คดีนักแสดงสาวชื่อดัง น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม พลัดตกจากเรือจนจมน้ำเสียชีวิตกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ใกล้เข้าสู่บทสรุปที่จะนำไปสู่การไขคดีที่ได้รับความสนใจมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย และก่อนที่จะมีการสรุปสำนวนคดีนี้อย่างเป็นทางการ “เรา” ลองย้อนไป “รับฟัง” การพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากการให้สัมภาษณ์สื่อของ 3 ใน 5 บุคคลที่อยู่บนเรือสปีดโบ๊ต ซึ่งประกอบด้วย 1. นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือ ไฮโซปอ 2. น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ กระติก 3. นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือ แซน ในช่วงที่ออกมาปรากฏตัวให้สัมภาษณ์กับสื่อครั้งแรกเพื่อทบทวนความจำกันอีกสักครั้ง

ก่อนเกิดเหตุ :

มุมไฮโซปอ :

“ก่อนเกิดเหตุ เรานัดเจอกัน แล้วเราก็นั่งเรือไปรับประทานอาหารที่ร้านบ้านตานิด หลังจากนั้น เราขับเรือจากร้านอาหารบ้านตานิด ไปที่สะพานพระราม 8 เพราะเราตั้งใจไว้ว่าจะไปถ่ายรูป พอเสร็จแล้ว เราก็กำลังจะเดินทางกลับไปที่จอดเรือ แล้วระหว่างทางจากสะพานพระราม 8 มาสะพานพระราม 7 ก็เกิดเหตุที่ คุณโม หายไปแล้วพวกเราก็ตกใจ”

Key Words : จุดเกิดเหตุอยู่ระหว่าง สะพานพระราม 8 และ สะพานพระราม 7

...

ไฮโซปอ เปิดใจกับสื่อมวลชนครั้งแรก ที่ สภ.เมือง นนทบุรี เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 65

มุมกระติกและแซน :

“ตอนแรกนั้นกันไว้ 16.00 น. แต่กระติกกับแตงโม ไปเลท ไปถึงก็ประมาณสัก 16.45 น. พอไปถึง คุณปอเขาก็ขี้เกียจรอแล้ว เพราะรอมาเยอะแล้ว เขาก็เลยเดี๋ยวเอาเรือไปเติมน้ำมันก่อนแล้วค่อยกลับมารับแซน ก็ออกไปกันรอบแรก ซึ่งเราก็ไปเจอเพื่อนปออีกสองคน แต่ปอเขาก็แจ้งก่อนนะว่า เฮ้ย เดี๋ยวกูเอาเพื่อนไปกันสองคนนะ”

Key Words : ออกเรือรอบแรกไปเติมน้ำมันเวลาประมาณ 16.45 น. บนเรือมีทั้งหมด 5 คน

“พอเติมน้ำมันเสร็จเราก็กลับมารับคนนี้ (แซน) แล้วก็ออกไปกัน ล่องเรือไปเรื่อยๆจนถึงร้านอาหาร พอถึงร้านอาหาร เราก็ทานข้าวกันปกติใช้เวลาประมาณสัก 2 ชั่วโมง ถึงร้านออกจากเรือจากที่ไปรับแซนประมาณสัก 17.00 น. ได้ แล้วก็ไปถึงร้านอาหารประมาณ 18.00 น. นิดๆ

.....ประมาณ 18.30 น. ได้ไหม (หันไปถามแซน)
ได้ กำลังจะมืด (แซนตอบกลับ)”

Key Words : ออกเรือรอบนี้ บนเรือมีทั้งหมด 6 คน ถึงร้านอาหารเวลา 18.00-18.30 น.

กระติกและแซน เปิดใจครั้งแรกกับสื่อมวลชน ที่ สภ.เมือง นนทบุรี วันที่ 27 ก.พ.65 :

ขณะเกิดเหตุ :

มุมไฮโซปอ :

“ผมมองเห็นคุณโมครั้งสุดท้าย คือ ช่วงถ่ายรูปกันที่สะพานพระราม 8 เพราะคุณโมมานั่งถ่ายรูปกันที่บริเวณด้านหน้าเรือ หลังจากถ่ายรูปเสร็จแล้ว เราล่องเรือกลับ ตัวผมเองมองไม่เห็นว่า คุณโม ไปนั่งอยู่ตรงไหน คือ คุณโมเดินผ่านไป ตัวผมอยู่ด้านหน้าเรือ”

Key Words : มุ่งหน้ากลับหลังถ่ายรูปที่สะพานพระราม 8 อยู่ด้านหน้าเรือจึงมองไม่เห็นว่า แตงโม อยู่ตรงจุดไหนของเรือขณะเกิดเหตุ

“แต่สิ่งที่ผมได้รับฟังมา จากคุณแซนนะครับ คุณแซนนั่งอยู่ท้ายเรือ คุณแซนได้ให้ข้อมูลว่า คุณแตงโม จับขาคุณแซน เพราะคุณแซนนั่งที่ท้ายเรือแล้วยืดขาออก คุณแตงโมจับขาคุณแซนไว้ แล้วคุณแตงโมนั่งปัสสาวะ อันนี้เป็นสิ่งที่ผมได้ข้อมูลจากคุณแซน หลังจากนั้นเมื่อคุณแตงโมลุกขึ้นมา เสื้อเปียกน้ำ แล้วก็จังหวะนั้น คุณแซนก็มีการเหมือน จังหวะน่าจะเป็นเหมือนโดนคลื่น ทำให้จังหวะนั้นพลัดตก แต่ตอนที่ตกไม่ใช่ตกแล้วหายเลย คุณแซนบอกว่า ตกเสร็จแล้วเหมือนคุณแตงโม พยายามจับด้านข้างเรือ แล้วก็ตกลงไป”

