ถ้าว่ากระแสในไทยแล้ว คำๆ นี้อาจจะไม่ค่อยเป็นที่สนใจมากเท่าไร สำหรับ "พาสปอร์ตวัคซีน" ที่ถึงแม้ "หมอหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล จะหยิบมาถือโชว์ แต่คนก็ยังไม่ค่อยพูดถึงกันเท่าไร แตกต่างกับในต่างประเทศที่มีการดีเบตกันอย่างร้อนแรง ทั้งโทรทัศน์และออนไลน์
วันนี้ The Answer เลยจะหยิบยก "เจ้าพาสปอร์ตวัคซีน" ที่เขาดีเบตกันอย่างดุเดือดนี้ มาเอ่ยถึงสักหน่อย...
คำถามสั้นๆ คือ "พาสปอร์ตวัคซีน" เราควรมีมันใช่ไหม?
ถ้าคิดแบบง่ายๆ ว่า "วัคซีน" ที่มีอยู่หลายตัวนี้จะคุ้มครองให้ประชากรโลกรอดพ้นจากไวรัสโควิด-19 และช่วยให้การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เป็นไปได้เร็วขึ้น การที่เราจะมี "สมุดปกเหลือง" เล่มเล็กๆ นี้ เพื่อยืนยันว่า "โอเค! ฉันฉีดวัคซีนแล้วนะ" มันก็น่าสนใจไม่น้อย...ใช่หรือไม่?
หรือหลายๆ คนอาจจะคิดว่า "ยุ่งยาก!"
แต่จริงๆ แล้ว "พาสปอร์ตวัคซีน" นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ เคยเกิดขึ้นมาแล้ว และบางที่ก็มีการใช้อยู่ เพียงคนละรูปแบบ อย่างถ้าจะไป "ซาอุดีอาระเบีย" คุณก็ต้องได้รับการยืนยันว่า "ฉันน่ะ! ฉีดวัคซีนไข้กาฬหลังแอ่นมาแล้วนะ" ถึงจะสามารถเข้าประเทศนี้ได้
...
แล้วเพราะอะไรถึงต้อง "ฉีดวัคซีน" ก่อนเข้าประเทศ?
คำตอบก็แค่...เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นๆ ต้องมาติดเชื้อจาก "คุณ" ที่อาจเป็น "พาหะ" นั่นเอง
มาถึงตรงนี้ คงคิดกันว่า "ก็ไม่น่าใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตอะไรจนต้องดีเบต"
แต่กับ "บางคน" เขาคิดมากกว่านี้!
เพราะในความรู้สึกพวกเขา มองว่า "ทุกคนควรเลือกได้ว่าจะฉีดวัคซีนหรือไม่" มันควรเป็น "ทางเลือก" ซึ่ง "พาสปอร์ตวัคซีน" เหมือนเป็น "การแบ่งแยก!"
โดยหนึ่งในเหตุผลสนับสนุน แย้งการใช้ "พาสปอร์ตวัคซีน" ที่เป็นการ "บีบบังคับ" กลายๆ ให้ "ทุกคนต้องเข้ารับการฉีดวัคซีน!" ว่า โควิด-19 มีอาการป่วยเพียงเล็กน้อย ถ้าเทียบกับโรคอื่นๆ ต่อให้ได้รับเชื้อมาก็จะทนทุกข์กับความยุ่งยากในการใช้ชีวิตแค่แป๊บเดียว อีกทั้งไม่ว่าคุณจะฉีดวัคซีนหรือไม่ก็ตาม...ก็ไม่ควรต้องรับผลกระทบจากการอนุญาตให้เข้าร่วมการรวมกลุ่มขนาดใหญ่แบบสาธารณะ หรือเข้าเป็นหนึ่งในฝูงชนที่ช็อปปิ้งมอลล์ ดื่มในบาร์ ไปจนถึงการเดินทางด้วยเครื่องบิน เพราะว่าการเลือกที่จะฉีดวัคซีนหรือไม่เป็นสิทธิของพวกเขา...
