วิเคราะห์อนาคตการเมือง หลังวันที่ 14 สิงหาคม กับโจทย์ ถ้าต้องเปลี่ยน หรือ ไม่เปลี่ยน นายกฯ ชื่อ เศรษฐา ทวีสิน... 

การเมืองในเดือนสิงหาคม เป็นอะไรที่ร้อนระอุ สัปดาห์ที่แล้ว เป็นเรื่องของพรรคก้าวไกล สู่ พรรคประชาชน มาถึงสัปดาห์นี้ เป็นคิวของ นายกรัฐมนตรี ที่ชื่อ เศรษฐา ทวีสิน 

วันนี้ (14 สิงหาคม 2567) ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัย ที่ 17/2567 กรณี สมาชิกวุฒิสภา (สว.) 40 คน ยื่นคำร้องต่อประธานวุฒิสภาให้ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน กรณี แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในประเด็น คุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ 

เรามีโอกาสพูดคุยกับ ดร.สติธร ธนานิธิโชติ ผอ.สำนักงานนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า กับประเด็น อนาคตการเมืองไทย ถ้าต้องเปลี่ยน หรือ ไม่เปลี่ยน นายกฯ ชื่อเศรษฐา? ว่า หากการตัดสินเป็นคุณ นายเศรษฐา ก็จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป หากสิ่งที่ออกมาเป็นลบ คุณเศรษฐา จะพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และ ครม. จะพ้นไปด้วยทั้งคณะ แต่อาจจะต้องอยู่รักษาการจนกว่าจะมีการเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ได้

ดร.สติธร อธิบายว่า หากเป็นเช่นนี้ แปลว่า “นายกฯ” คนเดียว จะเป็น ครม.รักษาการไม่ได้ ส่วนคนอื่นก็ยังรักษาการได้ ส่วนหลักการเลือก “นายกฯ รักษาการ” ก็จะคล้ายกับตอนที่ “ลุงตู่” ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ เรียกว่า “วางคนไว้” โดยอาจระบุไว้ใครจะรักษาการนายกฯ โดยในที่นี้ อาจจะเป็น “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ เพราะเวลานายกฯ เดินทางไปต่างประเทศ มักจะให้คุณภูมิธรรมรักษาการ... 

...

อุบัติเหตุทางการเมือง และ โอกาสรีเทิร์น นายกฯ ชื่อเศรษฐา 

ผอ.สำนักงานนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า ระบุในประเด็นนี้ ว่า ตามกฎหมาย สิ่งต้องพิจารณา คือ ประเด็น “ลักษณะต้องห้าม” หรือ “คุณสมบัติ”

หากเข้า “ลักษณะต้องห้าม” คุณเศรษฐา มีโอกาสกลับมาได้ แต่หากเข้าในลักษณะ “คุณสมบัติ” จะเป็นเรื่อง “ติดตัว” ก็จะกลับมาไม่ได้ 

ดร.สติธร ขยายความว่า “ลักษณะต้องห้าม” คือ สิ่งที่ทำผิดวันนั้น ทำให้มีโอกาสหลุดออกจากตำแหน่ง และเรื่องนี้ มันจบลงแล้ว แต่ด้วยที่ยังเป็น “แคนดิเดต” นายกฯ คุณก็ยังมีอยู่ติดตัว สภาเสนอชื่อ กลับมาโหวต ได้อีกครั้ง หากออกลักษณะนี้ จะคล้ายกรณีคุณ “สมัคร สุนทรเวช” กรณีจัดรายการทีวีชิมไปบ่นไป...แต่ถ้ากรณีเป็นเรื่อง “คุณสมบัติ” ก็จะหมดสิทธิ์ทันที  

แคนดิเดต นายกฯ กับโอกาสพรรคร่วม

กลับกัน หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับคุณเศรษฐา ดร.สติธร ระบุว่า ตามกฎหมาย คนที่มีโอกาสดีที่สุด ก็หนีไม่พ้นคุณอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร เพราะเพื่อไทย เป็นพรรคร่วมรัฐบาลอันดับ 1 หากคุณเศรษฐา และ ครม. ต้องพ้นจากตำแหน่ง แบบนี้เรียกว่าคล้าย “ตั้งรัฐบาล” กันใหม่ เพียงแต่ว่า โอกาส พลิกขั้ว พรรคประชาชน มาจับมือตั้งรัฐบาล มันจะไม่ถึงขนาดนั้น 

เรียกว่า “ไม่มีโอกาส” หรือไม่ ดร.สติธร ตอบว่า ในทางรัฐศาสตร์ เรียกว่า มีโอกาส  เพื่อไทย+พรรคประชาชน หรือ พรรคประชาชน บวกกับพรรคอื่นๆ ที่เหลือ ก็ทำได้ แต่...มันยาก เพราะ “ขั้วมันสลาย” ไปตั้งแต่การตั้งรัฐบาลเมื่อปีที่แล้ว.. 

