ดราม่าซินแสฮวงจุ้ย ขายของปรับฮวงจุ้ยให้ยายหลายสิบล้าน พร้อมโรยกระดูกผีในบ้าน "อ.ปรามุข ห้องโหร" ชี้ดูเจตนาของหมอดูตั้งแต่แรก มองคนไทยไม่โรยกระดูกผี เชื่อว่าเกิดอาถรรพ์ต้องอุบาทว์ แนะมีสติไม่หลงตามอุบายหลอกเงิน

กลายเป็นที่พูดถึงและถูกสังคมตั้งคำถามอย่างกว้างขวาง หลังจากที่เพจเฟซบุ๊ก 'บิ๊กเกรียน' ออกมาเปิดเผยว่า หมอดูฮวงจุ้ยช่องดังป้ายยาคุณยายกับลูกสาวรวม 66 ล้านบาทเกลี้ยงบัญชี!

โพสต์ดังกล่าวระบุว่า คุณยายวัย 77 ปีเห็นหมอดูฮวงจุ้ยในทีวีดิจิทัลช่องดัง หลงเชื่อเลยติดต่อให้มาดูฮวงจุ้ยที่บ้านเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 แค่เรียกมาดูแต่คุณยายกับลูกสาวเหมือนถูกป้ายยา โดนค่าต่าง ๆ เพื่อใช้ดูฮวงจุ้ย และค่าวัตถุมงคล ค่าทำพิธี ครั้งแรกรวมแล้ว 1.3 ล้านบาท

จากนั้นจ่ายยิบจ่ายย่อย หมอดูฮวงจุ้ยอ้างเป็นค่าทำพิธี 9 แสน ค่าภาษีอากรนำเข้า 6 แสน ค่าพระผงกระดูกผี 4.4 ล้าน ค่านิมนต์พระทำพิธี 6 หมื่น ค่าพิธีล่มศาล 2 ล้าน ค่าซื้อที่ดินสุสาน 4 แสน ค่าสิงห์ 2 ตัว 1.2 ล้าน แพงสุดคือค่าหินแกะสลักศักดิ์ นำเข้าจากเมืองจีน 38 ล้านบาท แต่ไม่เห็นของ ตลอดเดือนกุมภาพันธ์-ตุลาคม ยอมรวมจ่ายไป 66 ล้านบาท

...

คุณยายบอกว่า มาทุกครั้งต้องโอนเงินจ่ายทุกครั้ง อ้างต้องปรับเปลี่ยนฮวงจุ้ย แก้คุณไสย ทำพิธีต่าง ๆ พอทวงถามว่าพิธีจะเริ่มเมื่อไร ของเซ่นไหว้ วัตถุมงคลที่สั่งไปจะมาวันไหน กลับสร้างความไม่พอใจให้หมอดูฮวงจุ้ยช่องดัง เกิดอารมณ์เกรี้ยวกราด จึงรู้ว่าโดนหลอกแล้ว!

วันที่ 29 ตุลาคม 2567 จึงรวบรวมหลักฐานให้ลูกสาวไปแจ้งความที่ สน.บางกอกน้อย ให้ดำเนินคดีกับหมอดูรายนั้นฐานฉ้อโกง คุณยายบอกว่า ได้มาแค่สิงห์ 1 คู่ ศาลเจ้าที่ตี่จู้เอี๊ยะ 1 หลัง กับเจาะหลุมอีก 4 หลุม "ทำกับคนแก่ได้อย่างไร เงินที่เอาไปทั้งหมดจนเกลี้ยงบัญชี เป็นเงินเก็บไว้รักษาผู้ป่วยติดเตียง"

เบื้องต้น พ.ต.อ.ณัฐพัฒน์ ธรรมชุตินันท์ ผกก.สน.บางกอกน้อย กล่าวถึงคดีดังกล่าวว่า พนักงานสอบสวน สน.บางกอกน้อย สอบปากคำผู้เสียหายเบื้องต้นไปแล้ว และต้องเรียกผู้เสียหายมาสอบเพิ่มเติม รวมทั้งให้นำหลักฐานการทำธุรกรรมการโอนเงินมาให้เพิ่มเติม เนื่องจากผู้เสียหายมีการโอนเงินให้กับคู่กรณีมากกว่า 70 ครั้ง การที่ผู้เสียหายยอมโอนเงินให้หลายครั้งรวมเป็นเงินจำนวนมาก ต้องดูรายละเอียดให้ครบถ้วน ก่อนออกหมายเรียกคู่กรณีมาสอบปากคำตามขั้นตอนต่อไป