ถ้ามองในมุมการฉีดวัคซีนเป็น "ทางเลือก" ที่เป็น "สิทธิ" ของเรา ก็เป็นเหตุผลที่พอจะสนับสนุนได้ในการคัดค้านการบังคับใช้ "พาสปอร์ตวัคซีน" เพราะอย่าลืมว่า บางคนไม่สามารถฉีดวัคซีนได้ เนื่องด้วยเหตุผลทางสุขภาพ แน่นอนว่าพวกเขาเหล่านี้ไม่ควรถูกแบ่งแยก
ในความเป็นจริง รัฐบาลแต่ละประเทศล้วนต้องการให้ประชาชนของตนเองได้รับการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งนั่นไม่ได้เป็นการบังคับ แต่ทุกคนที่ฉีดวัคซีนแล้วจะได้รับ "พาสปอร์ตวัคซีน" ในการแจ้งว่า คุณได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 1 หรือ 2 โดส
อย่างไรก็แล้วแต่... หากคุณเลือกว่าจะไม่ฉีดวัคซีนเด็ดขาด! ไม่รวมเหตุผลทางการแพทย์ คุณก็ต้องเข้าใจด้วยว่า มันไม่ได้ส่งผลกระทบกับแค่ตัวคุณคนเดียว แต่กระทบกับทุกคนรอบๆ ตัวคุณด้วย
ซึ่งการที่คุณได้รับการยืนยันว่า คุณฉีดวัคซีนป้องกันโรคก่อนเดินทางแล้ว ไม่ได้เป็นแค่ความคิดเพ้อฝันในนิยาย ถ้าลองเทียบกับกรณีการเดินทางเข้า "อเมริกาใต้" ที่แห่งนั้นมีการกำหนดว่า คุณต้องได้รับการยืนยันว่า คุณฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เหลืองเรียบร้อยแล้ว ถึงจะได้รับสิทธิ์ให้เข้าไปในพื้นที่
...
แต่ "การเดินทาง" ก็ไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทุกคนจำเป็นต้องมี "ใบรับรอง" เพื่อยืนยันว่า "ฉันฉีดวัคซีนแล้วนะ!"
เช่นที่ "สโลวีเนีย" หนึ่งในประเทศที่มี โครงการฉีดวัคซีน ครอบคลุมและแข็งขันมากที่สุดในโลก โดยมีการกำหนดเอาไว้ว่า เด็กๆ ทุกคนจะต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด, โรคคางทูม, โรคหัดเยอรมัน, โปลิโอ, โรคไอกรน, เชื้อไข้หวัดใหญ่ฮีโมฟิลัส ชนิดบี และโรคตับอักเสบบี ก่อนที่จะเข้าโรงเรียน
นั่นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไม "สโลวีเนีย" ถึงเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงที่สุดในโลก
จากข้อมูลของ Bloomberg พบว่า ณ วันที่ 4 มีนาคม 2564 "สโลวีเนีย" ฉีดวัคซีนไปแล้ว 176,934 โดส อัตราการฉีดวัคซีนอยู่ที่ 4,313 โดสต่อวัน ซึ่งจะประมาณการได้ว่า หากต้องการฉีดวัคซีนโควิด-19 จำนวน 2 โดส ให้ครอบคลุม 75% ของประชากร อาจต้องใช้เวลา 22 เดือน
ขณะที่ การควบคุมโรคติดเชื้อด้วย "วิธีฉีดวัคซีน" เพื่อสร้าง "ภูมิคุ้มกันหมู่" นั้นจำเป็นแค่ไหน?
ยกตัวอย่าง "โรคหัด"
...
ใน "สหราชอาณาจักร" มีความพยายามในการฉีดวัคซีนให้ได้ 95% ของประชากร ซึ่งในที่สุด...หลังจากฉีดวัคซีนให้ประชากรอย่างเพียงพอแล้ว ก็แทบจะไม่พบคนป่วยด้วยโรคนี้อีกเลย แถมการขยายพันธุ์ก็ค่อยๆ จางหายไป ช่วยให้การควบคุมทำได้ง่ายขึ้น
อีกข้อโต้แย้งหนึ่งของกลุ่มที่คัดค้าน "พาสปอร์ตวัคซีน" คือ ความกังวลที่ว่า "เจ้านี่!" กำลังแชร์ข้อมูลทางการแพทย์ที่เป็นความลับของเราออกมา แต่ก็มีการออกมาตอบและยืนยันในตอนหลังว่า วางใจได้... "พาสปอร์ตวัคซีน" ไม่ได้เก็บข้อมูลพวกนี้เข้าไปในประวัติทางการแพทย์แต่อย่างใด
เพราะ "พาสปอร์ตวัคซีน" ทำเพียงแค่ติ๊กเครื่องหมายธรรมดาๆ ในการที่จะบอกว่า คุณได้รับการฉีดวัคซีนแล้วเท่านั้น
โอเคว่า นี่อาจไม่ใช่ "ทางเลือก" ที่ดีนัก แต่อย่างน้อยก็เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเส้นทางหลักที่จะทำให้เราผ่านพ้นไปได้ นั่นก็คือ การฉีดวัคซีนจำนวนมาก
หากลองมาคิดดู... ถ้าพวกเขาหมายถึงว่า พวกเราจะสามารถกลับเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาที่มีการกำหนดเวลาและสถานที่แข่งเฉพาะ, เทศกาลดนตรี และการรวมกลุ่มทางสังคมขนาดใหญ่ โดยปราศจากความเสี่ยงของการติดเชื้ออื่นๆ ดังนั้น มันก็จำเป็นที่จะต้องหยิบ "พาสปอร์ตวัคซีน" มาพิจารณา แน่นอนว่ามีการ "ยกเว้น" ใบรับรองสำหรับบางคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนด้วยเหตุผลทางการแพทย์ตามที่มีกฎเกณฑ์กำหนด
...
สุดท้าย นี่อาจเรียกได้ว่าเป็น "ข้อตกลงร่วมกัน" ของ "ทางเลือก" ที่จะไม่ฉีดวัคซีนว่า คุณกำลัง "เลือก" ความเป็นไปได้ที่จะเสี่ยงติดเชื้อไวรัสอันตราย และนำพาความอันตรายนั้นส่งต่อไปยังคนอื่นๆ รวมถึงมีโอกาสที่จะทำให้มาตรการล็อกดาวน์ยืดยาวขึ้นไปอีก นั่นคือ "ผลลัพธ์" ที่จะบอกได้ว่า เราไม่ได้อาศัยอยู่ใน "ไซโล" หรือหลุมใต้ดินส่วนตัวเพียงลำพัง แต่เราอาศัยอยู่ในสังคมที่ "ทางเลือก" ของเรามีผลต่อคนด้วย เพราะหากมีคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนไปเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมขนาดใหญ่ ก็มีความเป็นไปได้ว่า พวกเขามีความเสี่ยงที่จะนำเชื้อไวรัสไปส่งต่อให้กับคนอื่นๆ ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือไม่สามารถฉีดวัคซีนได้
นาทีนี้... แม้ "พาสปอร์ตวัคซีน" จะไม่ได้เป็น "ทางเลือก" ที่ดี และอาจเกิดการ "แบ่งแยก" แต่ ณ เวลานี้ หากจะนำมาใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงในสถานการณ์เฉพาะหน้าตอนนี้ ก็น่าสนใจที่จะหยิบมาใช้ ส่วนเมื่อพ้นวิกฤตินี้ไปแล้วจะ "หยุด" ใช้ หรือมีการปรับเกณฑ์ใหม่ๆ อย่างไร...ก็ลองมา "ดีเบต" กันอีกทีได้...ไม่เสียหายอะไร.
ข่าวน่าสนใจ:
- "พาสปอร์ตวัคซีน" ฟื้นเศรษฐกิจ แต่ "แบ่งแยก" ใต้เหลื่อมล้ำเข้าถึงวัคซีน
- ไทยแสนชิล ถ้าไม่รีบฉีด "วัคซีนโควิด-19" ต้องอยู่แบบนี้นานแค่ไหน?
- ทำไมมี "วัคซีน" แล้วยังไม่กล้าฉีด? "โควิด-19" ไวรัสร้ายเจ้าปัญหา
- I Care a Lot จากหนังสู่ความจริง กับกฎหมายทรัสต์ ช่วยดูแลเงินคนสูงอายุ
- การเป็น "เศรษฐี" 1% ของโลก ต้องมี "เงิน" แค่ไหนในยุค "คนรวย" ยิ่งรวยขึ้น