คุยกับ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ปมการให้ออกจากราชการไว้ก่อน ของ “บิ๊กโจ๊ก” ถือว่าจบหรือยังกับโอกาส การรีเทิร์นการเป็นตำรวจ และการก้าวสู่ตำแหน่ง ผบ.ตร. ต้องรอนานแค่ไหน...
ยืดเยื้อมาพักใหญ่ สำหรับคดีของ “บิ๊กโจ๊ก” หรือ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. หลังจากโดนคดีอาญาเชื่อมโยงกับคดีฟอกเงิน เป็นที่มาของการออกหมายจับ กระทั่งถูกทาง สตช.มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 67
ต่อมา ทาง พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ได้ต่อสู้ในประเด็นการออกคำสั่งโดยมิชอบ กระทั่ง ก.พ.ค.ตร.วินิจฉัย มีคำวินิจฉัยว่า คำสั่งดังกล่าว ออกโดยชอบ กระทั่งวันที่ 15 ส.ค. มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ พ้นจากตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. แปลว่า เวลานี้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ นั้น ไม่ใช่ตำรวจแล้ว โอกาสการกลับมาผงาดเป็น ผบ.ตร. จะถือว่าจบลงหรือไม่ ถ้ากลับมา จะใช้เวลานานแค่ไหน..
วันนี้ “เรา” มีโอกาสได้พูดคุยกับ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวว่า การที่ให้ออกจากราชการไว้ก่อนนั้น เป็นการดำเนินการระหว่างการสอบสวน ซึ่งต่อมาก็มีการโต้แย้ง ประเด็นเรื่องข้อกฎหมาย มาตรา 131 หรือ 120 วรรคท้าย กระทั่งมีการวินิจฉัย จาก ก.พ.ค.ตร. 9 ต่อ 0 กระทั่งต่อมาก็มีการทูลเกล้าฯ กระทั่งมีพระบรมราชการโองการโปรดเกล้าฯ ให้ออกจากราชการไว้ก่อน...จึงถือว่า “พ้นจากราชการตำรวจ”
เมื่อถามว่า ถึงเวลานี้ จบหรือยัง พล.ต.อ.เอก ตอบว่า ยังถือว่า การให้ออกจากราชการไว้ก่อนนั้น “ยังไม่จบ” ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับทาง พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ว่าจะมีการร้องศาลปกครอง หรือไม่ ภายในกำหนดระยะเวลา 90 วัน
แปลว่า เวลานี้ ถือว่ามีหมดสิทธิ์ในฐานะ แคนดิเดต ผบ.ตร.แล้ว และโอกาสจะกลับมายาวนานขนาดไหน พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า หากมีการยื่นร้องต่อศาลปกครอง กรอบระยะเวลานั้นไม่อาจทราบได้ จะเป็นเวลา 1 หรือ 2 ปี แต่หากย้อนกลับมาดูว่า “คดีวินัย” อาจจะเสร็จก่อนหรือไม่... ดังนั้น การที่ รองโจ๊ก จะมีโอกาสเป็น แคนดิเดต ผบ.ตร. ได้ ก็ต้องกลับมาเป็นตำรวจให้ได้ก่อน...
...
อ่านบทความที่น่าสนใจ