เรียกว่าตอนนี้หลายคนกังวลเป็นอย่างมาก เมื่อ โควิด-19 ระบาดระลอกนี้ ทำให้ผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มจำนวนมาก บางวันมากกว่า 2 พันคน นอกจากเรื่องการรักษาในโรงพยาบาลแล้ว ยังเป็นห่วงเรื่อง “เตียงผู้ป่วย” ที่มีการทยอยเปิดมากขึ้น ทั้งแบบ รพ.สนาม หรือ Hospitel ก็ตาม

การหยุดยั้งการแพร่ระบาดนี้ ความหวังเดียวของเราก็คงยังอยู่ที่เรื่อง “วัคซีนโควิด-19” เวลานี้รัฐบาลเองก็เดินหน้าติดต่อขอซื้อวัคซีนจากหลายยี่ห้อ ได้แก่ ไฟเซอร์ (Pfizer) โมเดอร์นา (Moderna) สปุตนิก วี (Sputnik V) และ ซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ส่วนที่มีอยู่ในมือก็คือ ซิโนแวค (Sinovac) แอสตราเซเนกา (AstraZeneca) ซึ่งฉีดไปแล้ว จำนวน 1,149,666 ราย (ข้อมูลวันที่ 26 เม.ย.) แต่...ดูเหมือนว่าจะช้าไปเสียหน่อย เมื่อเทียบกับนานาชาติ

ชงรัฐหนุนงบ รพ.เอกชน กระจายวัคซีนโควิด สิ้นปี 50 ล้านคนต้องฉีดวันละ 4 แสน

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้พูดคุยกับ ผศ.ภญ.ยุพดี ศิริสินสุข กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) มองเรื่องนี้ว่า ถึงแม้เอกชน หรือ รพ.เอกชน จะมีความพยายามในการจัดซื้อวัคซีน แต่การจัดการวัคซีนก็ควรจะเป็นระบบของประเทศ จัดสรรโดยภาครัฐมากกว่า

...

“ถ้าโรงพยาบาลเอกชนอยากมีส่วนร่วม ก็อยากช่วยในเรื่องการกระจายวัคซีนให้เข้าถึงประชาชนให้มากและเร็วที่สุด”

บอร์ด สปสช. อธิบายว่า สาเหตุที่ให้ภาครัฐจัดหานั้น เพราะวัคซีนในโลกนี้ก็ยังไม่เพียงพอ ถ้าเอกชนอยากจะจัดหาเอง มันอาจจะส่งผลถึงกลุ่มคนที่ได้วัคซีน ดังนั้น ในช่วงนี้อาจจะต้องคิดถึงภาพรวมมากกว่าผลกำไร หรือค่าตอบแทนของโรงพยาบาล เวลานี้สิ่งที่ต้องเร่งทำคือ ทำให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนอย่างสะดวกมากขึ้น

สิ่งที่กำลังจะสื่อสารคือ ถ้าเอกชนมีบทบาทในการจัดหาวัคซีนเอง อาจจะส่งผลต่อความเหลื่อมล้ำ? ผศ.ภญ.ยุพดี ตอบสั้นๆ ว่า ก็อาจจะเป็นไปได้

กลับกัน หากเอกชนเป็นคนจัดหา สิ่งที่ได้มาคือ เอกชนสามารถเลือกใครขายก็ได้ จะขายแต่คนมีเงินก็เป็นไปได้ เรียกว่า คนที่รวยกว่าก็มีโอกาสเข้าถึงมากกว่า

ชงรัฐหนุนงบ รพ.เอกชน กระจายวัคซีนโควิด สิ้นปี 50 ล้านคนต้องฉีดวันละ 4 แสน

ส่วนประเด็น 40 CEO ระบุเรื่องการฉีด “วัคซีน” ภาครัฐล่าช้า และอยากจะลงทุนจัดซื้อมาฉีดให้กับพนักงาน ผศ.ภญ.ยุพดี มองว่า การที่เอกชนจะซื้อเอง แล้วให้รัฐรับรองให้ก็คงเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก

ตอนนี้เรามีประเด็นอยู่ว่า เดือนมิถุนายนจะมีวัคซีนเข้ามาอีกหลายล้านโดส ซึ่งหากเป็นโรงพยาบาลเล็กๆ ก็จะมีเป้าหมายการฉีดวัคซีนวันละ 500 คน/วัน ซึ่งถ้าวัคซีนมาจริง ประเด็นเรื่องการซื้อจะไม่เท่าไร แต่จะเป็นเรื่องการกระจายวัคซีนมากกว่า