จรรยาบรรณโหราศาสตร์ :

เกี่ยวกับกรณีนี้ ทีมข่าวฯ มีโอกาสพูดคุยกับ "อ.ปรามุข ห้องโหร" รองผู้อำนวยการสถาบันโหราศาสตร์วิทยา และอาจารย์พิเศษวิชาโหราศาสตร์ไทย สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งอาจารย์ได้แสดงความคิดเห็นไว้ว่า

ในมุมผมมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การที่คนเราจะเชื่อใครสักคนคงดูจากหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยภายนอก เช่น การพูดจา การวางตัว ปัจจัยภายใน เช่น ส่วนตัวอาจจะชอบอยู่แล้ว พอเจอตัวยิ่งรู้สึกเชื่อถือ เพราะทำนายทายทักได้ตรงจุด แต่ต้องแยกว่าการทายตรงจุด ไม่ได้แปลว่าเขาจะหวังดีเสมอไป หรือคนดีก็ไม่ได้แปลว่าจะทำนายทายทักได้แม่นยำ เรื่องพวกนี้ต้องแยกออกจากกัน

เมื่อถามถึงจรรยาบรรณทางโหราศาสตร์ อ.ปรามุข ระบุว่า โหราศาสตร์จะมีข้อกำหนดอยู่ คือ ข้อหนึ่งต้องไม่ทายเรื่องผัวเมีย ข้อสองต้องไม่ลบหลู่ครูผู้อื่น แม้เรียนต่างสำนักก็ไม่ดูหมิ่นกัน ข้อสามไม่ทายเด็กไปในทาง "ชี้ดี-ชี้ร้าย" ข้อสำคัญที่มักจะเกิดให้เห็นบ่อยครั้งคือ "ไม่ทายตาย" หรือไม่ทายวิบัติตัดชันษา

"ทายตาย คือ การทายว่ามีเคราะห์ จะตาย ต้องสะเดาะเคราะห์ ต่อชะตา เพราะจุดนี้เหมือนเป็นช่องโหว่ ให้คนที่ทายเล่นกับความรู้สึกของคนโดนทายได้ เนื่องจากเป็นเหมือนจุดเปราะบางของทุกคน"

อาจารย์พิเศษวิชาโหราศาสตร์ไทย กล่าวต่อว่า ในกรณีของซินแสผมไม่แน่ใจว่าเขาใช้กฎไหน แต่ทางโหราศาสตร์จะเน้นย้ำข้อห้ามข้างต้นที่ได้กล่าวมา โดยระบุเลยว่าห้ามยุ่ง

...

ของมงคลราคาสูงลิ่ว! :

จากเคสที่เกิดขึ้นจะเห็นว่าของมงคลต่าง ๆ มีราคาที่สูงลิ่ว จนรวมมูลค่าความเสียหายออกมาได้หลายสิบล้านบาท ทีมข่าวฯ จึงถามต่อไปว่า จากราคาของเคสนี้มีความเหมาะสมแล้วหรือไม่ อย่างไร?

อ.ปรามุข แสดงความคิดเห็นว่า พูดถึงโดยทั่วไป ต้องสังเกตว่าอาจารย์ท่านที่เราติดต่อมีแนวทางอย่างไร เช่น ให้ซื้อของก็ต้องดูว่าราคานั้นสมควรแก่สินค้าหรือไม่ หรือถ้าเขาบอกว่ามวลสารนั้นมาจากป่าช้า เป็นกระดูกผี หรือของเกี่ยวกับวิญญาณ ก็ต้องรู้สึกสงสัยในใจบ้าง

กรณีที่เกิดขึ้น ผมมองว่าเป็นความพอใจระหว่างคนซื้อกับคนขาย แต่ถ้าพิจารณาด้วยสติแล้วจะคิดเช่าบูชาหรือนำมาครอบครอง ก็ลองดูว่าของชิ้นนั้นสวยหรือน่าสะสมและสมควรแก่ราคาไหม ถ้าหากสวยเหมือนงานศิลปะชิ้นหนึ่ง แล้วเรามีกำลังทรัพย์พอก็เหมาะที่จะเป็นเจ้าของ เพราะผลงานที่เป็นหินจะมีราคาสูงอยู่แล้ว