Key Words : ได้รับการบอกเล่าจากแซน ว่า แตงโมพลัดตกน้ำเพราะไปนั่งปัสสาวะท้ายเรือ และตอนตกน้ำไม่ได้จมทันที

“สิ่งที่เรารับรู้ต่อมาคือว่า คุณแซนตะโกนว่า อีโมตกน้ำ คนที่นั่งติดกับคุณโม ชื่อว่าคุณจ๊อบ คุณจ๊อบก็บอกว่า พี่หยุดเรือ โมตกน้ำ เราก็หักเรือ กลับไปหาโมทันที แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เราไม่เห็นโม เราวนอยู่ตรงนั้นหลายชั่วโมง พยายามทำทุกอย่างที่ทำได้”

Key Words : หลังจากแตงโมตกน้ำ จ๊อบที่นั่งอยู่ใกล้กับแตงโม บอกให้หยุดเรือ แล้วให้วนเรือกลับไป และใช้เวลาค้นหาอยู่หลายชั่วโมง

...

ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือหรือไม่?

“เราไม่ได้ยินเลยครับ เพราะว่า เวลาเรือที่ขับจะมีเสียงเครื่องยนต์อยู่ท้ายเรือ มันจะมีเสียงเครื่อง แล้วเรือประเภทนี้จะมีลำโพง เรามีลำโพงใหญ่ 4 ตัว เราเปิดเพลงถามว่า คนตกเรือเราได้ยินเสียงหรือไม่ ผมบอกเลยว่า ยากมากครับ”

Key Words : ไม่ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ

เรือกำลังแล่นหรือจอดนิ่งขณะเกิดเหตุ?

“เรือขับอยู่ครับ เรื่องความเร็ว...ที่น้ำพัดเนี่ย...ความเร็วต้องน้อยมากแล้วกันครับ”

Key Words : คาดว่าขณะเกิดเหตุเรือกำลังแล่นด้วยความเร็วต่ำ

“ผมไม่เห็นคุณโมตก เพราะผมอยู่ด้านหน้าเรือ คนที่เห็น คือคนที่ชื่อคุณแซน เพราะฉะนั้นขั้นตอนของการตก ผมอยากให้พี่ๆ นักข่าว หาข้อมูลตรงนี้จากคุณแซนมากกว่า”

Key Words : ยืนยันอีกครั้งว่าไม่เห็นตอนแตงโมตกน้ำ เพราะอยู่ด้านหน้าเรือ และคนที่เห็นคือแซน

ไฮโซปอ เปิดใจกับสื่อมวลชนครั้งแรก ที่ สภ.เมือง นนทบุรี เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 65 :

...

มุมกระติกและแซน :

“ทานอาหารเสร็จ กับข้าวมีประมาณ 8-9 อย่าง เท่าที่จำได้ ก่อนกลับทุกคนไปปัสสาวะ เข้าห้องน้ำ เพราะระยะทางมันก็ไม่ได้สั้นๆ ก็วางแผนกันเข้าห้องน้ำ เพราะบนเรือเราไม่เห็นห้องน้ำ เราก็เลยไปเข้าห้องน้ำกัน ทุกคนก็ไปยกเว้นแตงโม กระติกก็ชวนนะ เฮ้ย มึงไม่เข้าห้องน้ำหรือ มันก็บอกว่าไม่ไป ไม่ปวด ก็เห็นว่าเขากำลังนั่งสาละวนจับโทรศัพท์เล่นโทรศัพท์ โอเค เราก็ไม่ได้คะยั้นคะยอเพื่อน”

Key Words : มีแตงโมคนเดียว ที่ไม่ได้เข้าห้องน้ำก่อนกลับ

“ขากลับก็ลงเรือกันไป ก็มีแวะถ่ายรูปถ่ายอะไรกันแบบนี้ ระหว่างทางก็มีบอกตรงนี้คืออะไร ตรงนี้คืออะไร นี่คือคุณปอนะคะ เนี่ยเรื่อยๆไป จนเกิดเหตุ อันนี้คือไทม์ไลน์ ไทม์ไลน์ออกจากร้านอาหารก็ประมาณ 20.00 น. จำเวลาไม่ได้เป๊ะมาก

แต่ว่าเหตุเกิดเวลาประมาณ....(หันไปถามแซน)
ประมาณ 22.30-22.40 น. ประมาณนี้ (แซนตอบ)”

Key Words : ออกจากร้านอาหารเวลาประมาณ 20.00 น. เกิดเหตุเวลาประมาณ 22.30-22.40 น.