ที่ผ่านมาก็มีการคำนวณเวลาฉีดวัคซีนต่อหัวน่าจะใช้เวลาไม่เกิน 28 นาที หากคูณจำนวนเวลา จำนวนบุคลากรของรัฐ มันก็จะกลายเป็น “คอขวด” ดังนั้น ถ้าเอกชนช่วยส่วนนี้จะเป็นภาพที่สวยงามมาก ที่หน่วยบริการด้านสาธารณสุขทั่วประเทศร่วมมือร่วมใจกัน ช่วยให้คนไทยเข้าถึงวัคซีนได้เร็วขึ้น

ผศ.ภญ.ยุพดี ระบุว่า ต้องยอมรับว่า หากจะใช้ศักยภาพแค่โรงพยาบาลรัฐในการฉีดวัคซีนให้ประชาชนก็อาจจะไม่เพียงพอ ฉะนั้น สิ่งที่โรงพยาบาลเอกชนควรทำ คือ ร่วมด้วยช่วยกันรับวัคซีนจากภาครัฐมาฉีดให้กับประชาชน โดยที่รัฐอาจจะต้องช่วยเหลือเงินส่วนต่างที่เป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ให้กับโรงพยาบาลเอกชน หากมีงบประมาณตรงนี้สนับสนุน ก็จะทำให้การกระจายวัคซีนได้เร็วขึ้น

ชงรัฐหนุนงบ รพ.เอกชน กระจายวัคซีนโควิด สิ้นปี 50 ล้านคนต้องฉีดวันละ 4 แสน

คำถามคือ... สิ่งที่เป็นอยู่มันถือว่า “ล่าช้า” หรือไม่ ผศ.ภญ.ยุพดี ระบุว่า ทาง สธ.เองก็คงมีแผนอยู่ เพราะเป็นไปตามจำนวนวัคซีนที่จะเข้ามาในไทย ซึ่งทั้งนี้มันก็ขึ้นอยู่ที่คนขายวัคซีนให้เราด้วย ว่าจะให้เราเร็วแค่ไหน เมื่อไหร่จะถึงคิวประเทศไทย

...

“เวลานี้ไม่ควรโทษใครแล้ว สิ่งที่ควรทำคือ รีบฉีดวัคซีนให้รวดเร็ว เพื่อให้เศรษฐกิจเดินได้ และทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้สมาคมโรงพยาบาลเอกชนประกาศเลยว่า ทุกคนสามารถเข้ามาฉีดกับโรงพยาบาลได้ฟรีเหมือนโรงพยาบาลรัฐ”

สำหรับข้อมูลล่าสุดในการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ที่เปิดเผยโดย กระทรวงสาธารณสุข ประจำวันที่ 26 เม.ย. 64 (ข้อมูลวันที่ 25 เม.ย.)

ตอนนี้มีวัคซีนในมือ 2 ยี่ห้อ ประกอบด้วย Sinovac จำนวน 1,916,686 โดส AstraZeneca จํานวน 89,400 โดส รวม 2,006,086 โดส

มีผู้ที่ได้รับวัคซีนสะสม รวม 1,149,666 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น ผู้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 972,204 ราย ผู้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 177,462 ราย

ชงรัฐหนุนงบ รพ.เอกชน กระจายวัคซีนโควิด สิ้นปี 50 ล้านคนต้องฉีดวันละ 4 แสน

หากนับตั้งแต่เริ่มฉีดเข็มแรก วันที่ 28 กุมภาพันธ์ จนถึงวันที่ 25 เมษายน จะได้ค่าเฉลี่ยเพียงวันละ 20,169.57 โดส/วัน เท่านั้น ซึ่งถือว่าค่าเฉลี่ยดังกล่าวอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำอยู่

สิ่งสำคัญในเวลานี้ขึ้นอยู่กับ 2 ตัวแปรสำคัญ คือ จัดหาวัคซีนได้มากและเร็วแค่ไหน กระจายวัคซีนฉีดให้กับประชาชนได้เร็วเพียงใด

...

หากจะเอาคำประกาศิตของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่แถลงว่า จะฉีดให้กับประชาชน ครอบคลุม 75% (50 ล้านคน) ภายในสิ้นปีนี้ ค่าเฉลี่ยแค่นี้คงทำได้เพียง 6 ล้านโดสเท่านั้น แต่ถ้าจะทำให้ได้ ต้องฉีดวันละ 4 แสนโดส (245 วัน นับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. - 31 ธ.ค. เท่ากับ 98 ล้านโดส คนละ 2 โดส เท่ากับ 49 ล้านคน)

เวลาวิกฤติเช่นนี้ หวังให้ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน เพื่อให้คนไทยรอดพ้นจากโควิดเร็วที่สุด.

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ

...