โควิดในไทยกลับมาระบาดหนัก จากคลัสเตอร์ใหญ่สถานบันเทิง ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งไม่หยุด รวมถึงบุคคลในคณะรัฐมนตรี “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นหนึ่งในผู้ติดเชื้อ หลังผลการตรวจเป็นบวก ทั้งๆ ที่เพิ่งได้รับการฉีดวัคซีนโควิดของซิโนแวค ไปแล้ว ซึ่งจะฉีดครบ 2 โดส หรือไม่ ยังไม่มีรายงานที่ชัดเจน

หากมีการฉีดครบ จึงเกิดคำถามของคนทั่วๆ ไป เมื่อฉีดวัคซีนโควิดครบตามกำหนดแล้ว ทำไมไม่ป้องกันการติดเชื้อโควิด ซึ่งอาจเป็นความเข้าใจผิดของหลายๆคน และเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน ไม่ให้เกิดความประมาทนับจากนี้ ตราบใดที่โควิดยังวนเวียนอยู่กับชาวโลกอีกนาน หากติดเชื้อ "โควิด" จะแสดงอาการเร็วสุด 2 วัน หรือเฉลี่ยภายใน 5 วัน และช้าสุด 14 วันขึ้นไป

ขอย้ำว่าการฉีด "วัคซีนโควิด" ครบโดส ใช่ว่าจะป้องกันการติดเชื้อโควิดได้ 100% อย่าหวังพึ่งวัคซีน ต้องระวังตัวเองโดยเฉพาะช่วงหยุดยาวสงกรานต์ เป็นโอกาสที่โควิดจะแพร่เชื้อ ซึ่งครั้งนี้เป็น "สายพันธุ์อังกฤษ" จะเกิดการระบาดได้รวดเร็วขึ้นกว่าสายพันธุ์ปกติ มากถึง 1.7 เท่า และก่อความรุนแรงมากกว่า จากการเตือนของ “ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา” ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ได้กล่าวกับ "ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์"

...

แม้ใครได้รับการฉีดวัคซีนโควิดจนครบ หากไม่ระมัดระวังป้องกันตัว อาจติดเชื้อโควิดได้ แต่ความรุนแรงของโรคจะแตกต่าง อย่างกรณีของ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” หากฉีดครบโดส และตามที่เป็นข่าวมีไข้สูงถึง 38 องศาฯ ถือว่าอาการรุนแรง หากหายใจติดขัดก็เท่ากับว่าไวรัสลงปอดไปแล้ว เป็นการติดเชื้อที่แสดงอาการ แสดงว่าภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนซิโนแวค มีไม่สูง

อีกทั้งสายพันธุ์โควิด แพร่กระจายมาจากสถานบันเทิงย่าน "ทองหล่อ" เป็น "สายพันธุ์อังกฤษ" หรือบางคนเรียกว่าสายพันธุ์ยุโรป เพราะขณะนี้แพร่ระบาดไปทั่วยุโรป ซึ่งภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนของซิโนแวค แม้มีการฉีดครบ 2 เข็ม สามารถป้องกันได้น้อยมากเพียง 50% และโดยทั่วไปเวลาคนฉีดวัคซีนที่ออกแบบให้ฉีด 2 เข็ม เริ่มจากเข็มแรก ฉีดเข้าไปเพื่อทำให้ร่างกายได้รู้จัก ซึ่งภูมิคุ้มกันยังไม่ขึ้น ต้องใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ จะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่างๆ ในร่างกาย และเมื่อฉีดเข็มสองเข้าไป จะไปกระตุ้นเพิ่มปริมาณภูมิคุ้มกันในร่างกายให้มากขึ้นอย่างรวดเร็ว

“กรณีของศักดิ์สยาม ไปเจอโควิดสายพันธ์ุอื่นที่แตกต่างจากสายพันธุ์ที่เริ่มต้นเข้ามา คือสายพันธุ์ G ดั้งเดิม ทำให้ความจำจากวัคซีนซิโนแวค จำได้ไม่หมด และจากวารสารวิชาการทางการแพทย์ ได้ชี้ให้เห็นว่าสายพันธุ์อังกฤษ และสายพันธุ์แอฟริกาใต้ เมื่อไปเจอวัคซีนของซิโนแวค จะด้อยลง 20% ไทยอาจต้องไปใช้วัคซีนแอสตราเซเนกา เมื่อเหตุการณ์ออกมาค่อนข้างชัดว่าดีกว่าซิโนแวค ในกรณีของผับทองหล่อ เจอกับสายพันธุ์อังกฤษ หากวัคซีนแอสตราเซเนกา เข้ามาไทยในกลางปี น่าจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น”