“คือเราต้องบอกว่า มีการหยุดเรือ เพื่อที่จะถ่ายรูปด้วยอะไรด้วย ซึ่งอาจจะทำให้กินเวลา เพราะตอนกลางคืน คนที่ถ่ายรูปไนต์โหมด จะรู้ว่าถ้าเรือมันโคลงๆ รูปมันอาจจะออกมาไม่ได้ เบลอๆไปหมด เพราะฉะนั้นจึงต้องมีการถ่ายใหม่ ถ่ายหยุด อะไรแบบนี้ ซึ่งค่อนข้างใช้เวลา ก็น่าจะกินเวลาไปสักประมาณ 2 ชั่วโมง”

Key Words : ใช้เวลาสำหรับการถ่ายรูปประมาณ 2 ชั่วโมง

“คือตอนที่โมไปปัสสาวะท้ายเรือ เราไม่เห็น ไม่รู้ เพราะว่า ณ ตอนนั้นเหมือนหยุดถ่ายรูปแล้ว เหนื่อยแล้วอยากกินบรรยากาศ อันนี้เป็นช่วงขากลับนะ ขากลับแล้ว ออกจากสะพานพระราม 8 กำลังจะเข้าที่อู่เรือแล้ว เหตุเกิดตอนนั้น แต่ระหว่างนั้น เราได้ยินเพื่อนบ่นมาตลอดว่า ปวดฉี่ เฮ้ย ปวดฉี่ อะไรแบบนี้ เราก็ว่าเพื่อนนะว่า เมื่อกี้กูชวน ทำไมมึงไม่ไป มันก็บอกว่ามันไม่ปวด กระติกก็บอกว่ามึงไม่ปวด แต่มันมีฉี่อยู่ในกระเพาะนะ ทำไมมึงไม่ฉี่ กูชวนทำไมมึงไม่ไป เขาก็ไม่ได้แสดงอาการว่าไม่ไหว เขาไม่ได้บอกอะไรเราอะ เราก็ไม่ได้สนใจอะไรแล้วอะ เราสนใจแต่วิวแล้วตอนนั้น เพราะเราเสียเวลากับการถ่ายรูปไปเยอะ เราไม่ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศ เพราะช่วงนั้นบรรยากาศดีมากนะ อากาศดี ฟ้าใส เราก็มองข้างทาง ได้ยินเสียงอีกที คนนี้(แซน) ก็ตะโกนแล้ว คือเรือมันไปข้างหน้า ทุกคนก็ต้องทำความเข้าใจว่า ไม่มีใครหันหลัง ผมมันจะตี เราปล่อยผม ผมมันจะฟูมากเลย ถ้าเราหันหลัง ทุกคนก็หันไปข้างหน้า คุณปอหรือทุกคนก็ตาม ทิศทางเราจะไปข้างหน้า เพราะฉะนั้นเราจะไม่สนใจข้างหลังเลย”

...

Key Words : กระติกยืนยันว่าไม่เห็นเหตุการณ์ จุดเกิดเหตุอยู่ระหว่างเส้นทางสะพานพระราม 8 กับ อู่เรือ

“แต่คนนี้ (แซน) เขาอยู่ข้างหลังอยู่แล้ว เขานั่งอยู่ท้ายเรืออยู่แล้ว เล่นโทรศัพท์ดูโน่นดูนี่ของเขา แล้วแตงโมก็เดินไป หลังจากนั้นกระติกไม่รู้แล้ว กระติกไม่เห็นแม้กระทั่งตอนแตงโมเดินไปนะ เพราะว่าสุดท้ายที่เราคุยกัน ปกติ กระติก ปอ ทุกคนจะอยู่ด้านหน้ามีการพูดคุยอะไรแบบนี้ ถ่ายรูป หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไปชื่นชมบรรยากาศอะไรยังงี้ หลังจากนั้นต้องเป็นคนนี้แล้ว (แซน) กระติกได้ยินเขาตะโกนว่า แตงโมตกเรือ ต่อจากนั้นก็ได้ยินคุณจ๊อบตะโกนต่อว่า เฮ้ยๆ พี่ๆ มีคนตกเรือ คุณปอเขาก็.....เอาภาพที่กระติกเห็นนะ คุณปอเขาก็หันพวงมาลัยเรือหมุนกลับ จากนั้นก็เป็นกระบวนการตามหากัน อันนี้คือในมุมที่กระติกเห็น”

Key Words : มี แซน เท่านั้นที่เห็นเหตุการณ์ และตะโกนบอกคนบนเรือที่เหลือว่า แตงโมตกเรือ จากนั้น จ๊อบ เป็นคนที่ 2 ที่ตะโกนบอกทุกคน ปอ จึงหันเรือกลับ

กระติกและแซน เปิดใจครั้งแรกกับสื่อมวลชน ที่ สภ.เมือง นนทบุรี วันที่ 27 ก.พ. 65 :

เหตุการณ์ปัสสาวะท้ายเรือ :

มุมไฮโซปอ :

มีการบอกล่วงหน้าไหมว่า จะไปปัสสาวะท้ายเรือ?

“ไม่มีเลย เราไม่รู้เลยครับ”

เป็นไปได้ไหม ที่ขับเร็วแล้ว ทำให้แตงโมตก เพราะเห็นที่เรือมีคราบไวน์หก?

“ผมคิดว่ามันน่าจะเป็น การที่ไวน์หกอะไรพวกนี้ บางทีไวน์กินไม่หมด ก็ยกย้าย ไอ้ตัวที่หกผมว่าไม่ใช่เรื่องแปลก”

ไม่ใช่ว่าเพราะขับเร็วเกินไป?

“ไม่ครับ หากเราดูจากการเดินทาง ตั้งแต่ปทุมฯ มาถึงสะพานพระราม 8 เราใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ อันนี้คือเป็นการขับที่ช้ามาก”

ห้องน้ำในเรือสรุปว่าใช้ได้ไหมครับ?

“เรียนอย่างนี้ครับ ห้องน้ำในเรือเรามีนะครับ แต่ว่า...เรามีของอยู่ในเรือ แต่ว่าหากเรามีคนที่ต้องการใช้ เราสามารถย้ายของจากในห้องนี้ ห้องเก็บของนี้ แล้วนั่งปัสสาวะในเรือได้ครับ”

แสดงว่าห้องน้ำไม่ได้พังไม่ได้เสียหายอะไร สามารถใช้งานได้ แต่ไม่ได้ใช้ ใช่ไหม?

