สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน อาจรุนแรงหนักหน่วงมากขึ้น หลังสหรัฐฯ เกรงว่ารัสเซียจะใช้อาวุธเคมี หรืออาวุธชีวภาพ กับพลเรือนในยูเครน หรือใช้สร้างสถานการณ์ ใส่ร้ายฝ่ายตรงข้าม อย่างที่เคยทำมาหลายครั้ง โดยเฉพาะการใช้อาวุธเคมี ในสงครามกลางเมืองซีเรีย ทำให้ผู้คนล้มตายจำนวนมาก
ยิ่งการที่รัสเซีย ออกมากล่าวหากระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ มีห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ในยูเครน เพื่อพัฒนาอาวุธเคมีและชีวภาพ และยังกล่าวหายูเครน เตรียมผลิตระเบิดกัมมันตรังสี ทางสหรัฐฯ มองว่า เป็นเพียงกลอุบายจะสร้างความชอบธรรม ในการโจมตียูเครน อีกต่อไป
อาวุธมหันตภัยร้ายแรงต้องห้าม ตามอนุสัญญาระหว่างประเทศมี 3 ชนิด อาวุธนิวเคลียร์ อาวุธเคมี และอาวุธชีวภาพ เพราะมีอานุภาพทำลายล้างสูงในการพิฆาตมนุษยชาติให้บาดเจ็บล้มตายภายในพริบตา และมีหลายประเทศแอบผลิตและซุกซ่อนเก็บไว้ โดยเฉพาะอาวุธชีวภาพ หรืออาวุธเชื้อโรค มีความน่ากลัวกว่าหลายเท่าในการแพร่กระจายรวดเร็ว จนคนเจ็บป่วย และล้มตายมหาศาลอย่างทรมาน ซึ่งไม่มีวัคซีนและยารักษา
...
การใช้อาวุธชีวภาพในสงคราม ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ มีมาตั้งแต่อดีต และนานาชาติพยายามควบคุม โดยทําอนุสัญญาห้ามอาวุธชีวภาพ เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2518 แต่มีบางประเทศยังฝ่าฝืน นำเชื้อโรคที่หาได้ไม่ยากเพราะเลี้ยงง่าย มีต้นทุนต่ำ มาทำเป็นอาวุธชีวภาพ ก่อให้เกิดโรครุนแรง สามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้
อย่างเหตุการณ์ในสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2544 หลังเหตุวินาศกรรม 11 ก.ย. 2544 มีการกระจายสปอร์เชื้อแอนแทรกซ์ หรืออเมริแทรกซ์ ผ่านทางจดหมาย ไปยังสำนักข่าวหลายสำนัก และสมาชิกวุฒิสภา พรรคเดโมแครต 2 คน ในกรุงวอชิงตัน ดีซี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย และป่วย 17 ราย จนต้องรีบให้ยาปฏิชีวนะอย่างเร่งด่วนกับประชาชนหลายพันคนในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อป้องกันเชื้อแอนแทรกซ์
ส่วนอาวุธเคมี เป็นการปล่อยสารพิษ อย่างก๊าซพิษซารินที่เคยใช้ในซีเรีย หรือสารวีเอ็กซ์ ซึ่งรุนแรงกว่า 10 เท่า เพียงแค่ 5 มิลลิกรัม ก็สามารถสังหารมนุษย์ น้ำหนักตัว 70 กิโลกรัมได้ ในการออกฤทธิ์ก่ออันตรายต่อร่างกายมนุษย์โดยตรงให้ได้รับบาดเจ็บ ไร้สมรรถภาพ และเสียชีวิตในทันที หรือใส่ในพืชผล น้ำ อาหาร เพื่อทำลายระบบประสาท โลหิต ระบบหายใจ หรือทำให้ผิวหนังพุพอง
...
ในมุมมองของ ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เห็นว่า มีความเป็นไปได้ในการนำอาวุธชีวภาพ มาใช้ แต่อยู่ที่ว่ารัสเซียจะนำมาใช้หรือไม่ ในการทำสงครามกับยูเครน อีกทั้งรัสเซีย ไม่ได้เป็นประเทศขึ้นชื่อในการทำอาวุธชีวภาพ ทำให้มีแนวโน้มในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ มากกว่า
“ที่น่าเป็นห่วง อาจเกิดจากความไม่ตั้งใจก็ได้ ในการยิงถล่มพื้นที่ใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล ได้ทำให้ซากนิวเคลียร์ที่โบกปูนทับอยู่เกิดปัญหา อาจเกิดหายนะขึ้นได้เหมือนในอดีต มีสารกัมมันตรังสีปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม จนนมวัวกินไม่ได้”
ขณะที่อาวุธชีวภาพ ไม่มีข้อมูลว่าใครทำอะไรที่ไหน ซึ่งพิสูจน์ลำบาก หรืออาจจะเป็นข้ออ้างของแต่ละฝ่ายเพื่อโจมตีกันในการทำสงครามจิตวิทยา และแม้ว่าวิธีทำอาวุธชีวภาพ ไม่ยุ่งยากซับซ้อนเท่าไรนัก แต่คงไม่ใช่อาวุธหลักที่จะใช้เหมือนปืนอาวุธสงครามทั่วๆ ไป เพราะเห็นผลได้ช้า หรือแม้แต่อาวุธเคมีก็คงไม่ใช้ และการใช้อาวุธนิวเคลียร์ น่าจะมีโอกาสมากกว่า.
...