โนวาแวกซ์ (Novavax) หรือ NVX-CoV2373 กลายเป็นวัคซีนต้านโควิด-19 ชนิดล่าสุด ที่กำลังได้รับความสนใจจากชาวโลกหลังรัฐบาลอินโดนีเซียอนุมัติให้มีการใช้ในกรณีฉุกเฉินกับพลเมืองในประเทศของตัวเองเป็นชาติแรกในโลก

โดยรัฐบาลอินโดนีเซีย ให้เหตุผลถึงการตัดสินใจในครั้งนี้ว่า วัคซีนโนวาแวกซ์ มีขั้นตอนการเก็บรักษาที่ง่ายและสะดวกต่อการขนส่ง ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับประเทศที่มีเกาะมากมายอย่างอินโดนีเซีย

**หมายเหตุ สิ้นสุดวันที่ 1 พ.ย. 2564 กระทรวงสาธารณสุขของอินโดนีเซีย รายงานว่า มีพลเมืองได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้วประมาณ 58% ส่วนจำนวนผู้ได้รับวัคซีนเข็มสอง อยู่ที่ประมาณ 36% จากจำนวนประชากร 273 ล้านคน และตามกำหนดเดิม อินโดนีเซีย จะได้รับการส่งมอบวัคซีนโนวาแวกซ์ 20 ล้านโดสภายในปีนี้ **

นอกจากนี้ สแตนลีย์ เอิร์ค (Stanley Erck) CEO ของ โนวาแวกซ์ อิงค์ (Novavax Inc.) ยังเปิดเผยว่า ได้ยื่นเรื่องขออนุญาตให้ใช้วัคซีนในกรณีฉุกเฉิน กับ องค์การอาหารและยาของแคนาดา และองค์การยายุโรป (European Medicines Agency) หรือ EMA แล้ว

...

ส่วน องค์การอนามัยโลก หรือ WHO และคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ หรือ FDA กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาวัคซีนโนวาแวกซ์ในขั้นตอนสุดท้ายอีกด้วย หลังเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา บริษัทประสบปัญหาด้านการควบคุมคุณภาพและการผลิต จนต้องชะลอการยื่นของอนุมัติจาก FDA ออกไปก่อน

ทำความรู้จัก “วัคซีนโนวาแวกซ์”

1. เทคโนโลยี

วัคซีนโนวาแวกซ์ ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ใช้โปรตีนเบส (Protein-nanoparticle Vaccine) โดยเป็นการเพาะโปรตีนใหม่ขึ้นมา และใช้ชิ้นส่วนโปรตีนของโคโรนาไวรัสมาผลิตร่วมกับเซลล์ของผีเสื้อกลางคืน ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับเซลล์ของมนุษย์

ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือ มีโปรตีนส่วนหนามของไวรัสจำนวนมาก หลังจากนั้นจึงนำโปรตีนส่วนหนามของไวรัสมารวมกับสารกระตุ้นภูมิต้านทาน แล้วนำไปฉีดเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสขึ้นมา

2. ประสิทธิภาพ

แม้จะเป็นผลิตภัณฑ์วัคซีนชนิดแรกที่ออกสู่ตลาดในรอบ 34 ปี ของบริษัทโนวาแวกซ์ อิงค์ แต่รายงานผลการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ของบริษัทระบุว่า การฉีด 2 โดส ภายในระยะเวลาห่างกัน 21 วัน วัคซีนมีประสิทธิภาพ 100% ต่อการป้องกันการเจ็บป่วยหนักและเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ส่วนประสิทธิภาพในการต้านทานการติดเชื้อโควิด-19 อยู่ที่ประมาณ 90% ซึ่งใกล้เคียงกับวัคซีนโมเดอร์นา และไฟเซอร์

ขณะที่ รายงานผลงานวิจัย เรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนโนวาแวกซ์ ในการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ใน สหราชอาณาจักร ซึ่งถูกเผยแพร่ในนิตยสารทางการแพทย์ The New England Journal of Medicine  เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ระบุว่า จากกลุ่มตัวอย่างที่เข้าร่วมทั้งหมด 15,187 คน โดยในจำนวนนี้ มีสัดส่วนของผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไปถึง 27.9% และ 44.6% มีโรคร่วม เมื่อฉีดครบ 2 โดส ห่างกันในระยะเวลา 21 วัน พบว่า ประสิทธิภาพวัคซีนโนวาแวกซ์โดยรวมต่อการต้านทานการติดเชื้อโควิด-19 อยู่ที่ประมาณ 89.7% โดยมีประสิทธิภาพประมาณ 96.4% กับ โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิม ส่วนสายพันธุ์ B.1.1.7 หรือ สายพันธ์ุอัลฟา อยู่ที่ประมาณ 86.3%