“คือต้องบอกแบบนี้ครับ เรือนี้สามารถใช้การได้ แต่โดยปกติ คนที่ใช้เรือประเภทนี้ เขาจะไม่ค่อยใช้ห้องน้ำกัน เนื่องด้วย Destination จะไปใกล้ๆ อย่างผมเนี่ย จะเดินทางไปร้านอาหารบ้านตานิด เราก็จะรู้ว่าเราไปกินข้าวเข้าห้องน้ำ ก่อนลงเรือกลับทุกคนก็จะเข้าห้องน้ำที่ร้านอาหาร มีเพียงคุณโมคนเดียวที่ไม่ได้เข้าห้องน้ำครับ”

ระหว่างทางมีจุดที่สามารถจอดให้เข้าห้องน้ำได้ ทำไมไม่จอดให้คุณแตงโมเข้าห้องน้ำ?

“อันนี้คือ เราไม่ทราบว่า...คุณโมต้องการเข้าห้องน้ำ”

ไฮโซปอ ตอบคำถามสื่อมวลชนครั้งแรก ที่ สภ.เมือง นนทบุรี เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 65 :

มุมกระติกและแซน :

คุณแซนเห็นจังหวะที่คุณแตงโมพลัดตกไปไหม?

“เห็นค่ะ ก็เขาพลิกลงไปด้านข้าง พลิกด้านข้างลงมา”

คุณแตงโมไปปัสสาวะด้านหลัง?

“ใช่ค่ะ”

เกาะอะไรไว้ไหม?

“เกาะขาแซนค่ะ”

จับขาข้างไหนของคุณแซนไว้?

“สองข้างค่ะ สองมือ”

ลักษณะคุณแตงโมเป็นอย่างไร?

“หันหลังออกท้ายเรือ หันหน้าชนมาทางแซนค่ะ”

คุณแซนได้จับคุณแตงโมไว้ไหม?

“แซนกำลังนอนเล่นมือถืออยู่คะ คือเขาเดินมาบอก แล้วก็นั่งลงไปเลยทุกอย่างมันเร็วมาก คือไม่สามารถที่จะบอกแป๊บหนึ่งอะไรได้เลย”

ชุดของคุณโมวันนั้น มันสามารถถอดได้หรือคะ มันเป็นบอดี้สูท?

“พี่ไม่เคยหรือคะ (หัวเราะ) ไม่เคยต้องปัสสาวะแบบรีบๆ ในชุดบอดี้สูทหรือคะ ถ้าหากว่าเคยพี่อาจจะทราบว่ามันต้องทำอย่างไรอะเน้อ จริงๆ ไม่อยากอธิบายอะไรตรงนี้เลยอะ เพราะไม่ค่อยจะสุภาพเท่าไร” (แซน)

“คือ อันนี้ต้องตัดมาให้กระติกก่อนนะ คือเท่าที่กระติกเห็น ทราบเลย ตอนแรกเนี่ยขึ้นเรือมา ก็เป็นโจ๊ก ระหว่างเรากับแตงโมอะไรอย่างนี้ คือ เขาใส่ผ้าอนามัยอยู่ด้วย ว่า เฮ้ยๆ เห็นไหม อะไรยังงี้ ซึ่งลักษณะการปัสสาวะของคนที่ใส่บอดี้สูท ในเวลารีบๆ เราไม่ได้ถอดนะคะ เราแหวกข้างค่ะ อันนี้คือประสบการณ์ที่กระติกทำนะคะ แล้วกระติกไม่ทราบว่า แตงโมทำหรือเปล่า แต่มันทำอย่างนั้นได้ แล้วการที่อยู่บนเรือซึ่งมีผู้ชายอยู่ด้วย แล้วเรือนะมันโล่งแจ้ง คงไม่มีใครถอดแล้วดึงออกมา แล้วเสื้อโค้ตก็ใส่ด้วย ผ้าพันก็ใส่ เป็นกระติก กระติกก็จะเลือกแหวกข้าง ซึ่งเคยทำมาแล้วและสะดวกที่สุดแล้ว ณ ตอนนั้น” (กระติก)

ตอนที่คุณแตงโม จับขาคุณแซน ขาคุณแตงโมลงน้ำไปหรือยัง?

“แซนไม่ทราบค่ะ เพราะแซนกำลังนอนเล่นมือถืออยู่”

ตอนนั้น คุณแซน นอนท่าไหน?

“ก็นอนสบายๆ ค่ะ”

แล้วขา คุณแซน อยู่ในลักษณะไหน?

“ขาแซนตั้งชัน ตั้งแบบ..”

“เหมือนนั่งเก้าอี้ใช่ไหม” กระติกกล่าวเสริม

“ไม่ๆ คือ นอนเอาหัวพิงเอน แล้วก็ชันเข่าขึ้น นึกออกไหม” (แซน)

แสดงว่าตอนนั้น เรือไม่ได้ขับเร็วมากใช่ไหม?

“ไม่เร็วค่ะ นอนเล่นมือถือก็ยังได้”

“ตอนที่แตงโมกำลังลุก แล้วก็เหมือนเสียหลัก แล้วก็หล่นอะค่ะ จากนั้นก็ตะโกนแล้วก็รีบ กลับเรือมาช่วยกันนะคะ”

ตอนนั้นตะโกนว่าอะไร?

