ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษในฤดูกาลหน้า (2022-2023) ที่กำลังจะมาถึง อาจกำลังกลายเป็นเวทีแห่งการพิสูจน์ “ยุคสมัยแห่งการขับเคี่ยวเพื่อชิงความเป็นหนึ่งของโลกฟุตบอล” ระหว่าง "ดาร์วิน นูเญซ" (Darwin Nunez) ดาวยิงอุรุกวัยเจ้าของค่าตัว 85 ล้านปอนด์ ของ "ลิเวอร์พูล" และ "เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์" (Erling Braut Haaland) อาวุธมหาประลัยชิ้นใหม่สัญชาตินอร์เวย์ ที่แชมป์เก่าอย่าง "แมนเชสเตอร์ ซิตี้" หอบกองธนบัตร 51 ล้านปอนด์ ไปสู่ขอมาร่วมทีม
และว่ากันว่า...หลัง “ซีรีส์การชิงดีชิงเด่น” ที่จนถึงปัจจุบันยังคงไม่มีใครสามารถฟันธงได้อย่างชัดเจนว่า “ใครดีกว่าใคร” ระหว่าง "ลิโอเนล เมสซี" และ "คริสเตียโน โรนัลโด" ซึ่งยืนยงมาเกือบ 2 ทศวรรษ และกำลังจะสิ้นสุดลงนั้น
...
บางที ศึกมหาเทพยุทธ์...ดาร์วิน นูเญซ VS เออร์ลิง ฮาแลนด์ อาจคือคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกันมากที่สุด เมื่อเทียบแบบปอนด์ต่อปอนด์ สำหรับการชิงความเป็นหนึ่งของโลกฟุตบอลในช่วง 10 ปีถัดจากนี้ก็เป็นได้!
สถิติบนหน้ากระดาษเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา :
สัญชาตญาณเกิดมาเพื่อยิงประตู :
2 ฤดูกาลหลังย้ายมาอยู่กับสโมสรเบนฟิกา ดาร์วิน นูเญซ ซัดไป 48 ประตู จากการลงเล่นรวม 85 นัด โดยในจำนวนนี้เป็นการหวดถึง 34 ประตู จาก 41 นัด เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา!
ส่วน เออร์ลิง ฮาแลนด์ ถล่มไป 86 ประตู จาก 89 นัด ในช่วงที่สวมยูนิฟอร์มของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เพียง 2 ฤดูกาลครึ่ง! โดยเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาแม้ต้องประสบปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนเป็นระยะ แต่ดาวยิงร่างยักษ์รายนี้ก็ยังสามารถหวดได้ถึง 29 ประตู จากการลงเล่นรวมทุกถ้วย 30 นัด!
ประสิทธิภาพบนเวทีแชมเปียนส์ลีก :
ดาร์วิน นูเญซ เปล่งประกายความเจิดจรัสบนเวทีแชมเปียนส์ลีกครั้งแรกในชีวิต เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาได้อย่างงดงาม ด้วยการทำถึง 6 ประตู จากการลงเล่นรวม 10 นัด แถมในจำนวนนี้เป็นการยิงใส่ต้นสังกัดใหม่อย่าง ลิเวอร์พูล ถึง 2 ประตูอีกด้วย และความเฉิดฉายของดาวยิงเลือดอุรุกวัยผู้นี้ มันมากล้นเสียจน เยอร์เกน คลอปป์ กุนซือหงส์แดงตะแคงฟ้า ถึงกับต้องหลุดอุทานออกมาว่า “ไอ้หนูคนนี้มันช่างเก่งเหลือเกิน มีร่างกายที่แข็งแกร่ง แต่รวดเร็ว และจบสกอร์ได้เฉียบคม”
ด้าน เออร์ลิง ฮาแลนด์ การโลดแล่นบนเวทีแชมเปียนส์ลีก ในยูนิฟอร์มโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ เรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก รวม 19 นัด ดาวยิงเลือดนอร์วีเจียน ซัดประตูไปได้รวมกันถึง 23 ประตู! และยังเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ทำได้ 20 ประตูในแชมเปียนส์ลีกด้วย
...
