เป็น “สงกรานต์” เหงาหงอยอีกปีของไทย ถึงแม้รัฐบาลจะเปิดโอกาสให้เล่นสาดน้ำกันได้ แต่...ด้วย โควิด-19 ที่ยังระบาดอย่างหนักไม่สร่าง ส่งผลให้ภาครัฐกำหนดมาตรการอย่างเข้มงวด หากใครคิดจะจัดงาน ซึ่งทีแรก หน่วยงานภาคเอกชนก็มีแนวโน้มว่าจะเดินหน้า แต่เมื่อใกล้เวลา ทุกภาคส่วนกลับตัดสินใจใส่เกียร์ถอย เพราะกลัว “รับผิดชอบ” ไม่ไหว หากเกิดคลัสเตอร์
เฉกเช่นที่ ถนนข้าวสาร นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร บอกกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ว่า เราตัดสินใจไม่จัดงานเพราะกฎระเบียบที่จะใช้ค่อนข้างเข้มงวดมาก
1.ต้องตรวจ ATK ทุกคน แม้การตรวจ ATK เป็นเรื่องปกติ แต่เวลามาเล่นน้ำ มีคนจำนวนมาก จะมาตรวจทุกคนคงใช้เวลานาน
2.นักท่องเที่ยวทุกคนห้ามถอดหน้ากาก หากพบเจอ สมาคมต้องรับผิดชอบ ตรงนี้ถือเป็นเรื่องควบคุมยาก
3.ไม่สามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่หนักที่สุด ซึ่งความเป็นจริงก็ควรจะขายได้ตามข้อกฎหมาย เวลา 11.00-14.00 น. เป็นต้น
ด้วยปัจจัยหลายอย่างเหล่านี้ เราจึงได้หารือกับทางเขตพระนคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงตัดสินใจถอย “เราขออยู่เฉยๆ ดีกว่า”
...
นักท่องเที่ยวเริ่มทยอยมา อัตราจองที่พัก 30-40%
นายสง่า ยังพูดถึงสถานการณ์ท่องเที่ยวและที่พักในถนนข้าวสารว่า ตอนนี้สถานการณ์ที่พักที่ถนนข้าวสารถือว่าดีขึ้น เริ่มมีนักท่องเที่ยวทยอยเดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ได้จองที่พักราว 30-40% แต่...ก็ไม่เทียบเท่าสมัยก่อนโควิด หากเป็นเวลานี้ไม่มีที่พักเหลือแน่นอน แต่ถือว่าดีกว่าปีที่แล้ว เพราะช่วงนี้ในปีที่แล้ว เป็นช่วง “ปิดประเทศ” ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย ยังดีที่ว่า เมื่อเดือนพฤศจิกายน เริ่มมีการเปิดประเทศ และเริ่มใช้ Test & Go ที่เริ่มกลับมาใช้ในเดือนมีนาคม
สถานบันเทิงเปิดปกติ ไม่ห้ามเล่นน้ำที่ถนนข้าวสาร
เมื่อถามว่า ยังสามารถเล่นน้ำถนนข้าวสารได้หรือไม่ นายสง่า บอกว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ห้ามกันไม่ได้ หากใครจะเดินทาง หรือ ชาวต่างชาติจะเล่นน้ำกันเอง ในขณะที่ผู้ประกอบการสถานบันเทิง ก็ยังเปิดให้บริการปกติ สามารถขายเครื่องดื่มได้ตามกฎหมายกำหนด อาจจะสามารถเล่นพรมน้ำได้ตามปกติ เพราะร้านเหล่านี้ถือว่าอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวอยู่แล้ว บางร้านเขาก็คงไปคิดกันเองว่า ออกแบบกันเอง ว่าทำได้แค่ไหน ถ้าเล่น ก็อาจจะเล่นนิดหน่อย แต่บางร้าน ที่มีเครื่องเสียงเยอะ ก็อาจจะไม่ให้เล่น
“ส่วนตัวเชื่อว่า จะมีนักท่องเที่ยว ที่พักแถวถนนข้าวสารออกมาเล่นน้ำกันเอง แต่ข้อเสีย คือ เราไม่ได้มีการจัดงาน ก็อาจจะไม่มีคนดูแลควบคุม”
ช่วงท้าย นายสง่า บอกว่า เดิมทีเราคาดหวังว่าคนไทยจะมีโอกาสได้เล่นน้ำสงกรานต์ได้บนถนน ซึ่งก็มีจุดคัดกรอง ปกติ และคงไม่มีเวทีให้คนมายืนออกัน เรียกว่าเดินผ่านและออกไป เจตนารมณ์เราเป็นแบบนี้ และหวังให้กลุ่มร้านค้าแผงลอย ที่เคยอยู่ในถนนข้าวสารกว่า 500 ชีวิต สามารถขายของได้ เพราะผ่านมา 2 ปี กลุ่มคนเหล่านี้ก็ยังไม่กลับมา เราจึงหวังให้เขากลับมาขาย เพื่อเป็นการกระจายรายได้ แต่ถึงวันนี้เราก็ไม่รู้ว่าจะมีคนเข้ามาไหม เพราะไม่มีการประชาสัมพันธ์
ลึกๆ เรายังหวังว่า แผนเดิม ถนนข้าวสารจะกลายเป็นเอนเตอร์เทนเมนต์ สตรีท วันนี้รายได้หลัก 70-80% ในถนนข้าวสารมาจากคนไทย จากการท่องเที่ยวยามราตรี ดังนั้น เราก็หวังว่าถนนข้าวสารจะมีโอกาสกลับมาคึกคักอีกครั้ง...
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
...