ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดระลอก 3 ในไทยช่วงเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้นไม่หยุดในระยะเวลา 20 กว่าวัน ทำให้รัฐบาลต้องเตรียมพร้อมสั่งการ เปิดโรงพยาบาลสนามในทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อรองรับผู้ป่วยจำนวนมาก

ทำให้ขณะนี้ทั้งศูนย์กีฬา อาคารหอประชุม สถาบันการศึกษา และสถานที่ต่างๆ หลายแห่ง ถูกจัดตั้งเป็นโรงพยาบาลสนามในหลายรูปแบบ และบางแห่งอาจเต็มไปด้วยผู้ป่วย จนเกิดความกังวล และเกรงว่าอาจมีการฟุ้งกระจายของเชื้อเพิ่มขึ้น

เพราะขณะนี้โควิดมีหลายสายพันธุ์ และมีการกลายพันธุ์ การมาอยู่รวมกันภายในโรงพยาบาลสนาม อาจทำให้ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อย จะมีความเสี่ยงรับเชื้อซ้ำซ้อน รับเชื้อตัวใหม่เพิ่มหรือไม่ในร่างกาย จนเกิดอาการรุนแรงป่วยหนัก

เพื่อตอบในสิ่งที่คนสงสัยและเป็นกังวลในเรื่องนี้ “ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา" ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ในฐานะนักวิจัยด้านไวรัสวิทยา กล่าวกับ "ทีมเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์" ว่า เมื่อร่างกายคนเราติดเชื้อโควิดไปแล้ว จะมีการปิดตัวเองไม่ให้รับเชื้อซ้ำ หากเป็นเชื้อตัวเดิม แต่เคยมีเคสเกิดขึ้นในต่างประเทศ ผู้ป่วยบางคนเกือบหาย แล้วไปติดเชื้อตัวใหม่ ซึ่ง 100 คน อาจเจอไม่ถึง 1 คน เพราะร่างกายมีกลไกสร้างสารป้องกันในช่วงระยะเวลา 10 วัน ไม่ให้ติดเชื้อไวรัสซ้ำ

...

“แม้โอกาสจะติดเชื้อกันเองไม่ง่าย แต่ก็เกิดขึ้นได้ ทางนักไวรัสวิทยาทราบกันดีว่าไวรัสมีกลไกในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง เมื่อมีสารพันธุกรรมของไวรัสอย่างน้อย 2 สายพันธุ์ที่ต่างกัน มาอยู่ในช่วงเวลาเดียวกันพร้อมๆ กัน ทำให้ผู้ที่อยู่ในสถานที่เดียวกัน และมีไวรัสหลากหลายสายพันธุ์ ทำให้สามารถติดเชื้อซ้ำได้ แต่ความรุนแรงมีไม่มาก รักษาหายได้”

เมื่อฟังคำตอบจาก ดร.อนันต์ ทำให้ผู้ป่วยในโรงพยาบาลสนามเกิดความสบายใจขึ้นมาบ้าง แต่สิ่งที่ต้องควรระวังอาจติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ ติดเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อโรคชนิดอื่น เมื่ออยู่ร่วมกันในสถานที่เดียวกัน ยกเว้นบางคนอาจโชคไม่ดี ได้รับการตรวจเชื้อไม่แม่นยำ มีผลเลือดเป็นบวกปลอม ทั้งๆ ที่เป็นลบ มีความเสี่ยงจะติดเชื้อโควิดได้

“ยอมรับโดยหลักการก็น่ากังวลอยู่ สำหรับผู้ป่วยในโรงพยาบาลสนาม แทนที่จะหายยาวก็ไปรับเชื้อใหม่มาอีก เป็นความกังวลที่มีเหตุผล แต่การให้ข้อมูลของแพทย์ในเรื่องนี้ ควรครอบคลุมชัดเจน คงไม่ใช่การบอกเพียงว่าอยู่ในโรงพยาบาลสนามไม่ติดเลยจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น และผู้ป่วยยังมีความเสี่ยงติดเชื้อโรคอื่นๆ ก็ควรบอกเพื่อการป้องกันและระมัดระวัง”.