สำหรับข้อดีอย่างหนึ่งในกรณีฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อโควิดภายหลัง จะทำให้ปริมาณภูมิคุ้มกันในร่างกายเพิ่มขึ้นสูง หากติดเชื้ออีกความรุนแรงจะน้อยลง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน เช่น คนเป็นเบาหวาน และผู้สูงอายุ ภูมิคุ้มกันอาจจะน้อยกว่าคนที่มีอายุน้อย หรือไม่มีโรคประจำตัว อาจจะหวังอย่างนี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นแล้วต้องระมัดระวังตัวอยู่ดี แม้จะได้รับการฉีดวัคซีนชนิดไหนก็ตาม แต่มุ่งหวังว่าอาการของผู้สูงอายุจะลดทอนความรุนแรงลงไป

...

สุดท้ายแล้วเมื่อเกิดสถานการณ์ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์อังกฤษ เมื่อไทยแทงม้าข้างเดียวมาตลอดก็ต้องเลือกวัคซีนของแอสตราเซเนกา แม้จะดีไม่เท่ากับวัคซีนชนิด mRNA แต่น่าจะกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงกว่าวัคซีนเชื้อตายของซิโนแวค เพราะอย่างไรแล้วความเสี่ยงในการฉีดวัคซีนยังมีน้อยกว่า การติดโควิดที่มีความเสี่ยงมากกว่าและกำลังระบาดในขณะนี้ โดยเฉพาะสายพันธุ์อังกฤษที่ระบาดอย่างรวดเร็ว

ส่วนโควิดสายพันธุ์แคลิฟอร์เนีย ขณะนี้กำลังอยู่ใกล้ๆ ไทย โดยมาทางอินเดีย ซึ่งเป็นสายพันธุ์คล้ายๆ กัน และอีกตัวสายพันธุ์แอฟริกาใต้ เป็นสาเหตุทำให้ยอดผู้ติดเชื้อในอินเดียพุ่งขึ้นจนน่ากลัว เพราะแพร่เร็วและมีความรุนแรงเช่นกัน ต้องใช้วัคซีนชนิด mRNA แต่แอสตราเซเนกา ก็สามารถใช้ได้ ซึ่งการที่ประเทศไทยจะฉีดวัคซีนโควิดให้ครบ 50% ของประชากร คงไม่พอแล้ว จะต้องฉีด 70% ของประชากร

ขณะที่ประเทศไทยกำลังทยอยฉีดวัคซีนประมาณ 0.4% ของประชากร ซึ่งส่วนใหญ่ได้ฉีดไปแล้ว 1 เข็ม ยังเหลืออีก 1 เข็ม ดังนั้นขอให้ระมัดระวังป้องกันตัวเอง เนื่องจากการฉีดวัคซีน 1 เข็ม ยังไม่มีประโยชน์ ไม่มีผลต่อการป้องกันการติดเชื้อโควิดทั้งสิ้น ยกเว้นติดเชื้อไปแล้วระหว่างรอฉีดเข็ม 2 จะทำใหภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น แต่อย่าเสี่ยงให้ติดเชื้อจะดีกว่า

...

ความสำคัญของการฉีดวัคซีนต้องฉีดให้ครบ มีความจำเป็นอย่างยิ่งต้องฉีดเข็ม 2 แม้จะทิ้งช่วงระยะเวลาในการฉีดไปนานก็ต้องฉีด อย่างเช่น แอสตราเซเนกา มีข้อบ่งชี้ทางวิชาการว่ายิ่งทิ้งช่วงนานยิ่งดี หากฉีดห่างจากเข็มแรกประมาณ 3 เดือน จะได้ผลดีกว่า ส่วนของซิโนแวค ระยะห่างได้แค่ 4 สัปดาห์เท่านั้น และหวังว่าคนไทยจะได้รับการฉีดวัคซีนโควิดให้ได้มากที่สุด เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อในหมู่คนไทยด้วยกัน โดยเฉพาะในกลุ่มจังหวัดที่เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ต้องครอบคลุมให้มากที่สุด เพื่อเดินหน้าเศรษฐกิจต่อไป.