"เคสนี้ต้องย้อนกลับไปดูว่าอาจารย์เขาเจาะจงไหมว่าต้องเป็นร้านนี้ ถ้าเจาะจงผู้ซื้อน่าจะเอ๊ะตั้งแต่แรกว่ามีอะไรแปลกไป ถ้าถามว่าราคาเกินพอดีไหม ในมุมผมจากข่าวที่เห็นซึ่งเขาบอกว่านำเข้าจากต่างประเทศ ต้องพิจารณาว่าราคาสมควรแก่เหตุไหม ตัวผู้ซื้อก็ต้องหาข้อมูลเองเพิ่มเติมด้วยว่าสิ่งที่เขาพูด สัมพันธ์กับราคาตามท้องตลาดไหม"

ส่วนจะช่วยเรื่องฮวงจุ้ยหรือไม่ ต้องดูก่อนว่าเอาไปวางในตำแหน่งไหน และตำแหน่งนั้นต้องแก้ด้วยอะไร เพราะการเรียนของแต่ละสำนักไม่เหมือนกัน แต่ถามว่าที่จริงแล้วจำเป็นไหมต้องระบุว่าซื้อจากร้านไหน มันก็ไม่จำเป็นนะ นอกเสียจากว่าจะชื่นชอบผลงานของร้านนั้น ๆ อยู่แล้ว

...

ความเชื่อเรื่องกระดูกผี :

ในส่วนที่มีการทำหลุมโรยผงกระดูกผี อ.ปรามุข กล่าวว่า ไม่รู้ว่าเขาเอาพิธีหรือสูตรความเชื่อนี้มาจากศาสตร์ไหน แต่ตามความเชื่อไทยเราจะไม่เอากระดูกคนตายไว้ในบ้าน เพราะเชื่อว่าจะทำให้บ้านนั้นเกิดอาถรรพ์ สิ่งเหล่านี้มีอยู่ในตำราที่เรียกว่า 'ต้องอุบาทว์' หรือ 'ต้องธรณีสาร'

หรือปกติแล้วกระดูกที่จะเอาเข้าบ้านได้ ก็ต้องเป็นกระดูกของบรรพบุรุษ และต้องอยู่ในโกศวางไว้เป็นที่เป็นทาง จะไม่มีการเอากระดูกหรือขี้เถ้าคนตายมาโปรยและฝังในบ้าน เนื่องจากมีความเชื่อว่าจะทำให้เกิดเสนียด คนในบ้านอยู่ไม่เย็นไม่เป็นสุข เกิดการทะเลาะกัน ต้องเน้นย้ำว่าตรงนี้เป็นความเชื่อของไทย แต่อาจารย์ที่อยู่ในเคสนี้ เขาเรียนศาสตร์ไหนมาเราก็ไม่แน่ใจ

อ.ปรามุข อธิบายคำว่า 'ต้องธรณีสาร' ว่าเป็นข้อกำหนดที่มีมาตั้งแต่โบราณ โดยพูดถึงสิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติ เพราะจะทำให้เกิดเสนียดจัญไรในบ้าน ต้องมีการทำน้ำมนต์ขจัดปัดเป่าเอามาพรมในพื้นที่

"มนุษย์เราต้องการที่พึ่ง เรามักจะหาผู้รู้หรือที่ปรึกษาในสิ่งที่เราไม่ถนัด อย่างกรณีนี้เป็นสิ่งนี้เกี่ยวกับจิตใจ ในมุมผมอยากเตือนสติให้ทุกคนใจเย็น ค่อย ๆ ดูคนที่เราติดตามว่าเขามีทัศนคติ หรือแนวความคิดอย่างไร ของที่ขายก็ลองคิดดูดี ๆ อย่าเพิ่งฟังแต่สรรพคุณ ถ้าแยกแยะแล้วเห็นว่าไม่โอเคก็รีบเดินออกมา" รองผู้อำนวยการสถาบันโหราศาสตร์วิทยา กล่าวทิ้งท้าย

...