรากฏเป็นคลิปที่มีการเผยแพร่ออกไป ด้วยการก่อเหตุสลดใช้มีดที่พกมาแทงผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน โดยฝ่ายหญิงมีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดเข้าที่บริเวณใต้ราวนมซ้าย 1 แห่ง และฝ่ายชายถูกแทงด้วยอาวุธมีดเข้าที่ลำคอ 1 แห่ง จนเสียชีวิต และนายประสาท ได้เข้ามอบตัวในเวลาต่อมา
ตำรวจตั้งข้อหานายประสาท 2 ข้อหา ประกอบด้วย ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพกพาอาวุธมีดในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ได้วิเคราะห์คดีนี้ไว้อย่างน่าสนใจ
พกพาอาวุธมีดในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร : การพกมีดติดตัว หรือแม้แต่ปืน ก็สามารถทำกันได้ บางคนอาจจะพกติดตัวไว้เพื่อป้องกันตัว ตราบใดที่ไม่นำออกมาใช้ ก็ไม่เป็นไร
...
ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา : กรณีจะเข้าข่ายฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา นั้น ไม่ใช่ว่าแค่มีอาวุธ จะถูกตั้งข้อหานี้ แต่มันขึ้นอยู่กับพฤติการณ์ที่เกิดขึ้น
ถึงแม้จะมีการพกมีด หรือปืน ก็สามารถทำกันได้ การจะเข้าข่ายเจตนาฆาตกรรม มันขึ้นอยู่กับพฤติการณ์ที่นำอาวุธออกมาใช้ เช่น การควักมีดออกมา แล้วแทงออกไปในจุดที่เป็นอวัยวะสำคัญ แบบนี้ก็จะถือว่าเข้าข่าย “เล็งเห็นผล” หรือ ประสงค์ต่อผล ต้องการให้ผู้ที่ถูกแทงเสียชีวิต แบบนี้ถือว่าดูจากเจตนา
สมมติว่า มีการชักมีดออกมา แทงเข้าไปที่บริเวณมือ แบบนี้ข้อหาก็ไม่ถึงขั้น “เจตนาฆ่า” กลับกัน หากมีการแทงไปที่หน้าอก ท้อง หรือคอ ที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ แบบนี้ถือว่าเข้าข่ายเจตนาฆ่าได้ เพราะแทงที่อวัยวะสำคัญ
การที่ไม่อยู่เฉย หรือวิธีการชักมีดเข้าแทง ตรงนี้จะมีผลต่อข้อหา บางกรณี ยกตัวอย่าง มีการทะเลาะกันเกิดขึ้น คนที่มีปืนควักปืน คนที่จะเข้ามาทำร้าย ที่บริเวณเท้า แบบนี้ ถือว่าเจตนาฆ่าหรือไม่...ก็ไม่ถึงขนาดนั้น ซึ่งการยิงเราสามารถเลือกได้ ฉะนั้น การพกมีดติดตัวมาก่อน แล้วลงมือไม่ได้ส่งผลต่อข้อหาเจตนาฆ่าหรือไม่ แต่จุดที่แทงจะบ่งบอกได้ว่าเจตนาหรือไม่
ฆาตกรรมโดยไตร่ตรองไว้ก่อน? : ในมุมนี้ ถ้าคิดไตร่ตรองจะไปก่อเหตุ จะมีลักษณะมีการเตรียมการไว้ และลงมือทำเลย ยกตัวอย่าง คือ การเตรียมมีดไว้ เมื่อเจอหน้าก็ควักมีดออกมาแทงเลย แบบนี้จะเข้ามุมไตร่ตรองได้
ที่ผ่านมา คดีที่ศาลตัดสินในคดีฆาตกรรมโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จะมีลักษณะ คิด เตรียมการ และลงมือ เช่น ตัวอย่างคำวินิจฉัยของศาล ที่เกี่ยวข้องกับการไตร่ตรอง นาย ก. จะฆ่า นาย ข. นาย ก. กลับไปที่บ้าน เตรียมปืน พอเจอนาย ข. ก็ชักปืนยิงเลย
แต่เหตุการณ์เคสนี้ไม่ใช่ลักษณะนั้น มีการพูดคุย เกิดการโต้เถียง และใช้มีดแทงจนเสียชีวิต ฉะนั้น การตั้งข้อหาฆ่าคนโดยเจตนาไว้ก่อน จึงถือว่าเหมาะสม เพราะเหตุการณ์ดังกล่าว เข้าองค์ประกอบ เพราะการใช้มีดแทงเล็งเห็นผลว่า ผู้ที่ถูกแทงอาจจะเสียชีวิตได้
หลักพิจารณาสำคัญ
เวลาเกิดคดี เราจำเป็นต้องมองออกเป็น 2 ฝั่ง ทั้งส่วนพนักงานสอบสวนในชั้นตำรวจ อัยการ ขณะเดียวกัน ผู้ต้องหา หรือจำเลย เขาก็ต้องต่อสู้ ในมุมเรื่องการบันดาลโทสะ หรือแม้กระทั่งไปถึงเรื่อง “ป้องกันตัว”
ในมุมข้อเท็จจริงก่อนหน้านี้ หรือระหว่างที่เกิดเหตุ ยังไม่มีใครรู้ข้อเท็จจริงขนาดนั้น ฉะนั้น จึงจำเป็นต้องรอให้มีการสอบสวนให้ชัดเจนเสียก่อน ซึ่งหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะต้องไปหาหลักฐานทั้งหมด หากพบว่ามีข้อหาใดเข้าข่ายเพิ่มเติมได้ ก็อาจจะมีการแจ้งข้อหาอีกในภายหลัง
สิ่งที่เป็นหลักฐานที่ดีที่สุด คือ คลิปวิดีโอ ถือเป็นหลักฐานที่ดีกว่าพยานบุคคลด้วยซ้ำ เพราะทุกอย่างเห็นได้อย่างชัดเจน และจะสามารถนำมาวินิจฉัยได้ว่าจะเข้ากฎหมายฆ่าคนโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่...?
เมื่อถามว่า กรณีมีเด็กอยู่ในที่เกิดเหตุ ส่งผลในทางคดีหรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย กล่าวทิ้งท้ายว่า ในกรณีนี้น่าจะไม่มีผลอะไร เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่อง ไม่ใช่เคสลักษณะบุกเข้าไปในบ้าน แล้วลงมือกระทำอย่างโหดเหี้ยมทารุณ ต่อหน้าลูกเขา แบบนี้จะคนละแบบ เพราะเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในที่สาธารณะ
...
ส่วนการประกันตัวคดีฆาตกรรม โดยปกติ การประกันตัวในคดีฆาตกรรม จะประมาณ 300,000-500,000 บาท ซึ่งมีรายงานว่าทางครอบครัวผู้ก่อเหตุได้เตรียมหลักทรัพย์ไว้ 1 ล้าน ซึ่งล่าสุด ได้ประกันตัว ตีราคาประกัน 500,000 บาท โดยต้องติดกำไล EM
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง