ในตอนแรกของ โนวัค ยอโควิช เดอะซีรีส์ “เรา” ได้ร่วมกันไล่เรียงการติดเชื้อโควิด-19 ครั้งที่ 2 อันเต็มไปด้วยคำถามและความคลุมเครือต่างๆ นานามากมาย ของ นักเทนนิสอันดับหนึ่งของโลกชาวเซอร์เบีย จนนำไปสู่การถูก “เนรเทศ” ออกนอก ประเทศออสเตรเลีย และพลาดการลงแข่งขัน รายการออสเตรเลียนโอเพน กันแล้ว
ในวันนี้ “เรา” จะลองชวน “คุณ” มาร่วมกันพิจารณาถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจสู้สุดตัว ของ โนวัค ยอโควิช และการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดของรัฐบาลออสเตรเลียโดยไม่แคร์ว่า “ใครคนนี้” คือ นักเทนนิสอันดับหนึ่งของโลก!
ความยิ่งใหญ่ของชายที่ชื่อว่า โนวัค ยอโควิช (Novak Djokovic)
เกิด 1987.05.22 ปัจจุบันอายุ 34 ปี
สัญชาติ เซอร์เบีย
สูง 188 ซม. น้ำหนัก 77 กก.
เทิร์นโปร ปี 2003
สถิติการขึ้นเป็นมือวางอันดับหนึ่งของโลก
2011, 2012, 2014, 2015, 2018, 2020, 2021
...
คว้าแชมป์ประเภทชายเดี่ยวรวม 86 รายการ และในจำนวนนี้เป็นการคว้าแชมป์แกรนด์สแลม รวม 20 สมัย สูงสุดเท่ากับ โรเจอร์ เฟดเดอร์เรอร์ และ ราฟาเอล นาดาล และเป็น 1 ใน 3 นักเทนนิสชายร่วมกับ ดอน บัดจ์ (Don Budge) และ ร็อด เลเวอร์ (Rod Laver) ที่สามารถคว้าแชมป์แกรนด์สแลม ทั้ง 4 รายการได้ภายในปีเดียวกัน
(สถิติสิ้นสุดวันที่ 30 พ.ย.21 อ้างอิงจากเว็บไซต์ atptour.com)
แล้วเพราะเหตุใด หนึ่งในนักเทนนิสที่ดีที่สุดตลอดกาล จึงปฏิเสธการฉีดวัคซีนโควิด-19?
จนถึงปัจจุบัน... “โนเล” ยังไม่เคยมีการเปิดเผยถึง... “สถานะการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของตัวเอง”
โดยในประเด็นนี้ โนวัค ยอโควิช ยืนยันว่า มันคือ “เรื่องส่วนตัว” และไม่ยินดีที่จะเปิดเผยเรื่องนี้ไม่ว่าเขาจะได้รับการฉีด หรือยังไม่ได้ฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม
ด้วยเหตุนี้ มันจึงถูกสื่อเชื่อมโยงถึงจุดยืนเรื่องเจตนารมณ์ปฏิเสธการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของ นักเทนนิสชายอันดับหนึ่งของโลกรายนี้ ซึ่งได้ปรากฏต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกบน Live Facebook chat เมื่อวันที่ 19 เม.ย.20 ซึ่งเจ้าตัวได้หล่นวาทะร้อนๆ เอาไว้ว่า...
“ในความเห็นส่วนตัว ผมคัดค้านการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 และผมไม่ปรารถนาที่จะถูกใครมาบังคับให้ฉีดวัคซีน เพียงเพื่อจะทำให้สามารถเดินทางไปไหนก็ได้ และถ้าหากประเด็นนี้กลายเป็นการบังคับขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้นน่ะหรือ ผมก็คงต้องตัดสินใจ ผมมีความคิดเป็นของตัวเองในเรื่องนี้”
และอีกครั้งกับสื่อ “นิวยอร์กไทม์” ก่อนการลงแข่งขันยูเอสโอเพนในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน
“ผมคิดว่าการที่สื่อมวลชนนำเสนอว่า ผมต่อต้านการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทุกชนิดอย่างสมบูรณ์แบบนั้น น่าจะเป็นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน นั่นเป็นเพราะปัญหาของผมในเรื่องวัคซีน คือ หากมีการบังคับให้ผมต้องฉีดอะไรบางอย่างเข้าไปในร่างกายโดยที่ผมไม่ได้ต้องการมัน นั่นคือสิ่งที่ผมยอมรับไม่ได้ แต่ผมไม่ได้ต่อต้านวัคซีน การพูดถึงวัคซีนของผมนั้นมุ่งเน้นไปที่ผู้คนในแวดวงการแพทย์ และการช่วยชีวิตผู้คนทั่วโลก
เพราะผมมั่นใจว่า...จะมีวัคซีนที่มีผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อยที่สามารถช่วยผู้คนและหยุดยั้งการแพร่ระบาดทั่วโลกได้
แต่เราจะคาดหวังถึงการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ได้อย่างไร ในเมื่อโคโรนาไวรัสนี้สามารถกลายพันธุ์ได้อยู่บ่อยๆ ตามที่ผมเข้าใจ”
...
อย่างไรก็ดี ความพยายามอธิบายเรื่อง “แนวคิดของตัวเอง” ที่มีต่อวัคซีนต้านโควิด-19 ดูเหมือนจะไม่สามารถเอาชนะทัศนคติเชิงลบของผู้คนส่วนหนึ่งโดยเฉพาะสื่อที่ “ปักธง” ไปยัง “โนเล” แล้วว่า มีแนวคิดต่อการฉีดวัคซีน และประเด็นนี้ถูกขยายแผลให้กว้างขึ้นด้วยการหยิบยกเรื่องที่ “เจเลนา ยอโควิช” ภรรยาของเขาแชร์คลิปความยาว 10 นาทีของนักวิชาการที่อ้างทฤษฎีสมคบคิดที่ว่า “การแพร่ระบาดโควิด-19 มีเชื่อมโยงกับการเปิดตัวเทคโนโลยี 5G” ซึ่งเป็นทฤษฎีสมคบคิดที่แพร่หลายในกลุ่มต่อต้านการฉีดวัคซีน หรือ Anti-vax จนกระทั่งถูกอินสตาแกรม ติดป้ายแสดงผล “ข่าวปลอม”
และการถูกดึงไปเชื่อมโยงไปกับ “กลุ่ม Anti-vax” นี้เอง ที่ดูจะกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับดำรงสถานะการเป็น “นักเทนนิสอันดับหนึ่งของโลก” มากที่สุด โดยเฉพาะบรรดาสื่อมวลชน
“สื่อกลายเป็น...ผมไม่มีคำอธิบาย มันแพร่กระจายความกลัวและความตื่นตระหนกในหมู่ประชาชน และผมไม่ต้องการมีส่วนร่วมในความแตกแยกนั้น”
และนี่คือ “มุมคิด” และ “จุดยืนอันแน่วแน่” ของ โนวัค ยอโควิช ที่แสดงออกอย่างชัดเจนและนำไปสู่การไม่ยอมถอยหรือประนีประนอม ให้กับ “กฎเกณฑ์” ที่ถูกกำหนดขึ้นโดยรัฐบาลออสเตรเลีย
...
แล้วเพราะเหตุใด รัฐบาลออสเตรเลีย จึงเปิดหน้าชนกับนักเทนนิสอันดับหนึ่งของโลก แบบ ไม่ประนีประนอม?
ทั้งๆ ที่ “โนเล” คือ “จุดขายสำคัญ” ของการแข่งขันออสเตรเลียนโอเพน ในฐานะราชันแห่งฮาร์ดคอร์ต ผู้กวาดแชมป์รายงานนี้มาแล้วถึง 9 ครั้ง โดยในจำนวนนี้เป็นการได้แชมป์ 3 ปี ติดต่อกันในช่วง 3 ปีหลังสุดด้วย! (2008, 2011, 2012, 2013, 2015, 2016, 2019, 2020, 2021)
เรียกว่า ณ ชั่วโมงนี้ ยากจะหาใครมาเทียบการเล่นบนฮาร์ดคอร์ตกับ ชายผู้นี้ได้ แม้กระทั่งคู่ขับเคี่ยวแห่งยุคสมัยอย่าง ราฟาเอล นาดาล หรือ โรเจอร์ เฟดเดอร์เรอร์ ซึ่งถือครองสถิติกวาดแชมป์แกรนด์สแลมรวม 20 รายการ ร่วมกันอยู่ในเวลานี้ก็ตาม
และ...การแข่งขันออสเตรเลียโอเพนในครั้งนี้ กำลังจะกลายเป็นจุดไฮไลต์สำคัญของวงการกีฬาโลก นั่นเป็นเพราะหาก “โนเล” เถลิงบัลลังก์แชมป์รายการนี้เป็นครั้งที่ 10 ได้สำเร็จ จะเป็นการทำลายสถิติคว้าแชมป์แกรนด์สแลมรวมมากที่สุดในโลกไปในทันที! (21รายการ)
อะไรคือสาเหตุที่นำไปสู่การตัดสินใจที่ “ขัดแย้ง” กับ ความรู้สึกของแฟนเทนนิสทั่วโลกบ้าง?
ประเด็นแรก : การท้าทายกฎเกณฑ์
“Rules are rules”
“กฎก็คือกฎ”
สก็อต มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย
ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า “ความแน่วแน่” และ “จุดยืนส่วนบุคคล” ของ โนวัค ยอโควิช ถือเป็นความ “ท้าทายอย่างตรงไปตรงมา” กับ “กฎเกณฑ์” ของรัฐบาลออสเตรเลีย แม้จะเป็นไปด้วยความ “ตั้งใจ” หรือ “ไม่ตั้งใจ” ก็ตาม มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ รัฐบาลออสเตรเลีย จำเป็นต้องแสดงบทบาทที่แสดงถึงความ “เด็ดขาด” ออกมาเพื่อรักษาไว้ซึ่ง “กฎเกณฑ์” ที่ต้องบังคับใช้กับผู้คนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในยามที่ประเทศเผชิญหน้ากับวิกฤติการแพร่ระบาดโควิด-19 จนกระทั่งทำให้ สองรัฐที่มีประชากรมากที่สุด อย่าง วิกตอเรีย และนิวเซาท์เวลส์ มีจำนวนผู้ป่วยจากการติดเชื้อจำนวนมากมาหลายสัปดาห์ติดต่อกันแล้ว
...
ด้วยเหตุนี้... “การท้าทาย” จึงต้องถูกทำให้ “พ่ายแพ้” ไปในที่สุด
ประเด็นที่สอง : ความคลุมเครือเรื่องการติดเชื้อโควิด-19 ครั้งที่ 2
การให้คำตอบที่สับสนและขัดแย้งกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในโลกออนไลน์นำไปสู่การตั้งคำถามตามมาอย่างมากมายว่าแท้ที่จริงแล้ว...
โนวัค ยอโควิช ติดเชื้อและเพิ่งหายจากโรคโควิด-19 จริงหรือไม่?
โดยเฉพาะการให้ปากคำที่ไม่ตรงกันเรื่องการได้รับผลตรวจ PCR และการกรอกข้อมูลเท็จในแบบฟอร์มการเดินทางเข้าประเทศออสเตรเลีย ซึ่งกลายเป็นประเด็นใหญ่ที่สุดของเรื่องนี้
อีกทั้งๆ การที่ส่งสัญญาณเตือนถึง “โนเล” อย่างชนิดตรงไปตรงมา ของ อเล็กซ์ ฮอว์ก รัฐมนตรีด้านการย้ายถิ่นฐานของออสเตรเลีย (Immigration minister) ก่อนหน้าการแข่งขันออสเตรเลียนโอเพน ที่ระบุอย่างชัดเจนจนไม่รู้จะชัดเจนอย่างไรว่า...
“คุณจะต้องฉีดวัคซีนครบสูตรเท่านั้นถึงจะเดินทางเข้าออสเตรเลียได้ และนี่คือหลักเกณฑ์สำหรับทุกคน ไม่ใช่เพียงเฉพาะนักเทนนิส ผมหมายถึงทุกคนที่จะเดินทางเข้าออสเตรเลียจะต้องฉีดวัคซีนครบสูตรเท่านั้น
ผมไม่ได้ต้องการสื่อสารถึง โนวัค ผมต้องการสื่อสารถึงทุกๆ คนที่ประสงค์จะเดินทางเข้าประเทศออสเตรเลียว่า คุณต้องฉีดวัคซีนครบสูตรเท่านั้น”
ด้วยเหตุนี้ มันจึงอาจทำให้...รัฐบาลออสเตรเลียจะต้องพยายาม “เค้นหาคำอธิบาย” กับชาวออสซีและชาวโลก ในประเด็นร้อนๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมาอย่างแน่นอน หากยอมให้ โนวัค ยอโควิช ผ่านเข้ามาเล่นออสเตรเลียนโอเพนได้สำเร็จ ในขณะที่ นักเทนนิสคนอื่นๆ ต่างปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของรัฐบาลออสเตรเลียอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะคู่แข่งขันคนสำคัญอย่าง “ราฟาเอล นาดาล” ที่อาจทำลายสถิติสะสมคอลเลกชันแชมป์แกรนด์สแลมในการแข่งขันครั้งนี้ได้ และได้แสดงทัศนะที่ตรงไปตรงมาในประเด็นออกมาว่า...
“ในทัศนะของผม สิ่งเดียวที่ผมพูดได้ในเรื่องนี้คือ ผมเชื่อในสิ่งที่ผู้คนในวงการยาพูด และหากคนพวกนั้นบอกว่า เราจำเป็นต้องฉีดวัคซีน เราก็ควรต้องฉีดวัคซีน
ผมฉีดวัคซีนครบสูตรแล้ว ซึ่งหากคุณทำแบบนั้น คุณก็จะไม่มีปัญหาในการมาเล่นออสเตรเลียนโอเพน หรือที่ไหนก็ตามในโลก”
ประเด็นที่สาม : จุดยืนรัฐบาลออสเตรเลียต่อวิกฤติโควิด-19
นอกจากแรงกดดันเรื่องตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตที่ยังพุ่งสูงอย่างต่อเนื่องในการแพร่ระบาดระลอกล่าสุดแล้ว รัฐบาลกลางออสเตรเลีย ยังถือเป็นหนึ่งในรัฐบาลไม่กี่ประเทศที่มีการบังคับใช้มาตรการสกัดกั้นการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เข้มงวดมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก โดยหากพบการติดเชื้อแม้เพียงเคสเดียว อาจทำให้เมืองทั้งเมือง หรือรัฐใดรัฐหนึ่งอาจถูกให้มีคำสั่ง Lockdown ได้ทันที ซึ่งประเด็นแน่นอนว่าย่อมทำให้มีประชาชนส่วนหนึ่งเกิดความรู้สึกไม่พอใจ โดยเฉพาะกลุ่มต่อต้านการฉีดวัคซีน หรือ Anti-vax ที่เคลื่อนไหวอย่างหนักในโลกโซเชียลมีเดียหลังเกิดประเด็นปัญหาของ “โนวัค ยอโควิช”
ด้วยเหตุนี้ ความพยายามแสดงท่าทีคงไว้ซึ่งหลักการความเข้มงวดเรื่องการบังคับใช้มาตรการต่างๆ จึงยังต้องดำรงอยู่ต่อไปเพื่อเป็นการยืนยันว่า ที่ผ่านมานโยบายที่รัฐบาลออสเตรเลีย “เลือกใช้” สำหรับการแพร่ระบาดโควิด-19 นั้น “ถูกต้องและเดินมาถูกทางแล้ว”
แล้วอะไรคือผลกระทบที่จะตามมาหลัง โนวัค ยอโควิช ถูกเนรเทศ?
การไม่ได้ลงเล่นหนึ่งในรายการแกรนด์สแลมสำคัญของโลก และเป็นคอร์ตที่เขาสุดโปรดปรานจนคว้าแชมป์ได้บ่อยครั้ง ย่อมส่งผลต่อการเก็บคะแนนเพื่อรักษาความเป็นมือวางอันดับหนึ่งของโลกในปีนี้อย่างแน่นอน อีกทั้งเมื่อไม่ได้ลงแข่งในรายการสำคัญเช่นนี้ ย่อมมีความเป็นไปได้สูงที่อาจเข้าข่ายผิดสัญญากับบรรดาสปอนเซอร์ที่ให้การสนับสนุน ซึ่ง นั่นหมายถึง “เงินๆ ทองๆ” ที่ “โนเล” ควรจะได้รับ
และตามกฎหมายของออสเตรเลีย สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังการถูก “เนรเทศ” คือ นักเทนนิสอันดับหนึ่งของโลกผู้นี้ จะถูกห้ามขอวีซ่าเข้าประเทศอีกเป็นเวลาถึง 3 ปีอีกด้วย!
แต่หนักไปกว่านั้น คือ ฝรั่งเศส, อังกฤษ และสหรัฐฯ 3 ประเทศที่จัดการแข่งขันแกรนด์สแลมที่เหลือในปีนี้ อย่าง เฟรนช์โอเพน วิมเบิลดัน และยูเอสโอเพน ต่างเริ่มขยับเรื่องมาตรการความเข้มงวดในการเข้าประเทศเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่นำโดยสายพันธุ์โอมิครอนมากขึ้น
โดยล่าสุด ฝรั่งเศส และรัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา สถานที่จัดการแข่งขันยูเอสโอเพน มีความชัดเจนแล้วเรื่องการบังคับใช้ “พาสปอร์ตวัคซีน” ในขณะที่อังกฤษแม้จะยังไม่มีการประกาศใช้ แต่ก็มีแนวโน้มสูงว่าในอีกไม่นานอาจจะต้องใช้มาตรการดังกล่าวด้วยเช่นกันหากสถานการณ์การแพร่ระบาดยังไม่ดีขึ้น (ข้อมูลสิ้นสุดวันที่ 18 ม.ค.22)
และนั่นแปลว่า... ณ ปัจจุบัน อาจเหลือแกรนด์สแลมเพียงรายการเดียวที่ “โนเล” อาจลงแข่งขันได้ในปีนี้ หาก เขายังไม่เข้ารับการฉีดวัคซีนครบสูตร
เมื่อมาถึงจุดนี้ “บางที” อาจนำมาซึ่ง “คำถามสำคัญ” ที่ ชายผู้นี้เคยตั้งคำถามกับตัวเองเอาไว้ก็ได้ว่า...
“ผมไม่ปรารถนาที่จะถูกใครมาบังคับให้ฉีดวัคซีน เพียงเพื่อจะทำให้สามารถเดินทางไปไหนก็ได้ และถ้าหากประเด็นนี้กลายเป็นการบังคับขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้นน่ะหรือ ผมก็คงต้องตัดสินใจ ผมมีความคิดเป็นของตัวเองในเรื่องนี้”
และการตัดสินใจนี้ อาจหมายถึง บัลลังก์นักหวดลูกสักหลาดอันดับหนึ่งของโลก และเส้นทางอาชีพนักเทนนิสต่อไป...ก็เป็นได้
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