เหตุปะทะกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้ตัวแทนทหารทั้งสองประเทศเปิดโต๊ะเจรจาเมื่อวาน (29 พ.ค.68) แม้ฉากหน้าจะดูชื่นมื่น และล่าสุด อดีตนายกฯ ทักษิณ ออกมายืนยันว่าได้คุยกับทางผู้นำกัมพูชาแล้ว แต่ผลแถลงการเจรจาของทั้งสองประเทศกลับแฝงนัยยะบางอย่างในอนาคตหรือไม่?
โดยฝั่งกัมพูชาได้เพิ่มข้อที่ 4 กล่าวอ้างว่าไม่ถอนกำลัง และเป็นพื้นที่ของตนตั้งแต่อดีต จนมีนักวิชาการตั้งข้อสังเกตว่า นี่อาจเป็นแผนการยึดพื้นที่ของกัมพูชา คล้ายกับกรณีปราสาทพระวิหาร ปี 2554
ล่าสุด ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมายืนยันว่า ได้คุยกับสมเด็จฮุนเซน เพื่อจบปัญหานี้แล้ว เช่นเดียวกับกองทัพบก ยืนยันคำแถลงอย่างชัดเจนอีกครั้ง

โดยเมื่อวันที่ 29 พ.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมพล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และคณะ เดินทางมาถึงหน่วยประสานงานชายแดน ประจำพื้นที่ 2 สำนักงานประสานงานชายแดนไทยกัมพูชา ช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เพื่อพบกับ พล.อ.เมา โซะพัน ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา พร้อมคณะร่วม 18 คน โดยผลเจรจามีดังนี้
...
1. ให้ 2 ฝ่ายแก้ไขปัญหาผ่านคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC)
2. ให้ 2 ฝ่ายอยู่ในจุดเหมาะสม หรือถอนกำลังออกมาจากจุดปะทะ 200 เมตร
3. รักษาความสัมพันธ์อันดีทั้งสองประเทศ
แต่ฝั่งกัมพูชาได้เพิ่มข้อ 4
4. กัมพูชาจะไม่ถอนกำลัง หรือวางกำลังโดยไม่ติดอาวุธ ณ จุดที่เกิดการปะทะ เพราะบริเวณดังกล่าวกัมพูชาได้ครอบครองมาตั้งแต่ก่อนมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการรังวัดและกำหนดเขตแดนทางบกระหว่างไทย-กัมพูชาปี 2543