“ก็ โม ตกน้ำ ตะโกนดังๆ กว่านี้ค่ะ แล้วก็กรี๊ด ค่อนข้าง กรี๊ดเลยค่ะ” (แซน)

“ที่กระติกได้ยิน คือ เฮ้ย อีโมตกน้ำ แล้วก็จะเป็นเสียงจ๊อบ เฮ้ย พี่คนตกน้ำ คือเขารับกันมา กระติกอะอยู่ข้างหน้าด้านซ้าย จ๊อบอยู่ด้านซ้ายของแซน แซนหันหลังให้จ๊อบนะ พอได้ยินก็บอกไปทางข้างหน้า เพราะคนขับอยู่ข้างหน้า ที่กระติกเห็นคือ ปอ Take พวงมาลัยเรือทันที แล้วก็ เฮ้ย อะไรยังไง แล้วก็ไปที่แซนว่า เฮ้ย เกิดอะไรขึ้น มึงเล่นอะไรกัน เขา (แซน) ก็เล่าให้ฟัง หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้ทะเลาะกันเองแล้ว เราหาก่อน เราหาคนก่อนที่จะมานั่งถามกัน รายละเอียดนี่เราพอจะทราบว่า เขา (แตงโม) ฉี่ แต่จับขาจับอะไรเนี่ย เรามาคุยกันตอนหลังแล้ว เพราะว่าเรารู้สึกว่ามันจะเสียเวลานะ หากไปนั่งถาม เรารู้แค่ว่า ไปนั่งฉี่ แล้วเขา (แตงโม) ร่วงลงไป ซึ่งเราเห็นแล้วว่า ความเป็นไปได้มันมี เพราะว่าแพลตฟอร์มอยู่ตรงนั้นอันตรายมันมีประมาณนั้น” กระติกกล่าว

จังหวะที่คุณแตงโมใช้สองมือจับขาคุณแซน แล้วจะใช้มือไหนแหวกเพื่อปัสสาวะ?

“คือแซนไม่ได้ทราบว่าเขาจับขาแซนสองข้างตลอดเวลาหรือเปล่า หรือมีเวลาไหนหรือยังไง แต่ตอนแรกที่รู้สึก คือ เขาจับขาแซนไว้ แล้วก็เราก็นอนเล่นมือถือต่อ ไม่ได้สนใจอะไร คือบอกตรงๆ ว่าไม่ได้สนใจอะไรจริงๆ คือรู้แค่ว่า เขาเดินมานั่ง จับ โอเค เราก็นั่งเล่นมือถือของเราต่อ ก็เขาก็ทำธุระส่วนตัวของเขาอะเน้อ”

ตอนที่คุณแตงโมตก ได้มีความพยายามที่จะร้องขอความช่วยเหลือหรือตะเกียกตะกายขึ้นมาหรือไม่?

“กระติกไม่เห็น (โบกมือ)”

“ไม่มีเลยค่ะ พอตกลงไปแล้วเขาก็....พอตกลงไปแล้วเรือก็วิ่งไปข้างหน้า เราก็พยายามมอง แต่ว่ามันมืด” (แซน)

คือมือคุณแตงโมที่จับขาอยู่นี่ หลุดไปเลยใช่ไหม?

“มือเขามาจับข้างกราบเรือแล้วค่ะ เขาไม่ได้จับขา” (แซน)

กราบเรือฝั่งไหน?

“ฝั่งขวาของแซน ก็คือ..ฝั่งนี้คะ (ทำท่าขยับแขนขวา)

ตอนคุณแตงโมปัสสาวะจับที่ขาคุณแซน หรือด้านข้างเรือ?

“จับขาแซนค่ะ”

จับขาคุณแซนข้างไหน?

“สองข้างเลยค่ะ”

แล้วตอนที่ตกลงไปได้พยายามดึงขึ้นมาไหม?

“เขา (แตงโม) ตกไปทางโน้น (ใช้มือขวาทำท่าชี้ไป) เอื้อมไม่ถึงค่ะ เพราะว่ามันค่อนข้างที่จะไกลพอสมควรตรงฝั่งที่เขาตกไปข้างเรือ เอื้อมไม่ถึงค่ะ หากเอื้อมไปถึง เราก็จะไม่มีที่เกาะ เราก็จะหน้าทิ่มไปด้วย ถ้าเรายื่นตัวไปอย่างนั้น คือเรายังทรงตัวไม่...หากเราขึ้นมา มันทรงตัวยังลำบาก หมายถึงไม่มีที่เกาะค่ะ”

ก่อนจะไปปัสสาวะที่ท้ายเรือ แตงโมได้บอกเพื่อนๆไหม?