ต้นทุนสำหรับศูนย์หน้ามหาประลัย :
ดาร์วิน นูเญซ พุ่งชนถิ่นแอนฟิลด์ด้วยค่าตัว 64 ล้านปอนด์ โดยมี Add-on อีกประมาณ 21 ล้านปอนด์ รวมเป็น 85 ล้านปอนด์ กับสัญญา 6 ปี ค่าเหนื่อยประมาณ 140,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์
ส่วน เออร์ลิง ฮาแลนด์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่ายค่าตัวให้โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 51 ล้านปอนด์ (อย่างไรก็ดีหลายสื่อคาดว่าอาจมี Add-on เพิ่มอีกอย่างน้อย 11 ล้านปอนด์) เพื่อแลกกับสัญญา 5 ปี และค่าเหนื่อยมหาศาลถึง 375,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์
ผลงานบนยูนิฟอร์มทีมชาติ :
ดาร์วิน นูเญซ เพิ่งติดธงอุรุกวัยบนหน้าอกได้เพียง 11 นัด และเพิ่งยิงได้เพียง 2 ประตู โดยผลงานล่าสุดคือการยิงประตูตีเสมอทีมชาติเปรู เมื่อปี 2019
ด้าน เออร์ลิง ฮาแลนด์ ที่ติดธงนอร์เวย์เมื่อเดือนกันยายน ปี 2019 จนถึงตอนนี้หวดไปแล้ว 20 ประตู จากการลงเล่น 21 นัด! และหากทำได้อีกเพียง 14 ประตู ศูนย์หน้าผู้นี้จะกลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดของทีมชาตินอร์เวย์ทันที
...
รูปแบบและวิธีการเข้าถล่มประตู :
“ทั้งสองคนเป็นกองหน้าที่ต่างออกไป และมีสไตล์การเล่นคล้ายๆ กัน รวดเร็ว สูงใหญ่ และแข็งแกร่ง มันค่อนข้างยากที่จะต้องรับมือสองคนนี้”
เวอร์จิล ฟานไดค์ กองหลังระดับมันสมองของลิเวอร์พูล บอกเล่าถึงประสบการณ์ในการรับมือกับ ดาร์วิน นูเญซ และ เออร์ลิง ฮาแลนด์
ในเชิงกายภาพทั้งคู่มีความคล้ายคลึงกันในแง่ ร่างกายที่แข็งแกร่งและสูงใหญ่ (นูเญซ สูง 187 เซนติเมตร หนัก 81 กิโลกรัม, ฮาแลนด์ สูง 194 เซนติเมตร หนัก 88 กิโลกรัม) แต่กลับไปกับลูกบอลด้วยความรวดเร็ว และจบสกอร์ได้ทั้งสองเท้าเหมือนๆกัน
หากแต่ส่วนที่แตกต่างกันอยู่บ้างคือ ดาร์วิน นูเญซ ชอบที่จะมีส่วนร่วมกับเกมรุกและชอบเลี้ยงบอลเพื่อเข้าทำประตูจากทางด้านข้าง โดยเฉพาะทางด้านซ้ายมากกว่า ในขณะที่ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ชอบที่จะใช้ความเร็วเอาชนะกองหลัง เพื่อเข้าสู่พื้นที่สุดท้ายจากตรงกลาง เพื่อหาทางจบสกอร์มากกว่า
วิธีการเล่นของต้นสังกัดใหม่ :
...
รูปแบบและวิธีการเล่นของต้นสังกัดใหม่อย่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมไหนจะเอื้อต่อการถล่มประตูของทั้งคู่ได้มากกว่ากัน?
