ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อคนทำอาชีพไรเดอร์ ต้องแบกรับต้นทุนค่าน้ำมันในการทำหน้าที่ส่งอาหารเดลิเวอรี่ รวมถึงข้อบังคับต่างๆ ของแต่ละแอปพลิเคชัน ทำให้ไรเดอร์หน้าใหม่ที่จะเข้ามาประกอบอาชีพนี้ลดลง ขณะที่คนเก่าจำเป็นจะต้องวิ่งงานให้มากยิ่งขึ้น ทำให้เวลาพักผ่อนลดลง จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต
มาฟังจากปากของ “อนุกูล ราชกุณา” แอดมินเพจ สหภาพไรเดอร์ - Freedom Rider Union กล่าวว่า ด้วยราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ไรเดอร์ หน้าใหม่ ที่เข้ามาทำอาชีพนี้ลดลง เพราะแอปพลิเคชัน จ่ายงานให้น้อยในช่วงแรก ส่วนคนที่วิ่งอยู่เดิม ต้องเพิ่มรอบวิ่งให้คุ้มกับค่าน้ำมัน เช่น ตนเองใช้รถมอเตอร์ไซค์ขนาด 110 ซีซี เดิมเติมน้ำมันเต็มถังอยู่ที่ประมาณ 60-70 บาท แต่ขณะนี้เต็มถังอยู่ที่ 200-300 บาท และการวิ่งงานแต่ละเที่ยว ต้องจ่ายให้แอปพลิเคชัน 15 เปอร์เซ็นต์ ทำให้หลายคนมีรายได้ต่ำกว่า 300 บาท/วัน จนต้องเลิกอาชีพนี้ ไปหางานอื่นทำ
ปัจจุบันต้องจ่ายค่าน้ำมันต่อเดือนประมาณ 3,000 บาท เพราะราคาน้ำมันและค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ต้องวิ่งรถเกินวันละ 8 ชั่วโมง เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยต้องวิ่งรถตั้งแต่เวลา 06.00-17.00 น. ซึ่งการวิ่งแต่ละวัน รายได้ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับการจ่ายงานของแอปพลิเคชัน แต่ต้องพยายามวิ่งให้ได้วันละ 1,000 บาท ถึงจะพอต่อการครองชีพในเมือง แต่ถ้าเทียบกับเมื่อก่อน วิ่งได้วันละ 500 บาท สามารถอยู่ได้อย่างสบาย
...
การเพิ่มรอบวิ่งให้มากขึ้นต่อวัน เป็นอีกแนวทางในการปรับตัวยุคน้ำมันแพง โดยต้องวิ่ง 30 งาน/วัน ไม่ใช่ทุกคนจะได้งานในปริมาณมาก แต่ต้องพยายามวิ่งส่งอาหารให้ได้หลายรอบ ถึงจะทำให้แอปพลิเคชัน จ่ายงานให้กับคนนั้นมากขึ้น ส่วนรายได้จากการวิ่งต่อ 1 รอบการจัดส่งเฉลี่ย 3 กิโลเมตรแรกอยู่ที่ 33 บาท ซึ่งมีการปรับลดลงจากเดิมที่ได้ 91 บาท
“การวิ่งแต่ละรอบ ต้องตีรถเปล่าไปรับอาหารที่ร้าน ซึ่งค่าน้ำมันส่วนนี้ ไรเดอร์ต้องแบกรับภาระเอง ทำให้การวิ่งงานแต่ละรอบ ต้องลุ้นว่าจะได้งานในระยะไกลคุ้มกับค่าน้ำมันหรือไม่ ตอนนี้งานส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมีงานที่วิ่งไกลๆ เนื่องจากมีไรเดอร์ จำนวนมากที่เข้ามาในระบบ”
ด้วยภาวะกดดัน ทำให้ไรเดอร์ ต้องวิ่งทำเวลาให้ได้รอบมากขึ้น และเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ ขณะที่สวัสดิการของแต่ละแอปพลิเคชัน จะมีการจัดระดับการคุ้มครองไม่เท่ากัน ทำให้คนที่วิ่งงานน้อย ไม่ได้รับการคุ้มครองเชิงสวัสดิการ และเป็นการโยนความเสี่ยงให้กับคนที่วิ่งงาน
จากสภาวะค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล ผู้ที่ทำอาชีพไรเดอร์ โดยการช่วยเหลือในเรื่องค่าน้ำมัน เพื่อแบ่งเบาภาระคนทำงาน และเพิ่มสวัสดิการให้กับคนทำงานด้านนี้อย่างทั่วถึง เพราะไรเดอร์ เป็นอาชีพหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนสังคมไทย ซึ่งขณะนี้มีคนที่ทำอาชีพนี้ทั่วประเทศประมาณ 4 -5 แสนคน.