“เขาไม่ได้บอกนะคะ กระติกไม่ทราบ เขาไม่ได้บอกเลยว่า เฮ้ย จะฉี่ หยุดเรือหน่อย คือไม่มีใครทราบ ทุกคนคือมองไปข้างหน้า กระติกรู้อีกทีคือตกไปแล้ว แล้วกระติกมารู้จากแซนว่า มันมาฉี่ เดินไปนี่เรายังว่า กระติกว่าเขา (แซน) ว่าเฮ้ย เขาเล่นอะไรกันหรือเปล่า อะไรยังงี้ ไอ้นี่ (แซน) ก็ว่ามาที่กระติกนะ เอ้าก็มันไม่ได้บอก เราก็เข้าใจเขานะ เราก็เลยเลิกว่าเขา ก็คือ จุ๊ๆ อะ ก็คือ คนจะฉี่อะ ใครจะมาประกาศมันมีผู้ชายอยู่ด้วย ซึ่งเข้าใจกระบวนการ ณ ตอนนั้น เลยไม่ได้ว่าอะไรเขา (แซน) แล้ว เราก็มุ่งไปที่กระบวนการค้นหาแล้ว ระหว่างค้นหา เขาก็มาเล่าให้ฟังว่า มันมาถึงก็นั่งเลย อันนี้ในมุมกระติกนะคะ มันก็เร็วแบบที่เขาบอก อันนี้กระติกนึกภาพตาม ความเป็นไปได้มันก็มี กระติกก็เลยเชื่อในตรงนี้ เพราะแม้เราจะอยู่ในเหตุการณ์ แต่เราไม่เห็นตอนที่เพื่อนเราตกลงไป”

บนเรือมีห้องน้ำทำไมแตงโมไม่เข้า?

“กระติกไม่รู้นะว่ามีห้องน้ำ ไม่รู้เลยเพราะฉะนั้นถึงเคลียร์ตัวเองบนร้านอาหารว่าต้องฉี่”

กระติกและแซน เปิดใจครั้งแรกกับสื่อมวลชน ที่ สภ.เมือง นนทบุรี วันที่ 27 ก.พ.65 :

ใครเป็นคนขับเรือขณะแตงโมตกน้ำ :

มุมไฮโซปอ :

แสดงว่าตอนคุณโมปัสสาวะเรือกำลังแล่นอยู่ แล้วพี่เป็นคนขับเรืออยู่ใช่ไหม?

“ใช่ครับ แต่ผมไม่ได้ขับเองนะครับ ณ ตอนนั้น เป็นรุ่นพี่ผม ที่มาด้วยกัน ก็คือ ขับประคองเรือ ตัวผมยืนอยู่

พี่คนนี้ชื่ออะไรครับ บอกชื่อเล่นก็ได้?

“ชื่อคุณเบิร์ตครับ”

ไฮโซปอ ตอบคำถามสื่อมวลชนครั้งแรก ที่ สภ.เมือง นนทบุรี เมื่อวันที่ 26 ก.พ.65 :

มุมกระติก :

ตอนเกิดเหตุใครเป็นคนขับเรือ?

“คนขับเรือ คือ เขาจะสลับกัน แต่หลักๆ เลยก็คือคุณปอ คือกระติกไม่ได้สนใจนะ หางตากระติกมันเห็นว่าสองคนนี้ เขาสาละวนกับเรื่องเรือ กี่นอตโน่นนี่นั่นอะไรอย่างนี้อ่ะคะ ได้ยินเขาคุยกันเรื่องเรือ แต่ภาพที่กระติกเห็น คือ พี่เบิร์ตเขายืนอยู่ที่พวงมาลัย แล้วคุณปอ เขาเข้าไป Take พวงมาลัยเพื่อที่จะหันกลับ คือทุกครั้งที่คุณเบิร์ตเขาอยู่ที่พวงมาลัยจะมีปอ เป็นโค้ช เขาสอนกันนะคะ จับๆ ปล่อยๆ อะไรอย่างนี้ค่ะ ต้องถามสองคนนั้นอีกทีถึงกิจกรรมตรงนั้นที่ทำด้วยกัน”

Key Words : กระติก เห็น เบิร์ต ยืนอยู่หน้าพวงมาลัย ก่อนที่ ปอ จะเข้ามาควบคุมพวงมาลัยเรือเพื่อหันกลับ

กระติก ตอบคำถามสื่อมวลชนครั้งแรก ที่ สภ.เมือง นนทบุรี วันที่ 27 ก.พ.65 :

หลังเกิดเหตุ :

มุมไฮโซปอ :

“ต้องเรียนแบบนี้ครับว่า สิ่งแรกที่เกิดขึ้นคือพวกเราช็อก ว่ามันคือเรื่องจริงหรือ ที่เพื่อนเราเพิ่งคุยกันแล้วก็หายไป เราตกใจปุ๊บเราก็วน กลับไปดูที่จุด พอเราดูแล้วเราก็วน แล้วเราก็ตะโกนเรียกหากัน ผมคิดว่าระยะเวลาของการหาครั้งแรก ที่เราวนเนี่ย 15-20 นาที ระหว่างนั้น ผมทำหน้าที่ขับ อีกคนอยู่หน้าเรือ ผู้ชายสองคนโหนตัวแล้วเอาไฟส่อง ส่วนผู้หญิงที่อยู่บนเรือ ชื่อคุณกระติกและคุณแซนก็พยายามโทรศัพท์ ตอนนั้นสิ่งที่เราแจ้งคือ เราแจ้ง 191 เราแจ้งกู้ภัย ส่วนตัวผมเนี่ย ผมรู้จักท่าเรือที่มีชื่อว่า NBC ซึ่งเป็นท่าที่ผมจอดเรือ ผมก็โทรบอกให้ NBC เอาเรือออกมาช่วย”

Key Words : หลังเกิดเหตุพยายามวนเรือค้นหารอบแรกประมาณ 15-20 นาที พร้อมประสาน 191 และกู้ภัยเข้ามาให้ความช่วยเหลือ และในขณะทำการค้นหา ปอ เป็นคนขับเรือ

มีการดื่มแอลกอฮอล์หรือเปล่าครับ?

“เรื่องเมาผมรับประกันครับว่าไม่เมาครับ แต่หากถามว่า เรามีดื่มไวน์ไหม ก็มีดื่มไวน์ครับ”

ดื่มกันทุกคน ทั้ง 6 คนไหมครับ?

“เราเรียนตรงๆ ครับว่า เราเท 6 แก้ว แต่ละคนดื่มมากดื่มน้อยต่างกันไป แต่จำนวนที่เราดื่ม เราไม่ได้ดื่มกันเยอะ”

ดื่มกันตั้งแต่ที่ร้านอาหารหรือดื่มกันบนเรือ?

“เราดื่มกันตั้งแต่ที่ร้านอาหารครับ”

Key Words : ยอมรับว่ามีการดื่มไวน์

ที่นี่มันก็มีประเด็นว่า พอมาถึงจุดนั้นแล้ว เหมือนเพื่อนๆ พยายามที่จะเลี่ยงให้การกับทางเจ้าหน้าที่ คือไม่มีใครอยู่เลย มีอยู่แค่คนเดียวเท่านั้นในคืนเกิดเหตุ?

“ขอโทษนะครับพี่ ตอนที่พี่ถามช่วงประมาณกี่โมงครับ ต้องเรียนแบบนี้นะครับ...ถ้าพี่ๆ เห็นข้อมูลที่แท้จริงนะครับ ตอนที่เกิดเหตุ เราพยายามขับเรือบอก ช่วงโป๊ะและขับเพื่อวนหาทั้งหมด อาจจะมีวิดีโอ ผมเห็นของไทยรัฐนะครับ เราประกาศบอกให้คนที่อยู่ด้านข้างช่วยกันหาช่วยกันดู แต่สิ่งที่เกิดขึ้น เรือที่หา มีแต่เราลำเดียว สิ่งที่บอกว่า...เมื่อกี้พี่ถามผมว่าอะไรนะครับ”

เพื่อนๆ 4 คน ไม่ได้อยู่ตรงจุดเกิดเหตุ แต่เหลือแค่คนเดียวเท่านั้น หรือว่า...พวกเราอยู่ตรงนั้น?

“อยู่ๆ ทุกคนอยู่บนเรือหมดครับตอนที่เกิดเหตุ แต่ตอนนั้นอะ...คุณแซนเนี่ย เราวนหาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ พอจอดปุ๊บ คุณแซนเดินขึ้นมาบนฝั่ง”

ทำไมจึงไม่ยอมอยู่ให้การกับตำรวจต่อหลังเกิดเหตุ?

“ขอโทษนะครับ อันนี้ ผมถามนิดนึง อันนี้ผมไม่ใช่คนแจ้งเหตุ ผมอาจจะไม่รู้รายละเอียด เรื่องของคุณนี่คือ ตอนไหน กี่โมง”

ที่คุณแม่คุณโมบอกว่า เหมือนพยายามจะปิดข่าวไม่อยากให้เป็นข่าว?

“อันนี้ผมไม่ทราบเลยจริงๆ ครับ ผมไม่รู้เรื่องเลย”

แล้วตอนนั้น คุณ อยู่ตรงไหน?

“ตอนนั้นผมกลับแล้วครับ เพราะว่าผมหาเนี่ย ตั้งแต่ 4 ทุ่ม ถึงเกือบตี 2 แล้ว ตี 2 กลับ ผมหาไม่หยุดเลยนะครับ”

เพราะอะไรจึงเพิ่งมาให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังเหตุการณ์ผ่านไป 2 วันแล้ว?

“ผมเรียนพี่ๆ นักข่าวแบบนี้ครับว่า หากพี่นักข่าวอยู่กับเพื่อน...อยู่เฉยๆ เนี่ย ไม่ถึง 1-2 นาที เพื่อนเราคนนี้หายไป ผมถามพี่ๆ ว่า พี่จะมีสติ...ที่จะมาตอบสังคมแบบนี้ ผมเชื่อว่าไม่มีใครทำได้”

ไม่ได้เพื่อเป็นการหลบเลี่ยงการตรวจหาแอลกอฮอล์ใช่ไหม?

“วันนี้ก็มีการตรวจหาสารเสพติดครับ”

“เรียนด้วยความเคารพแบบนี้ครับ ผมนอนผมยังนอนไม่ได้ หลับตาก็ยังช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรากำลังไปกินข้าวเจอเพื่อนเก่า และทุกคนก็กำลังมีความสุข แต่อยู่เฉยๆ หายไปโดยที่ไม่มีคำตอบ และผมยังไม่รู้จะต้องไปแจ้งความที่ไหน พื้นที่ตรงนั้นอยู่ตรงพื้นที่ไหน เราก็ไม่รู้ อันนี้คือเหตุผลที่ว่า ขอให้ตั้งสติแล้วมาให้ข้อมูลกับตำรวจ”

Key Words : ยืนยันว่า ไม่มีการขับเรือเร็วและทั้งหมดเดินทางกลับบ้านเวลา 02.00 น.

ไฮโซปอ ตอบคำถามสื่อมวลชนครั้งแรก ที่ สภ.เมือง นนทบุรี เมื่อวันที่ 26 ก.พ.65 :

มุมกระติกและแซน :

แจ้งใครให้เข้ามาให้ความช่วยเหลือบ้าง?

“แจ้งทุกเจ้าหน้าที่ ที่คิดว่าน่าจะสามารถช่วยได้ 191 แล้วก็โทรให้เพื่อนที่อยู่บนบกช่วยแจ้งทุกอย่าง มีหลักฐานการโทรออกทุกอย่าง คือทำทุกวิถีทางที่บอกได้ว่าอย่างน้อยก็ดีที่สุดในเวลานั้น”

กู้ภัยแจ้งว่า ไม่มีการแจ้งรายละเอียดข้อมูลที่ชัดเจน?

“อันนี้ แซน ก็งงว่าเพราะอะไรกู้ภัยจึงไม่มีข้อมูล เขาโทรมาหาแซนเกิน 3 รอบ มีหลักฐานด้วยนะคะไม่ใช่ว่าพูดลอยๆ มีหลักฐานนะคะ เลยงงว่า กู้ภัยไปไหนในช่วงระยะเวลาแรกที่โทรมา กว่าจะมาถึงใช้เวลานานมาก”

“นานค่ะนานจริงๆ” กระติกพูดเสริม

แต่ทางกู้ภัยเขาบอกว่า คุณแซนให้ข้อมูลไม่ชัดเจนเอง ทำให้ไม่สามารถลงไปดำน้ำค้นหาได้?

“แบบไหนที่เรียกว่า...” (แซน)

“ไม่ๆ...คือประเด็นตรงนี้ กระติกเข้าใจ เดี๋ยวแซนเขาจะโมโห มันเป็นการเสียเวลา ที่จะต้องมาให้ข้อมูลเพราะอุปกรณ์ของคนตรงนั้นมันไม่มี แล้วพอเราชี้จุดแล้ว ในความคิดของพวกเรา คุณยังไม่จำเป็นต้องรู้นะว่า เขาคือใคร ชีวิตคนนะจมน้ำมันสำคัญกว่า คุณช่วยเขาขึ้นมาก่อนก็ได้ แล้วคุณค่อยถามว่าเขาเป็นใคร”

แต่ตามหลักแล้วเขา (กู้ภัย) ก็ต้องทราบว่าเขาคือใคร?

“กระติกไม่ทราบไง กระติกไม่ทราบหลักหรอก ตอนนั้นเรามีเรือที่สามารถนำออกไปได้ เราคิดว่าเราควรทำอะไรที่สามารถทำได้ก่อน เราตะโกนอะ เราไม่รู้หรอกว่าเขาคือกู้ภัยหรืออะไรที่มาแล้ว เราเห็นคนมาออกันแล้ว แต่เราไม่เห็นเครื่องมือ ไม่เห็นเรือออกมา”

ที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่ากลุ่มคนบนเรือหายตัวไปเป็นวันๆ ไม่ได้ไปช่วยตามหา แล้วไปปรึกษาทนาย อยากให้ช่วยชี้แจงนิดนึง?

“เออ....อธิบายแบบนี้ก่อน พอกระติกปวดท้องแล้วขึ้นมาเข้าห้องน้ำ หลังจากนั้นก็กลับไปที่เรือไม่ได้แล้ว เพราะเขาออกไปหาต่อ จะเป็นกระติกกับพี่โรเบิร์ตที่อยู่บนบก พี่โรเบิร์ต เขามาคอยเฝ้าเราแหละ เพราะเราเป็นผู้หญิงคนเดียว เราก็เลยโทรหารุ่นพี่ของเราคนหนึ่งให้มาเจอมารับเราหน่อย พี่คนนี้เป็นคนประสานพี่บีม ให้พี่บีมออกมาช่วย ซึ่งเขาก็มารับเรา แล้วเราก็นัดกันว่าจะกลับไปที่อู่เรือจุดแรกที่เราออก เราก็ไปเจอกันตรงจุดนั้น แล้วข้าวของอะไรก็ยังอยู่บนเรือ ซึ่งกระติกเป็นคนโทรไปตามเรือเองว่า ของกระติกยังอยู่ตรงนั้น ก็ถามว่าจะเข้ามาเมื่อไหร่ยังไง คือมันต้องรอพักหนึ่งเลย กระติกจำไทม์ไลน์ไม่ได้ว่าประมาณกี่โมง เราถึงได้ของได้กระเป๋าเรากลับมา จบประเด็นนั้นไป

กระติกอยู่ตรงนั้นจนถึงตี 3 กว่า ตี 4 ได้ ถึงจะแบบ คือ เราล้าแล้วอะ คิดถึงลูก ลูกอยู่บ้าน เราก็กลับบ้าน พี่โบ เป็นคนขับรถให้ อีกวันหนึ่ง...คือเราไม่ได้คิดเรื่องเข้ามาให้ปากคำ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องไปที่ไหน นึกออกไหม คือใจเรามันคือ เพื่อนอะ เผื่อเพื่อนจะกลับบ้านด้วย มาที่บ้าน เฮ้ย โทรศัพท์มันไม่อยู่อะ หรือมันไปติดเรือใครไปแล้วไปส่งขึ้นบก มันมาตั้งหลักอยู่ที่บ้านหรือเปล่าวะ คือเราไม่รู้อะไรในหัว เราก็ความหวังอะไรไปเรื่อยๆ ค่ะ ส่วนเรื่งอีกวันหนึ่ง ตั้งใจจะมา พอตั้งใจจะมาประเด็นมันเยอะไปหมด ประเด็นสังคมอะไรเอ่ย เรารู้สึกว่าโอ้โห มันเริ่มหนักแล้ว เราต้องปรึกษากับใครสักคนแล้ว เราไม่รู้แล้วอะ มันเลยทำให้มันช้าเพราะว่าข้างนอกนี่คือหนักมาก”

กระติกและแซน เปิดใจครั้งแรกกับสื่อมวลชน ที่ สภ.เมือง นนทบุรี วันที่ 27 ก.พ.65

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :