แม่น้ำเจ้าพระยาที่ “เรา” มักมองดูด้วยตานั้น อาจแลดูสวยงามและน่าค้นหา หากแต่ในความเป็นจริงแล้ว เป็นเช่นนั้นหรือไม่โดยเฉพาะในเวลากลางคืน?

เพราะสิ่งหนึ่งที่บางที “เรา” อาจลืมไปคือ แม่น้ำเจ้าพระยามีอันตรายที่เป็นไปตามธรรมชาติมาเนิ่นนานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทั้งความลึกและความกว้างของแม่น้ำ รวมไปจนกระทั่งถึงอัตราความแรงของการไหลใต้ผิวน้ำ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ได้คร่าชีวิตผู้คนมาแล้วอย่างมากมายในแต่ละปี แต่ทั้งหมดนั้นมันจะยิ่งอันตรายเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี เมื่อแม่น้ำเจ้าพระยาตกอยู่ภายใต้ความมืดมิดในเวลากลางคืน

แล้ว...อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ แม่น้ำเจ้าพระยา มีความอันตรายในเวลากลางคืน โดยเฉพาะกับผู้ที่ประสบเหตุตกลงไปในน้ำกันบ้าง "เรา" ลองไปพิจารณาร่วมกันดู

1. อาการหลงทิศทาง :

การจมน้ำในเวลากลางคืน โดยเฉพาะหากในบริเวณที่จมน้ำไม่มีแสงสว่างมากพอ ความอันตรายข้อแรกคือ มีโอกาสสูงที่ผู้ที่จมน้ำลงไปอาจจะหลงทิศทาง เพราะไม่มีแสงสว่างให้สามารถสังเกตเห็นได้ว่า จุดที่อยู่เหนือผิวน้ำอยู่ทิศทางไหน

สิ่งสำคัญที่ต้องไม่ลืมอีกประการคือ โดยปกติของมนุษย์เมื่อเกิดพลาดตกน้ำโดยไม่รู้ตัว โดยมากมักจะเกิดอาการตื่นตกใจ ด้วยเหตุนี้เมื่อบวกเข้ากับมองไม่เห็นว่าจุดไหนคือใต้น้ำ จุดไหนคือเหนือพื้นน้ำ ก็จะยิ่งทำให้ความพยายามพาตัวเองขึ้นเหนือผิวน้ำเป็นไปได้ยากขึ้นไปอีก

...

2. ได้รับบาดเจ็บ หรือหมดสติ ขณะร่างกายปะทะผิวน้ำ :

ในกรณีที่ตกลงไปในน้ำ โดยเฉพาะกรณีเกิดจากแรงกระทำของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มีความเป็นไปได้สูงมากที่ร่างกายอาจได้รับบาดเจ็บ หรือทำให้เกิดอาการมึนงง เรื่อยไปจนถึงกระทั่งการหมดสติชั่วคราว ซึ่งการหมดสติชั่วคราวนี้อาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้ เพราะเมื่อจมน้ำ ร่างกายจะหายใจเอาน้ำเข้าไปอยู่ในปอด เพราะฉะนั้นยิ่งหากหมดสตินานเท่าไหร่ ก็จะมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากขึ้นเท่านั้น

ส่วนหากท่านใดนึกภาพไม่ออกว่า การตกลงไปในน้ำอันเกิดจากแรงกระทำของสิ่งหนึ่งสิ่งใด มีความเสี่ยงต่อการทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บขนาดไหนนั้น วิธีทดสอบง่ายๆ คือ ลองนำน้ำมาใส่ในอ่างให้เต็ม จากนั้นลองใช้มือฟาดลงไปในน้ำให้เต็มแรง นั่นคือ คำตอบของคำถามที่ว่า “หากคุณเกิดพลาดตกลงไปในน้ำ ขณะที่เรือกำลังวิ่งด้วยความเร็วสูง ร่างกายจะได้รับแรงปะทะกับผิวน้ำขนาดไหน”

3. ความยากในการระบุพิกัดที่แน่ชัด :

อีกหนึ่งความยากในการช่วยเหลือคนพลัดตกน้ำในเวลากลางคืน คือ นอกจากจะสังเกตเห็นคนที่กำลังโบกมือเหนือผิวน้ำเพื่อขอความช่วยเหลือ หรืออาจจะกำลังพยายามว่ายน้ำเพื่อช่วยเหลือตัวเองได้ยากแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือ การบอกพิกัดที่ชัดเจนว่า ผู้ที่ประสบเหตุตกลงไปในน้ำบริเวณใดยังเป็นเรื่องยากอีกด้วย นั่นเป็นเพราะ...

ปัจจัยแรก น้ำไม่สะท้อนแสงไฟ ด้วยเหตุนี้การค้นหาในเวลากลางคืนจึงต้องใช้แสงสว่างจำนวนมากตลอดแนวของการค้นหา จึงจะพอทำให้มองเห็นอะไรที่อยู่เหนือผิวน้ำได้

ปัจจัยที่สอง หากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการเดินเรือ การบอกพิกัดที่ชัดเจนในการค้นหาผู้ที่ตกน้ำในเวลากลางคืน จะมีความคลาดเคลื่อนได้สูงมาก เพราะนอกจากจุดเกิดเหตุจะมืดจนทำให้สังเกตเห็นอะไรได้ยากแล้ว การมองจากแม่น้ำไปยังฝั่ง อาจหลอกสายตาผู้มองเห็นได้อีกด้วย นั่นเป็นเพราะท้องน้ำเป็นที่โล่งกว้าง การมองไปยังจุดสังเกตที่เด่นชัดบนฝั่งได้ย่อมสามารถมองเห็นได้จากเกือบทุกระยะทางอยู่แล้ว

ยกตัวอย่างเช่น หากสมมติว่าขณะกำลังขับเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยความเร็วสูงตอนกลางคืน แล้วเกิดมีคนในเรือพลัดตกลงน้ำ ในตอนที่คนขับเรือบอกว่า มองเห็นสะพานพระราม 7 มันไม่ได้แปลว่า จุดนั้นคือจุดที่มีคนตกเรือเสมอไป นั่นเป็นเพราะไม่ว่าคุณจะมองเห็นสะพานพระราม 7 ได้จากระยะ 50 เมตร 100 เมตร หรือ 200 เมตร คุณก็มองเห็นสะพานพระราม 7 ได้เหมือนๆ กัน นั่นก็เป็นเพราะท้องน้ำมันเป็นที่เปิดโล่งนั่นเอง...

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

อ่านข่าวที่น่าสนใจ 

...