หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ น่าจะคลี่คลายคดีการเสียชีวิตของ "แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์" นักแสดงชื่อดัง จากการพลัดตกเรือกลางแม่น้ำเจ้าพระยา หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเก็บหลักฐานต่างๆ บนเรือสปีดโบ๊ต และมีการนำตัวนายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือ “แซน” หนึ่งในผู้อยู่บนเรือ ไปจำลองเหตุการณ์
นอกจากนี้เริ่มมีการตรวจร่างกายบุคคลที่อยู่บนเรือ ทั้ง 5 คนอีกครั้ง หลังพบว่าหนึ่งในนั้นมีรอยแผลขีดข่วนบริเวณลำคอ และรอยฟกช้ำใกล้รักแร้ด้านขวา รวมถึงเสื้อที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุมีรอยขาด ทำให้น่าสงสัย ซึ่งจะมีการตรวจดีเอ็นเออย่างละเอียด
อีกทั้งคำให้การของทั้ง 5 คน มีประเด็นข้อสงสัยคาใจหลายอย่าง โดยเฉพาะการอ้างว่า แตงโม นิดา ไปปัสสาวะท้ายเรือ จนทำให้พลัดตกจากเรือ ทั้งๆ ที่ใส่บอดี้สูท การจะถอดออกคงลำบาก และข้อข้องใจของเพื่อนสนิทแตงโม ทำไมใส่ผ้าอนามัย เพราะได้ฝังยาคุมกำเนิดที่แขน ในประเด็นนี้จากข้อมูลทางการแพทย์ แม้เป็นวิธีไม่ให้ตกไข่ ป้องกันการตั้งครรภ์ แต่บางคนอาจมีประจำเดือนแบบกะปริดกะปรอย หรือไม่มีเลยก็ได้
...
เช่นเดียวกับนักอาชญาวิทยา มีข้อสงสัยในหลายประเด็นเกี่ยวกับการเสียชีวิตของแตงโม นิดา โดย “รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล” ผู้ช่วยอธิการบดี และประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยา มหาวิทยาลัยรังสิต มองว่า ประเด็นการปัสสาวะบนเรือ ก็มีความเป็นไปได้ แต่มีข้อสงสัยจากการแต่งกายของแตงโมเป็นชุดบอดี้สูท และการเป็นดารา เป็นคนที่สังคมรู้จัก ซึ่งการจะไปทำแบบนั้น จะเป็นความผิดปกติหรือไม่ อีกอย่างบนเรือมีผู้ชายด้วย
ประการสำคัญในช่วงแรกที่เกิดเหตุ โดยหลักธรรมชาติแล้วเมื่อแตงโม ตกเรือ จะต้องติดตามหาเพื่อน โดยเฉพาะการไปให้ปากคำกับตำรวจในทันที และให้เรือไปตรวจหาหลักฐานต่างๆ เพื่อนำมาประกอบคำยืนยันว่าจริงหรือไม่ แต่การหายไป กลับไม่ได้ยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ทั้งที่ช่วงเวลาตี 1 ถึงตี 3 ควรยินยอมให้ตรวจหาหลักฐานทางการแพทย์ และการตรวจลายมือแฝงบนเรือ หรือหากแตงโม มีการปัสสาวะ จะสามารถยืนยันได้ และสอดรับกับคำให้การ
“แต่กลับหายไปทั้งหมด เกือบ 24 ชั่วโมง ทำให้สังคมตั้งคำถาม และยิ่งแตงโม มีผู้จัดการส่วนตัวไปด้วย ยิ่งเป็นคนใกล้ชิด ทำไมปล่อยให้หายไปในน้ำ ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไร ก็ยิ่งเป็นอันตรายต่อชีวิต เป็นสิ่งที่แตกต่างจากเหตุการณ์ปกติ”
นอกจากนี้แล้วโดยหลักในการทำคดีต่างๆ ที่มีการตายผิดธรรมชาติ ซึ่งตามหลักสากลต้องพยายามคงสภาพแวดล้อมให้มากที่สุด จะเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่กลับกันได้มีการนำเรือเข้าอู่ในคืนเกิดเหตุ ทั้งที่จะเป็นการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตัวเอง
...
หรือการพบร่องรอยบนร่างกาย โดยเฉพาะแผลในตัว ทำไมไม่ปล่อยให้เป็นธรรมชาติ ไม่ให้เกิดข้อสงสัย แต่ทำไมให้นักข่าวลบภาพ ยิ่งทำให้เกิดข้อสงสัยและข้อคำถาม เพราะหากมีร่องรอยบาดแผลก็ไม่เป็นไร หากมีความบริสุทธิ์ใจ แต่กลายเป็นว่าได้สร้างข้อสงสัยทุกอย่าง
...
คดีการเสียชีวิตของแตงโม จะเป็นในทิศทางใดขึ้นอยู่กับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ และผลพิสูจน์ศพทางนิติเวช แต่เท่าที่จับได้ พบว่าพยานทั้งหมดยังพูดความจริงไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ เช่น ปัสสาวะขณะเรือแล่น และมีการพูดต่ออีกว่าแตงโม ได้เกาะข้างเรือเอาไว้
“ยกเว้นหากเรือจอดนิ่ง จะสามารถเกาะข้างเรือได้ จึงมีคำถามว่าปัสสาวะขณะเรือแล่น หรือเรือจอดนิ่งกันแน่ หรือถ้าเรือแล่น จะเกาะเรือไม่ได้ หรือถ้าเรือจอดนิ่ง แล้วแตงโมจมน้ำ ทำไมไม่เข้าไปช่วยกัน และการที่คนชื่อแซน อ้างว่ากำลังโทรศัพท์อยู่ สามารถเช็กได้ว่าช่วงเวลานั้นมีการโทร.หรือไม่ และตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีการโทร.ใดๆ”
การคลี่คลายคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เชื่อว่ามีการแยกสอบปากคำ และเข้าเครื่องจับเท็จ ซึ่งอัตราความแม่นยำสูงเหมือนที่สหรัฐฯ ใช้ เพราะเมื่อคนเราพูดกลับไปกลับมา โกหกไปโกหกมา จะทำให้อัตราเต้นของหัวใจแรงขึ้น ชีพจรเต้นเร็ว ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น มีเหงื่อออกมากขึ้น จากปฏิกิริยากลไกในร่างกาย โดยเฉพาะช่วงแรกที่เกิดเหตุได้หายไป อาจมีการเตรียมกันว่าจะให้พูดอย่างไร คิดว่าเครื่องจับเท็จช่วยได้
...
ในประเด็นการตรวจสอบคราบปัสสาวะบนเรือ หากมีการทำความสะอาดไปแล้ว ทางผู้เชี่ยวชาญต้องทำทุกวิถีทางในการหา อาจมีคราบปัสสาวะหลงเหลือได้ แต่เมื่อนำเรือเข้าอู่ไปแล้วอาจไม่พบก็ได้ ส่วนการที่ตำรวจไม่เร่งสอบสวนในช่วงแรก อาจมองว่าเป็นการตกน้ำปกติ กระทั่งสังคมให้ความสนใจมีข้อสงสัยว่า การเสียชีวิตของแตงโม เป็นอุบัติเหตุ หรือมีคนร่วมทำให้ตกลงไปในน้ำ
สิ่งสำคัญที่สุดคือ หลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ รวมถึงผลพิสูจน์ศพ นำมาต่อจิกซอว์ให้ครบว่าคำให้การและการให้ข่าวของพยานบนเรือ จะสอดรับกันหรือไม่ โดยเฉพาะประเด็นปัสสาวะ แม้ว่าหูรูดกระเพาะปัสสาวะเสื่อมและคลายออก เพราะอยู่ในน้ำนาน ทำให้ไม่สามารถตรวจการปัสสาวะได้ แต่อาจต้องตรวจดูดีเอ็นเอ จากคราบปัสสาวะบนเรืออีกหรือไม่ หรืออาจไม่เจอเพราะเรือผ่านการล้างด้วยวิธีต่างๆ ไปหมดแล้ว เมื่อนำไปที่อู่ในช่วงวันเกิดเหตุ.