ช่วงนี้ประเทศไทยเจอมรสุมไวรัส “โควิด-19” กลับมาระบาดหนักอีกครั้ง จาก “เดลตา” ส่งต่อไปยัง “โอมิครอน” (Omicron) ซึ่งวันนี้ (11 ม.ค.65) ยืนยันการติดเชื้อ 7,133 ราย เสียชีวิต 12 ศพ เสียชีวิตสะสม 21,850 ศพ แล้ว

สิ่งที่เป็นข้อกังวล คือ แม้จะมีรายงานว่า “โอมิครอน” มีความรุนแรงของโรคต่ำกว่า “เดลตา” แต่ก็ยังอันตรายสำหรับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว และผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน ฉะนั้น การเตรียมพร้อมเรื่องการรักษาถือเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอัตราการครองเตียง ล่าสุดพบว่า มีเตียงทั้งหมด 178,139 เตียง มีการครองเตียงเพิ่มขึ้น 22.7% (ข้อมูลวันที่ 9 ม.ค.65 เทียบกับวันที่ 31 ธ.ค.64) จากเดิม 11% โดยมีอัตราครองเตียงล่าสุดอยู่ที่ 30.7% ส่วนมากจะเป็นการป่วยระดับสีเขียวที่เพิ่มขึ้น ส่วนสีเหลือและสีแดง อยู่ในอันดับลดลง

ทั้งนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้เช็กไปที่ ทพ.อาคม ประดิษฐ์สุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ในส่วนอัตราการครองเตียงของ Hospitel พบว่า ทั่วประเทศในเวลานี้ มีอยู่ประมาณ 29,000 เตียง มีการครองเตียงอยู่ที่ 10,000 เตียง เรียกว่ายังว่างอยู่ประมาณ 20,000 เตียง

ทพ.อาคม เผยว่า ปัจจุบันมีหลายโรงแรมเริ่มที่จะเข้ามาขอจดทะเบียนเป็น Hospitel มากขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นโรงแรมที่เคยเปิดเป็น Hospitel ช่วงที่โควิดระบาดหนัก มีโรงแรมเข้าร่วมเป็น Hospitel มากกว่า 200 แห่ง แต่พอคลี่คลายก็มีการถอนตัวไป โดยผันตัวไปเปิดโรงแรม AQ Alternative State Quarantine เพื่อรับนักท่องเที่ยว เหลือประมาณ 90 แห่ง ตอนนี้ก็เริ่มมีการขอเข้ามาเปิด Hospitel ใหม่อีกครั้งหนึ่ง

...

“ขั้นตอนการกลับเข้ามา จะไม่ยากเหมือนครั้งแรกๆ เพราะตอนที่ขอถอนตัวไปจาก Hospitel ต้องทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรคทุกอย่าง จากนั้นก็แจ้งมา เราก็มีหน้าที่เข้าไปตรวจสอบความเรียบร้อย ตรวจเรื่องความสะอาด มีการแบ่งโซนป้องกันการแพร่กระจาย ตั้งศูนย์ Covid Commander โดยต้องมีการตั้งระบบการจัดการ พยาบาล แม่บ้าน และอื่นๆ ทุกอย่างจะมีทีมงานรองรับ”

ผู้ป่วยเลือกเข้าระบบ Home Isolation สาเหตุเตียงยังว่าง...

รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เผยสาเหตุที่จำนวนเตียงยังว่างมากขนาดนี้เพราะ โควิดสายพันธุ์โอมิครอน เป็นสายพันธุ์ที่ไม่ค่อยแสดงอาการ ดังนั้น คนป่วยจำนวนมากจึงเลือกใช้วิธีการรักษาแบบ “กักตัวอยู่ที่บ้าน” หรือ Home Isolation โดยใช้ระบบแจ้งไปที่ สปสช. หากพบการติดเชื้อก็จะให้แจ้งไปยัง 1330 ซึ่งจะมีการจัดยา เวชภัณฑ์ และอาหารไปให้ ที่ผ่านมา

“คนได้รับวัคซีนกันไปเยอะ เมื่อติดเชื้อจะมีอาการไม่รุนแรง ฉะนั้น หากมีการรักษาที่ถูกต้อง รับยา พักผ่อน ให้เพียงพอ ก็จะหายไปเอง ซึ่งเวลานี้ ผู้ที่เข้ามารักษาจะติดเชื้อสายพันธุ์ “โอมิครอน” เป็นหลัก เพราะเป็นเชื้อโรคที่กระจายได้เร็ว”

สั่งเข้มป้องกัน “เชื้อกระจาย” ใน Hospitel

เมื่อถามว่า “โอมิครอน” มีการแพร่กระจายได้เร็ว จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการสำหรับ Hospitel หรือไม่ ทพ.อาคม ยืนยันว่า ได้กำชับโรงพยาบาล รวมถึง Hospitel ให้มีการป้องกัน Omicron ให้เข้มข้นขึ้น เพราะเราเข้าใจว่าโรคระบาดง่ายขึ้น คนที่ติดก็ไม่ค่อยมีอาการ โดยมาตรการ เช่น ให้ผู้ป่วยอยู่ในห้องตลอดเวลา, แม่บ้าน คนที่ให้อาหาร ต้องมีการทำความสะอาดมากขึ้น, ให้ข้อปฏิบัติสำหรับผู้กักตัว ต้องปฏิบัติตัวตามมาตรการป้องกันให้เข้มข้นขึ้น ซึ่งเรื่องเหล่านี้ ฝ่ายเทคนิค Covid Commander และพยาบาลที่อยู่หน้างานจะต้องคุมเข้ม

ที่ผ่านมา กรมการแพทย์ได้ออกกติกาติดตามผู้ป่วย การส่งต่อผู้ป่วยไปตามขั้นตอนการรักษา เพราะสถานการณ์โรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน ยังคงรับไหว คนติดเชื้อส่วนใหญ่รักษาตัวที่บ้าน เหมือนคนไทยได้เรียนรู้กับโรคภัย มีวินัยในการป้องกัน และรับประทานยา ได้อย่างถูกต้อง

...


Home Isolation - Hospitel กับราคาที่ต้องจ่าย

เมื่อถามว่า ราคา Hospitel ที่ต้องจ่าย เมื่อเทียบกับปีก่อน 30,000-40,000 คน รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เผยว่า อัตราค่าใช้จ่ายหลายอย่างลดลง หากมีการรักษาแบบ Home Isolation จะมีค่ารักษาเฉลี่ยอยู่ที่ 13,000 บาท ถ้าเป็นการรักษาแบบ Hospitel จะอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาท ซึ่งลดลงมาเกือบครึ่ง โดยเราพยายามปรับราคาให้ใกล้เคียงกับการรักษาแบบ Home Isolation มากขึ้น

สำหรับค่าใช้จ่ายที่ลดลงเพราะ...
1. การรักษาตัวที่ Hospitel ลดจำนวนวันลง จาก 14 วัน เหลือ 10 วัน
2. ชุด PPE ที่ใช้ลดจำนวนลง
3. ค่าใช้จ่ายต่อวันของ Hospitel จากวันละ 1,500 อาจจะเหลือ 1,000 บาท ซึ่งถ้าลดส่วนนี้น่าจะช่วยลดภาระการจ่ายเงินได้พอสมควร

“เข้าใจว่าตอนนี้เราไปกู้เงินมาเพื่อจับจ่ายใช้สอย และรักษาพยาบาลคนที่ติดโควิด ทางฝั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเองก็พยายามหารือ เรื่องการหาราคาที่เหมาะสมมากขึ้น เพราะเงินที่ใช้อยู่ในปัจจุบันคือเงินกู้ และคนที่ใช้กับคือลูกหลานและคนในชาติ”

...

คนไทยมีสิทธิบัตรทอง รักษาฟรี 48 ล้านคน อยู่ในสิทธิประกันสังคม 16 ล้านคน สิทธิข้าราชการ 2.3 ล้านคน และอีก 8 แสนคนก็มีสิทธิตามรัฐวิสาหกิจต่างๆ คนไทยที่มีเลขบัตรประชาชน ถือว่ามีสิทธิในการรักษา หากมีการป่วยก็ขอให้เช็กสิทธิก่อนว่าสามารถใช้สิทธิการรักษาพยาบาลที่ใดได้บ้าง แต่ถ้าไม่รู้ก็ลองไปเช็กสิทธิก่อน ที่เบอร์ 1330 สปสช. แล้วก็ไปโรงพยาบาลที่สิทธิท่านก็จะไม่เสียค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวเลย หากอาการรุนแรงก็จะมีการส่งตัวไปยังโรงพยาบาลที่ศักยภาพมากขึ้น ตรงนี้ถือเป็น “รัฐสวัสดิการ” ซึ่งประเด็นปัญหาส่วนใหญ่ที่ร้องเรียนเข้ามา คือ เราไม่ได้ไปตามสิทธิของตัวเอง

ความหวัง “โอมิครอน” ระบาดเร็ว คลี่คลายเร็ว

มองยังไง ที่มีการประเมินว่า “โควิด โอมิครอน” ของประเทศไทย อาจจะระบาดไม่นาน เมื่อเทียบกับ “เดลตา” ทพ.อาคม ได้ยกตัวอย่างที่น่าสนใจ คือ การระบาดโอมิครอน มี 2 แบบ คือ การระบาดที่ประเทศ “แอฟริกา” และ “ฝั่งอเมริกาและยุโรป”

ฝั่งแอฟริกา : ทุกคนใส่หน้ากากอนามัยดีมาก เหมือนประเทศไทยเลย การระบาดสูงสุดกินเวลาแค่เพียง 1 เดือน จากนั้นตัวเลขก็ค่อยๆ ลดลง

ฝั่งอเมริกา ยุโรป : ประเทศเหล่านี้ไม่ค่อยมีวินัยในการใส่หน้ากากอนามัย วานนี้ (10 ม.ค.) มีคนติด 8 แสนคน โดยตัวเลขค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะเขาไม่มีวินัยในการใส่หน้ากากอนามัย

...

“ฉะนั้น ประเทศเราอาจจะเทียบได้กับประเทศแอฟริกา มีการประมาณการว่า อาจจะมีการระบาดมากที่สุด 1 เดือน หรือ 1 เดือน ครึ่ง เพราะเป็นช่วงที่เราไปพบปะสังสรรค์ การติดเชื้อ ส่วนมากจะอยู่ในช่วงตอนรับประทานอาหาร โดยเฉพาะหมูกระทะ เราคุยกันสนุก ทำให้ติดเชื้อได้ เป็นช่วง Enjoy Eating ซึ่งระบาดมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับวินัยของคนในสังคม”

ทพ.อาคม กล่าวในช่วงท้ายว่า ช่วงนี้ประเทศเรายังอยู่ในภาวะเสี่ยง หากเป็นไปได้ก็อยากให้ลดกิจกรรมรวมกลุ่มไปก่อน ถ้ามีการติดเชื้อก็จำเป็นต้องเอาเงินกู้ของประเทศชาติมาจ่ายให้ ที่ผ่านมา เราทำได้ดีอยู่แล้ว หากสังเกตกันดีๆ เมื่อเรากลับไปฉลองปีใหม่ หรือ สงกรานต์ทีไร ก็ระบาดทุกครั้ง ฉะนั้น จึงอยากให้เราช่วยกัน ลำพังชาวต่างชาติเข้ามา เราปิดประเทศไม่ได้ ก็เป็นความเสี่ยงส่วนหนึ่งแล้ว ตัวเราเองในประเทศ ก็ไม่ควรกระจายเชื้อโรคต่อ ขอขอบคุณทุกคนที่ทำดีอยู่แล้ว

สัมภาษณ์ – ผู้เขียน : อาสาม

อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