ปัจจัยที่จะเกิดขึ้นแบบนี้ได้ ต่อเมื่อ... เพื่อไทย แตกหักกับกลุ่มอำนาจเดิม 

ก่อนหน้านี้ “รัฐบาลสลายขั้ว” ที่มาจาก “ดีล” 

หากแตกหักกันแปลว่า “ดีลล่ม” พรรคร่วมดีลกับเพื่อไทย กลายเป็นเรื่องที่ไม่ยอมรับ และเกิดการข้ามขั้ว แบบนี้เกิดขึ้นได้ นี่คือ ทาง “ทฤษฎี” แต่หากดูในทางปฏิบัติ ยังไม่เห็น “ร่องรอย” ที่จะล้มดีลถึงขนาดนั้น 

...

นายกฯ มาจากพรรคอื่น? นักวิเคราะห์การเมืองชื่อดัง ระบุว่า ความเป็นไปได้ก็มี แต่ “ความชอบธรรม” จะขึ้นกับพรรคเพื่อไทยก่อน หากเพื่อไทย ถอย? ไม่ส่งแคนดิเดตชิง แบบนี้จะขึ้นอยู่กับพรรคร่วม สิ่งสำคัญ อยู่ที่ “ท่าที” ของเพื่อไทย ที่อยู่ในสภา การจะจับกับพรรคประชาชน คนของเขา ก็ไม่มี “แคนดิเดทตนายกฯ” ฉะนั้น เขาก็ต้องแสดงจุดยืนของเขาก่อน 

อีกแบบ พรรคร่วมรัฐบาล จะต้องคุยกันก่อนว่า จะร่วมหัวจมท้ายกันต่อหรือไม่ ความชอบธรรมสูงสุด คือ อยู่ที่คุณ “แพทองธาร” หากคุณเศรษฐา เจออุบัติเหตุทางการเมือง และหากเพื่อไทย ไม่เอา ก็จะถึงคิวพรรคร่วม ก็ต้องแข่งกันเองก่อน 

ความชอบธรรม อันดับถัดมา ก็คือ คุณอนุทิน ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลอันดับ 2 และ ที่ผ่านมา คุณอนุทิน ก็เคยประกาศไว้ ว่าจะให้เพื่อไทยก่อน แต่ พรรคร่วมอื่นๆ ยอมไหม หากไม่ยอมก็ขอแข่งขัน เช่น พรรคลุงป้อมไม่ยอม จะขอแข่ง เป็นต้น 

อุบัติเหตุทางการเมือง ที่เกิดการล้างไพ่ครั้งใหญ่? 

ดร.สติธร เชื่อว่า โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง และ เกิดการล้างไพ่กันยกใหญ่นั้น เป็นไปได้ยาก  

...

หากเกิดขึ้นจริงๆ แปลว่า “ความสัมพันธ์ของพรรคร่วม” และ “ดีลเดิม” ยังมีอยู่ แต่พวกเขาอาจต้องการล้างไพ่ ล้างบ้านตัวเอง อยู่มา 1 ปี แล้ว ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง จึงถือโอกาสนี้ล้างกระดาน ส่วนสัญญา ที่เคยให้ไว้ เริ่มนับ 1 ใหม่ อะไรที่เดินต่อได้ก็เดินต่อ อะไรที่จบได้ก็จบ บางคนเลือกที่จะเชื่อแบบนี้ก็มี เรียกว่า “โมเดลล้างบ้าน”

อ่านใจ ทักษิณ กับการผลักดัน “แพทองธาร” ดร.สติธร เชื่อว่า ไม่มีทางที่จะดันขึ้นในสถานการณ์น้ำเชี่ยวแบบนี้ แม้จะล้างบ้านใหม่ เวลานี้ ก็ไม่สะอาดเรียบร้อย ถ้าขึ้นเวลานี้จะ “เหนื่อยเปล่า” แค่รอให้บ้านสะอาด ถึงเวลานั้นให้ลูกขึ้นนั่งสบายๆ ไม่ดีกว่าหรือ ถ้ามาแล้วทำได้ ก็ถือว่าดี แต่ถ้าไม่ได้ ก็จะหนักกว่าเดิม... 

อนาคตการเมืองไทย หลังวันที่ 14 สิงหาคม 2567 

ดร.สติธร เชื่อว่าไม่เปลี่ยนเยอะ น่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย ที่แน่ๆ คือ การเตรียมปรับ คณะรัฐมนตรี ที่เคยอั้นๆ กันไว้ ก็ต้องเดินหน้า... ชั่วโมงนี้ เสถียรภาพรัฐบาลมีความสำคัญ ความเหนี่ยวแน่นของพรรคร่วมยังมีหรือไม่ และความ “เหนียวแน่น” ดังกล่าว คือ ตัวแปร ในการบอกทิศทางอนาคตทางการเมือง

อ่านบทความที่น่าสนใจ 

...