ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา กองปราบปราม ได้เปิดโอเปอร์เรชัน ปราบยาเสพติด โดยมุ่งเป้าไปที่ “โคเคน” โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.1 และ กก.4 บก.ป. สนธิกำลังร่วมกับ กก.สืบสวน บก.ตม.1 เจ้าหน้าที่ บก.ปคม. และเจ้าหน้าที่ทหาร
ผลการจับกุมในวันนั้น ได้ผู้ต้องหา 5 คน ซึ่งถือเป็นเครือข่ายข้ามชาติ ประกอบด้วย ชาวไนจีเรีย 3 คน นายแดเนียล ออนเยกาชุควู หรือ โทนี่ อายุ 40 ปี นายอัลเฟรด ดิไวน์ ชิก้า หรือ ชาร์ลี อายุ 38 ปี นายกาเบรียล โอบิดิมม่า โอบีเชฟู หรือ โจ อายุ 37 ปี โดยมี 2 คนไทยร่วมขบวนการ น.ส.กันยารัตน์ หาวะโคตร หรือ โอ๋ อายุ 43 ปี นายอัษฎาวุท มานโสม อายุ 25 ปี พร้อมตรวจยึดของกลางยาเสพติด โคเคน น้ำหนักรวม 413.29 กรัม มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท
แม้ดูผิวเผิน ของกลางจะมีน้ำหนักไม่มากนัก แต่...สิ่งที่ต่างออกไป เพราะของกลางดังกล่าว คือ โคเคน!!
แค่ 400 กว่ากรัม มูลค่าเป็นล้าน เพราะกว่ามันจะมาถึงเมืองไทยได้ มูลค่าจึงสูง
...
คุณรู้ไหมว่า “โคเคน” ที่ขายในท้องตลาดเวลานี้ ราคาอยู่ที่เท่าไหร่...คำตอบของคำถามนี้คือ ประมาณ 2,500 - 3,500 บาท ต่อ 1 กรัม เรียกว่า ปรื๊ดเดียวหมดแล้ว 3,000 บาท
โคเคนเป็นยาเสพติดชนิดเดียวที่ราคาขายไม่ตกเลย เพราะอะไรรู้ไหม เพราะมันไม่ได้หาง่ายๆ และไม่สามารถผลิตได้ในเมืองไทยหรือประเทศใกล้เคียงในแถบนี้ ด้วยเหตุนี้ คนที่คิดจะเสพโคเคน จึงไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป
ผู้เขียนมีโอกาส ได้พบกับ “รองกิ๊ก” พ.ต.อ.รณกร สุขมงคล รอง ผกก.4 บก.ป. ที่ติดตามเรื่องนี้มาหลายเดือน และมีประสบาการณ์ด้านการปราบปรามยาเสพติดมานาน เล่าเบื้องลึก เบื้องหลัง อย่างน่าสนใจ
โคเคน มาจากพืชที่เรียกว่า “ต้นโคคา” เป็นพืชที่ไม่สามารถปลูกได้ในภูมิภาคนี้ พื้นที่ที่ปลูกและผลิตโคเคน ได้ มาจากแถบ “ลาตินอเมริกา” กลุ่มอเมริกาใต้ เช่น เปรู โบลิเวีย โคลอมเบีย เป็นต้น แต่ที่เห็นว่าเป็นข่าวระดับโลก จับได้จำนวนมหาศาล คือ ที่ประเทศอาร์เจนตินา บราซิล ซึ่ง 2 ประเทศนี้ เป็นเมืองท่า สายการบินเข้าออกเยอะ
นี่คือเหตุผลว่า ทำไมแหล่งยาเสพติดในประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ผลิตโคเคนเลย เพราะผลิตไม่ได้ เมื่อมาไกล...ราคาก็ย่อมแพง
“ผมทำงานด้านยาเสดติดมา 20 ปี ราคาไม่เคยตกลงเลย”
เปิดโปงขบวนการลักลอบขน “โคเคน” ใช้ “หญิงไทย” ช่วยขน
ช่วงโควิดที่ผ่านมา อาจจะเป็นช่วง “ของขาด” รองกิ๊ก กล่าวแบบยิ้มแย้ม ก่อนจะเผยข้อมูลตัวเลขสำคัญที่ได้จาก ป.ป.ส. ซึ่งเป็นสถิติการจับกุมและของกลางที่ยึดได้
วิธีการที่โคเคนจะเข้าประเทศไทยได้ ส่วนมากจะเลือกวิธีการ “กลืน” โคเคนไปในท้อง หรือซุกซ้อนตามสิ่งของต่างๆ กระเป๋าเดินทาง เครื่องมือสื่อสาร เรียกว่าซุกตรงไหนได้ซุกหมด
สิ่งที่น่าสนใจคือ กลุ่มคนที่ขนเข้ามา ส่วนมากจะเป็น “คนผิวสี” อย่างกรณีล่าสุดก็คือ ชาวไนจีเรีย ที่เจ้าหน้าที่จับกุมได้
กลุ่มคนพวกนี้จะเลือกใช้วิธีการ 2 แบบ แบบแรก คือ หลอกผู้หญิงไทย โดยไปหาตามสถานบันเทิงต่างๆ และ มักจะเลือกผู้หญิงหน้าตาไม่ค่อยดี หุ่นไม่ดี สเปกแบบชายไทยไม่ค่อยชอบ ใช้คำหวาน พูดจาเอาใจเก่ง ผู้หญิงบางคนไม่เคยมีผู้ชายมาเอาใจ จึงหลงและยอมสร้างครอบครัวด้วย ทั้งที่คนพวกนี้ส่วนมากก็ล้วนมีภรรยาหรือเมียแล้ว จากนั้นก็ให้ผู้หญิงคนไทยเข้าร่วมขบวนการ แอบลักลอบนำยาเสพติดเข้ามา ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็จับได้จำนวนมาก
...
วิธีแบบที่สอง : คนผิวสีเหล่านี้จะขนยาเสพติดเข้ามาเอง โดยการกลืนยาเสพติดเข้าไปในท้อง ซึ่งก่อนกลืนก็มีการพันยาเสพติดไว้เป็นก้อนๆ ซึ่งมันจะอยู่ในท้องคนนานสุดถึง 1 สัปดาห์ การโดยสารเครื่องบิน บางครั้งก็ใช้เวลานาน 1-2 วัน พวกนี้จึงเก็บไว้ในท้องได้
นอกจากนี้ เขายังมีการจ้างคนแถบอเมริกาใต้ โดยเฉพาะชายหญิงที่มีลักษณะผิวขาว เช่น ชาวโคลอมเบีย หรือ แอฟริกาใต้ เพื่อไม่ให้เป็นจุดสังเกต
“ที่ผ่านมา ตำรวจไทยได้มีการประสานงานกับเครือข่ายของต่างประเทศ ดังนั้น การที่จะเลือกตรวจสอบ บางครั้งเราก็ได้รับข้อมูลมาก่อน จึงทำให้สามารถจับกุมได้”
ประเทศไทยเป็น "เป้าหมาย" ไม่ใช่ "ทางผ่าน"
ผู้เขียนเองถาม พ.ต.อ.รณกร ว่า โคเคน ที่ทะลักเข้ามาในไทย เป็นทางผ่าน หรือเป้าหมายกันแน่ รองกิ๊ก ตอบทันทีว่าเป็น “เป้าหมาย”
หากเราสังเกตขบวนการค้าเสพติดที่มีการผลิตในประเทศ หรือประเทศเพื่อนบ้านของเรา ราคายาเหล่านี้จะไม่แพงมาก แต่เมื่อมีการขนไปขายยังต่างประเทศ หรือยังยุโรป หรืออเมริกา ได้ ก็จะมีราคาแพงขึ้น
...
เช่นเดียวกัน ที่บ้านเขาที่เป็นแหล่งผลิตโคเคนได้ ราคาโคเคนก็ไม่แพง แต่เมื่อมันมาถึงบ้านเรามันถึงมีราคาแพง เช่น ในญี่ปุ่น จะมีราคา 5,400 บาท หากในอินโดนีเซีย จะมีราคากรัมละ 11,000 บาท เป็นต้น
ลูกค้า ดารา ไฮโซ ไม่ได้อยู่ในเครือข่าย ก็แค่คนเสพ
จากการตรวจสอบขยายผล เราพบว่ารายชื่อ ดารา หรือ ไฮโซ เข้ามาเกี่ยวข้องหลายคน ซึ่งเชื่อว่าเขาเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในเครือข่ายการค้ายาเสพติด เพราะการตลาดของขบวนการยาเสพติดอย่างโคเคน จะแตกต่างจาก ยาบ้า ยาอี หรือ ยาไอซ์
กลุ่มยาที่ผลิตในพื้นที่นี้ วิธีการสร้างเครือข่าย คือ การดึงให้ผู้เสพเข้ามาร่วมขายด้วย แต่สำหรับลูกค้ายาเสพติดจำพวกโคเคนนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนมีเงิน ลูกเศรษฐี เพราะของมันแพง และพวกเขาก็มีเงินใช้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงมาขาย ฉะนั้นเราจึงมองว่าพวกเขาเป็นเพียงผู้เสพ
“การเสพของบุคคลเหล่านี้ก็เหมือนกับการกินเหล้าเมายา แค่ต้องการสนุก สายปาร์ตี้ ถามว่าติดไหม...ผมว่ามันติดใจมากกว่า เหมือนของเล่นเศรษฐีเขาเล่นกัน”
เวลาเราทำงาน เราไม่ได้ตั้งธงว่าจะจับคนดัง ดารา หรือ ไฮโซ เพียงแต่เราไปเจอชื่อพวกเขามีเกี่ยวข้องทางใดทางหนึ่ง เราก็ต้องสืบต่อและมีการขยายผล
...
แก๊งค้าโคเคน ไม่มีทรัพย์สินให้ยึด ไม่ลงหลักปักฐาน เงินโอนออกหมด
ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่มีการจับกุมผู้ลักลอบขนโคเคนเข้ามาในประเทศได้บ่อย บางครั้งก็ไม่เป็นข่าว เพราะจำนวนที่จับได้ไม่เยอะ ไม่เหมือนการจับ ยาบ้า ยาไอซ์ ที่จับได้ทีเป็นตันๆ
แต่ยาเสพติดให้โทษก็คือยาเสพติด เราก็ต้องตามจับกุม ดูแลคนของประเทศไทย ถึงแม้จะบอกว่าเราไม่เคยเห็นคนเมาโคเคนไปทำร้ายใครเหมือนยาบ้า แต่ถ้าว่าเสพแล้วเป็นยังไง เสียสุขภาพไหม หรือผู้หญิงไทยที่ถูกหลอกให้ไปขนยาเสพติดเหล่านี้อีก
“น่าสงสารมากนะครับ ผู้หญิงไทยบางคน เวลาโดนจับ สารภาพว่าทำผิด บอกกับเราว่าไม่มีทางเลือก ก็เขารัก เขาเอาใจตลอด “พี่ดูหน้าตาหนูสิ ใครจะเอาหนู” คนพวกนี้รู้จุดอ่อนของผู้หญิงไทย จึงใช้ตรงนี้เข้ามาตีสนิท หลอกให้รัก หลอกใช้ให้ทำงาน ถามว่าเขารักจริงๆ หรือ เชื่อว่าไม่ได้รัก เพราะตั้งใจเข้ามาหลอกตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
คนผิวสีที่เข้ามา บางครั้งก็จะเข้ามาแฝงตัวอยู่สักพักก่อน เช่น ทำงานเป็นครูสอนภาษา เป็นนักฟุตบอล หรือ บางครั้งก็ไม่ได้ทำงานอะไร อยู่แต่ในห้อง โดยให้ผู้หญิงที่หลอกไปเป็นม้าซื้อของ ขนยาให้ หรือบางช่วงก็มีแบบขับรถไปส่งเอง เย้ยกฎหมายไทย
บางคนลักลอบเข้าประเทศมาผิดกฎหมาย ไม่มีใบขับขี่ ขนยาเสพติด แต่ก็ผ่านฉลุยแบบไม่มีใครสงสัย เราในฐานะตำรวจก็ต้องปราบปราม ป้องกัน
“คดีที่เราทำนี้ ยังไม่จบ ยังมีตัวละครบางตัวที่ยังหลบหนีอยู่ เชื่อว่าเร็วๆ นี้เราอาจจะได้ตัว และขยายผลจับกุมได้มากกว่านี้ สำหรับเส้นทางการเงินเราตรวจสอบหมด แต่คนพวกนี้จะไม่ค่อยมีทรัพย์สินอะไร หากมีเงินเขาก็โอนเงินแบบเวสเทิร์นยูเนียน เงินออกไปแล้วก็ตามไม่ได้ ที่สำคัญคือ หากเราจับกุมได้ เขาจะไม่ยอมพูด ไม่รับสารภาพ เพราะเขาคิดว่าถ้าสารภาพไปก็ติดคุก แต่ถ้าต่อสู้คดีก็มีโอกาสชนะ ซึ่งแตกต่างจากคนไทย ที่คิดว่าสารภาพผิดแล้วอาจจะติดคุกไม่นาน อีกทั้งยังมีโอกาสได้ลดหย่อนโทษ”
การเล่นโคเคนของคนรวย เขาอาจจะคิดว่าสนุกสนาน แต่ไหนเลยจะรู้ว่าบางครั้งก็ต้องแลกมากับอะไรหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะหญิงไทยที่ตกเป็นเหยื่อ ฉะนั้นจึงอยากฝากเตือนหญิงไทยให้ระวัง และไม่อยากให้ตกเป็นเหยื่อกลุ่มคนเหล่านี้
ผู้เขียน : อาสาม
กราฟิก : sathit chuephanngam
อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