ด้านประสิทธิภาพในการป้องกันการเจ็บป่วยหนัก และการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล สำหรับทั้งสายพันธุ์ดั้งเดิมและสายพันธ์ุอัลฟาอยู่ที่ 100%

ส่วนรายงานการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ใน ประเทศสหรัฐอเมริกา และเม็กซิโก ตามรายงานของ สถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (National Institutes of Health) หรือ NIH เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2564 ระบุว่า จากจำนวนกลุ่มตัวอย่าง 30,000 คน พบว่า วัคซีนโนวาแวกซ์ มีประสิทธิภาพโดยรวมในการต้านทานการติดเชื้อโควิด-19 ได้ประมาณ 90.4 % และสามารถป้องกันการเจ็บป่วยหนักและการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลได้ 100% สำหรับกลุ่มประชากรที่มี “ความเสี่ยงสูง” (ผู้สูงอายุเกิน 65 ปีขึ้นไปและมีโรคร่วม) ประสิทธิภาพโดยรวมของวัคซีนอยู่ที่ประมาณ 91%

...

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

3. การเก็บรักษา

แม้วัคซีนโนวาแวกซ์ จะประสบปัญหาความล่าช้าในการพัฒนาจนกระทั่ง ถูกวัคซีนของบริษัทคู่แข่งอย่างโมเดอร์นา และ ไฟเซอร์ แซงหน้า อย่างไรก็ดี วัคซีนโนวาแวกซ์ กลับมี “ข้อดี” แตกต่างจาก โมเดอร์นา และ ไฟเซอร์ ในแง่ของการเก็บรักษาและขนส่ง เนื่องจากสามารถเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส หรืออุณหภูมิช่องปกติของตู้เย็นได้

ในขณะที่วัคซีนโมเดอร์นา ต้องจัดเก็บที่อุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส หรือ อุณหภูมิในช่องแข็งตู้เย็นปกติ จะเก็บได้นาน 6 เดือน แต่ถ้าเก็บที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส หรือ อุณหภูมิช่องปกติของตู้เย็น จะเก็บได้นาน 1 เดือน

ส่วนวัคซีนไฟเซอร์ ต้องจัดเก็บในอุณหภูมิ -80 ถึง -60 องศาเซลเซียส ซึ่งต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ จะรักษาได้สูงสุด 6 เดือน แต่หากเก็บที่อุณหภูมิ -25 ถึง -15 องศาเซลเซียส หรือ อุณหภูมิในช่องแข็งตู้เย็นปกติ จะเก็บรักษาเอาไว้ได้เพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น

...

4. อาการไม่พึงประสงค์

ส่วนรายงานเรื่องอาการไม่พึงประสงค์ นั้น ตามรายงานของ The New England Journal of Medicine ระบุว่า มีอาการเจ็บปวดบริเวณที่ฉีด ปวดศีรษะ และปวดเมื่อยตามร่างกาย เมื่อฉีดเข็มแรกประมาณ 53% ส่วนเมื่อฉีดเข็มสอง อยู่ที่ประมาณ 76% และยังไม่พบผลข้างเคียงในระดับรุนแรง

5. ราคา

The Observer สื่อของสหราชอาณาจักร รายงานว่า ตามข้อตกลงที่โนวาแวกซ์ อิงค์ ลงนามกับ รัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จะมีการผลิตและส่งมอบวัคซีน 100 ล้านโดส มูลค่ารวม 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้มีการประเมินว่า ราคาขายต่อโดสของวัคซีนโนวาแวกซ์ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 16 ดอลลาร์สหรัฐ

6. คำสั่งซื้อ

ปัจจุบันมีรายงานว่า วัคซีนโนวาแวกซ์ได้รับคำสั่งซื้อจาก ประเทศสหรัฐอเมริกา 100 ล้านโดส , สหราชอาณาจักร 60 ล้านโดส , แคนาดา 52 ล้านโดส , ออสเตรเลีย 51 ล้านโดส , ญี่ปุ่น 150 ล้านโดส , สหภาพยุโรป 200 ล้านโดส

นอกจากนี้ โนวาแวกซ์ อิงค์ ยังได้ให้คำมั่นว่า จะเริ่มต้นทยอยการส่งมอบวัคซีนให้กับโครงการ Covax เพื่อกระจายการเข้าถึงวัคซีนให้กับกลุ่มประเทศยากจนและกำลังพัฒนา ภายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 ด้วย

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ 

...