ลิเวอร์พูล :
“เฮฟวีเมทัลฟุตบอล” ตามปรัชญาของ "เยอร์เกน คลอปป์" เป็นสไตล์การเล่นฟุตบอลที่ไหลลื่น และเน้นไปที่การแย่งบอลจากคู่แข่งตั้งแต่ในแดนของฝ่ายตรงข้าม นอกจากนี้พวกเขายังชอบครองบอลไปรอบสนาม และจะเร่งสปีดบอลมากขึ้นเมื่อเข้าสู่พื้นที่กรอบเขตโทษ นอกจากนี้ ลิเวอร์พูล ยังมีการผสมผสานการทำชิ่งสั้นๆ กับการจ่ายบอลแนวทแยงยาวจากแนวรับที่หลากหลาย ขณะเดียวกันยังมีทีเด็ดการครอสบอลของฟูลแบ็กทั้งซ้ายและขวาท่ีแม่นยำในพื้นที่สุดท้ายอีกด้วย
อย่างไรก็ดี ความเป็นไปได้ (สูงมาก) ที่หงส์แดงอาจต้องสูญเสีย ซาดิโอ มาเน ในฤดูกาลที่กำลังจะมาถึง การได้ ดาร์วิน นูเญซ ที่มีแนวทางการเล่นแทบไม่ต่างจากกองหน้าเซเนกัล จึงกลายเป็น “คำตอบ”
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ :
Tiki Taka ของ "เป๊ป กวาร์ดิโอลา" คือ การเน้นการครอบครองบอล การจ่ายบอลสั้น และการเล่นเชื่อมโยงกับฟูลแบ็ก มิดฟิลด์ กองหน้า และกดดันคู่ต่อสู้อยู่แต่ในแดนของตัวเองตลอดทั้ง 90 นาที จนกระทั่งต้องยอมแพ้ไปในที่สุด
อย่างไรก็ดี ความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดในฤดูกาลที่ผ่านมาคือ เมื่อสูญเสีย "เซร์คิโอ อเกวโร" กองหน้าตัวเป้าอาชีพไปแล้ว เป๊ป กวาร์ดิโอลา ได้เปลี่ยนไปเน้นที่การจ่ายบอลเข้ากรอบเขตโทษ โดยหวังพึ่งการทำประตูจากปีกทั้งสองข้างและมิดฟิลด์ที่วิ่งเข้าจบสกอร์ในพื้นที่สุดท้ายมากขึ้น ทำให้นักเตะที่เข้ามารับบทบาท กองหน้า False 9 แทบไม่เป็นภัยคุกคามต่อกองหลังฝ่ายตรงข้าม และนั่นอาจคือเหตุผลที่เพราะอะไร ฤดูกาลนี้ แมนฯ ซิตี้ จึงต้องมีนักเตะร่างยักษ์ที่มีพลังทะลุทะลวงสูงอย่าง เออร์ลิง ฮาแลนด์ มาร่วมทีมในฤดูกาลนี้
สถิติที่น่าสนใจระหว่างลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฤดูกาล 2021-2022 :
สถิติทำประตูในลีก :
ลิเวอร์พูล 94 ประตู แมนฯ ซิตี้ 99 ประตู
ค่าเฉลี่ยการทำประตูต่อนัด :
ลิเวอร์พูล 2.47 ประตู แมนฯ ซิตี้ 2.61 ประตู
สถิติการยิงประตู :
ลิเวอร์พูล 729 ครั้ง แมนฯ ซิตี้ 713 ครั้ง
สถิติการยิงเข้ากรอบประตู :
ลิเวอร์พูล 256 ครั้ง แมนฯ ซิตี้ 254 ครั้ง
ค่าเฉลี่ยความแม่นยำในการยิงประตู :
ลิเวอร์พูล 35% แมนฯ ซิตี้ 36%
สถิติการจ่ายบอลเข้ากรอบเขตโทษ :
ลิเวอร์พูล 97 ครั้ง แมนฯ ซิตี้ 87 ครั้ง
สถิติการผ่านบอลจากด้านข้าง :
ลิเวอร์พูล 897 ครั้ง แมนฯ ซิตี้ 869 ครั้ง
ค่าเฉลี่ยความแม่นยำการผ่านบอลจากด้านข้าง :
ลิเวอร์พูล 25% แมนฯ ซิตี้ 19%
สถิติการจ่ายบอล :
ลิเวอร์พูล 23,588 ครั้ง แมนฯ ซิตี้ 26,132 ครั้ง
ค่าเฉลี่ยความแม่นยำในการจ่ายบอล :
ลิเวอร์พูล 85% แมนฯ ซิตี้ 90%
เห็นสถิติเหล่านี้แล้ว ระหว่าง ดาร์วิน นูเญซ และ เออร์ลิง ฮาแลนด์ คุณคิดว่าใครจะครองดาวยิงสูงสุดของพรีเมียร์ลีกอังกฤษในฤดูกาลที่กำลังจะมาถึงนี้กัน?
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
กราฟิก : Anon Chantanant
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :