จริงหรือที่ว่า...คนไทยหิวบุญ ปริศนาธรรมจากซีรีส์สาธุ และรูปแบบของพุทธพาณิชย์ในวัด เป็นสิ่งเร้าชาวพุทธให้เข้าไปทำบุญจริงหรือไม่...

จริงหรือที่คนไทยหิวบุญ? คำถามดังๆ จาก “ซีรีส์สาธุ” ที่สามารถเรียกความสนใจจากคนไทยให้หันมาสำรวจและทบทวน “ความเป็นชาวพุธในตัวเอง” (อีกครั้ง) เพราะอะไรชาวพุทธแบบไทยเราจึงชอบทำบุญ? และสาเหตุที่เราต้องการ “บุญ” เพราะเราถูกกระตุ้นด้วยสิ่งที่ถูกเรียกว่า “พุทธพาณิชย์” 

ซึ่งมาจากคำว่า พุทธ = พระพุทธศาสนา และคำว่า พาณิชย์ = การค้า ด้วยหรือไม่? และเพราะอะไร “วัด” ซึ่งถือเป็นสถานที่เผยแผ่คำสอนให้มนุษย์หลุดพ้นจาก “ทุกข์” ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงต้องทำสิ่งที่เรียกว่า “พุทธพาณิชย์” เพื่อหารายได้เข้าวัดกันด้วย 

และท้ายที่สุด “คุณ” เคยลองคิดคล้อยตาม การตั้งคำถามสำคัญที่สุดจากซีรีส์สาธุ ในประเด็นที่ว่า…ถ้าหาก “วัด” เกิดกลายเป็นสถานที่สำหรับระดมทุนให้กับกลุ่มอาชญากรขึ้นมา มันจะเกิดอะไรขึ้น? 

...

วันนี้ “เรา” จะไปสำรวจข้อมูลที่อาจจะนำไปสู่ “คำตอบ” ทั้งหมดนั้นร่วมกัน เผื่อว่าบางที…พวกเราในฐานะชาวพุทธ อาจจะสามารถป้องกันไม่ให้เกิด “สิ่งที่ไม่ดีไม่งามกับพระพุทธศาสนาที่เราเคารพนับถือกันมายาวนานก็เป็นได้”  

โดยหัวข้อแรกที่ “เรา” อยากชวน “คุณ” สนทนาถึงประเด็นที่ “เรา” โปรยไว้ทั้งหมดในตอนแรกนี้ คือ เพราะอะไร? “วัด” จึงต้องมีการดำเนินกิจกรรมในลักษณะที่เรียกว่า “พุทธพาณิชย์” กันด้วย 

“เรา” มีข้อมูลจาก “อาจารย์วีรยุทธ เกิดในมงคล” อาจารย์ประจำหลักสูตร ศศ.บ. ปรัชญาและศาสนา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เจ้าของงานวิจัยรูปแบบและวิธีการทางธุรกิจกับพุทธพาณิชย์ในสถาบันพระพุทธศาสนา มาให้ “คุณ” ได้ร่วมกันพิจารณา

“อาจารย์วีรยุทธ เกิดในมงคล” อาจารย์ประจำหลักสูตร ศศ.บ. ปรัชญาและศาสนา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
“อาจารย์วีรยุทธ เกิดในมงคล” อาจารย์ประจำหลักสูตร ศศ.บ. ปรัชญาและศาสนา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

พุทธพาณิชย์ : 

พุทธพาณิชย์เป็นคำที่นักวิชาการใช้วิจารณ์กระบวนการที่อาศัยความเชื่อและความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของประชาชน มาเป็นเครื่องมือในการหารายได้ มีหลายรูปแบบ เช่น การทำพระพิมพ์ พระเครื่อง พระบูชา และวัตถุมงคลรูปแบบต่างๆ ออกจำหน่าย การปั่นราคาวัตถุมงคลและการประกอบพิธีกรรมต่างๆ เพื่อหารายได้อย่างเป็นล่ำเป็นสัน เช่น การทำบุญสะเดาะเคราะห์ ต่อดวงชะตา การทำพิธีตัดกรรม พิธีกรรมเหล่านั้นล้วนแล้วแต่ไม่ใช่แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา ไม่สามารถทำให้บุคคลบรรลุธรรมได้ พุทธศาสนิกชนไม่ควรหลงใหลกับสิ่งที่เป็นพุทธพาณิชย์ หรือพิธีกรรมต่างๆ มากจนเกินไป ควรทำความเข้าใจว่าผู้ที่ทำพุทธพาณิชย์ทำเพื่อการทำมาหากิน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของพระพุทธศาสนา

ราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. 2553 

รูปแบบของพุทธพาณิชย์ ที่งานวิจัยรูปแบบและวิธีการทางธุรกิจกับพุทธพาณิชย์ในสถาบันพระพุทธศาสนา ค้นพบ?  

1. การบูชารูปเคารพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเจ้า รูปเคารพต่างๆ และพระพุทธรูปสำคัญๆ ของทางวัด ที่ทางวัดจัดสร้างขึ้น เพื่อให้พุทธศาสนิกชนเดินทางมากราบไหว้บูชาและขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล เพื่อความร่ำรวย, เพื่อให้หายจากป่วยไข้ และเพื่อบนบานอธิษฐานขอสิ่งที่ตนเองปราถนา

เหล่านี้ล้วนเป็นช่องทางในการสร้างรายได้ให้แก่ทางวัดจากเครื่องบูชา ซึ่งมีทั้งที่ทางวัดเป็นผู้ดำเนินการเอง หรือในบางกรณีอาจจะเป็นการตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างผู้เช่าพื้นที่ขายเครื่องบูชา โดยวัดได้ค่าเช่า

2. กิจกรรมหรือพิธีกรรมในลักษณะที่เป็นการบริการตนเอง 

เป็นกิจกรรมต่อเนื่องจากการบูชารูปเคารพ เป็นกิจกรรมสำเร็จรูปที่วัดส่วนใหญ่ดำเนินมีรูปแบบเหมือนกัน คือ มีป้ายเชิญชวนทำพิธีกรรมนั้น ซึ่งเริ่มต้นด้วยการบริจาคเงินเพื่อแลกกับอุปกรณ์ในการทำพิธีนั้นๆ โดยไม่ต้องอาศัยพระสงฆ์ดำเนินพิธีกรรม เช่น การตักบาตรเหรียญ ปิดทองลูกนิมิต เป็นต้น 

...

3. การเชิญชวนทำบุญบริจาคด้วยตู้รับบริจาคและเครื่องเสี่ยงทาย 

การเชิญชวนทำบุญบริจาคด้วยการรับบริจาคผ่านตู้รับบริจาคในวัด โดยตู้รับบริจาคเหล่านี้จะมีข้อความอธิบายวัตถุประสงค์สั้นๆ เพื่อชี้แจงว่าทางวัดจะนำเงินที่ได้ไปใช้ในกิจการใด เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ หรือชำระหนี้สงฆ์ ซึ่งการบริจาคในลักษณะนี้ ผู้บริจาคจะถูกชักชวนว่าเป็นการทำบุญ และอธิบายว่าบุญที่ได้ทำไปนี้จะมีอานิสงส์ตอบแทนเช่นไร

4. การให้เช่าบูชาพระเครื่องบูชา เครื่องรางของขลัง วัตถุมงคล 

การสร้างวัตถุมงคลในอดีตนั้น มีวัตถุประสงค์สำคัญคือเพื่อไว้เป็นเครื่องเตือนให้ระลึกถึงพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นพุทธานุสติ แต่ในเวลาต่อมาได้พัฒนาถึงขั้นที่ว่าสะสมไว้เพื่อการสร้างผลกำไรทางธุรกิจ ด้วยการนำไปให้คนเช่าบูชา และโดยมากมักมีเรื่องเล่าสนับสนุนเพื่อสร้างความต้องการให้กลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่างๆ ผสมผสานกับการอ้างเรื่องเจตนาในการสร้าง ที่มักเป็นไปในลักษณะเพื่อนำเงินที่ได้ไปทำกิจกรรมเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา หรือสร้างสาธารณประโยชน์ให้กับชุมชน 

...

5. การให้บริการในเรื่องการทำพิธีกรรม 

การประกอบพิธีกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการทางศาสนาของคนในสังคม โดยเฉพาะเพื่อความเป็นสิริมงคล เช่น งานอุปสมบท งานศพ หรือพิธีเสริมดวงแก้กรรมต่างๆ ได้มอบบทบาทอันสำคัญนี้ให้แก่ “พระสงฆ์” มาช้านาน ด้วยเหตุนี้เมื่อมีพระสงฆ์มาเข้าร่วม จึงทำให้บางที่มีการเรียกค่ายกครู หรือค่าพานทองของไหว้ เครื่องบูชาในพิธีกรรมนั้นๆ 

6. การจัดเทศกาล วันสำคัญตามประเพณี และวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา 

อีกหนึ่งรูปแบบของการหารายได้เข้าวัดที่ได้รับความนิยม คือ การจัดงานเทศกาล วันสำคัญตามประเพณีต่างๆ รวมถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และในงานดังกล่าวนั้น มักมีการเชิญชวนพุทธศาสนิกชนให้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพ รวมถึงเปิดให้มีการเช่าพื้นที่ค้าขาย ในกรณีที่มีการจัดแสดงมหรสพเพื่อเชิญชวนให้ประชาชนจำนวนมากๆ มาร่วมงานด้วย   

7. การเชิญชวนร่วมทำบุญสร้างวัตถุมงคล สร้างรูปบูชาและพระพุทธรูป (เป็นเจ้าภาพ)

ปัจจุบันหลายวัดนิยมสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ แต่เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้เงินมาก จึงทำให้มีความจำเป็นต้องมีการระดมศรัทธาเพื่อรับบริจาคทุนทรัพย์ จนเป็นเหตุให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาว่า เป็นการสร้างเพื่อต่อลาภสักการะ หวังผลให้พุทธศาสนิกชนเดินทางมากราบไหว้สักการะ เพื่อเป็นช่องทางในการหารายได้ต่อไปหรือไม่?

8. การเชิญชวนทำบุญก่อสร้างสาธารณสมบัติ การสร้างบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะ 

พุทธศาสนิกชนมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า หากต้องการให้ได้บุญมากก็ต้องสร้างวัดวาอาราม ซึ่งจะทำให้ได้อานิสงส์ผลบุญกุศลแรง ซึ่งในอดีตนั้นการสร้างวัดจะเป็นหน้าที่ของคฤหัสถ์ เมื่อสร้างเสร็จแล้วจึงนิมนต์พระมาอยู่ดูแล แต่ในปัจจุบันดูเหมือนจะกลายเป็นหน้าที่ของพระดำเนินการเอง ผ่านการเชิญชวนให้ทำบุญในรูปแบบต่างๆ รวมถึงยังขยายการเชิญชวนให้ทำบุญเพื่อหาเงินไปสร้างสาธารณสมบัติต่างๆ ให้ชุมชนด้วย โดยเจ้าภาพที่ร่วมบริจาคด้วยจำนวนเงินตามที่ทางวัดระบุ จะได้รับการจารึกชื่อบนสิ่งปลูกสร้างนั้นไว้เป็นอนุสรณ์ 

...

9. การทำบุญไถ่ชีวิตโคกระบือ และการทำบุญซื้ออาหารให้สัตว์ต่างๆ 

เป็นการต่อยอดมาจากการปล่อยนกปล่อยปลา ด้วยความเชื่อที่ว่า การให้ชีวิตเป็นการสร้างกุศลที่สำคัญอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ชีวิตสัตว์ใหญ่ ยิ่งได้กุศลมาก โดยบางวัดอาจมีการให้ข้อมูลโน้มน้าวใจด้วยว่า การไถ่ชีวิตนอกจากได้กุศลแรงแล้ว เมื่อทางวัดนำไปมอบให้กับเกษตรกรที่ยากไร้ ผู้ร่วมทำบุญจะยิ่งได้บุญจากการได้ช่วยเหลือเกษตรกรด้วย 

10. การเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม 

ปัจจุบันวัดกลายเป็นอีกหนึ่งจุดสนใจของนักท่องเที่ยวตามความนิยมของชาวต่างชาติ ทำให้วัดสามารถเก็บค่าเข้าชมจากนักท่องเที่ยวได้ จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น ก็หมายถึงยอดรับบริจาคจากกิจกรรมช่องทางต่างๆ 

และจากบรรทัดข้างต้นที่บรรยายถึงการหารายได้ผ่านพุทธพาณิชย์ในรูปแบบต่างๆ มาได้อย่างละเอียดลออถึงขนาดนี้ จึงเป็นผลให้คำถามแรกที่ “เรา” สอบถามอาจารย์วีรยุทธ คือ… 

“สาเหตุที่วัดในประเทศไทยส่วนใหญ่ต้องเน้นเรื่องพุทธพาณิชย์มากมายขนาดนี้ เป็นเพราะวัดมีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่ายใช่หรือไม่?” 

ซึ่งคำตอบที่ได้รับกลับมาแทบจะในทันที คือ “ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ!” 

“คือมันเป็นแบบนี้ครับ จากการที่ผมได้สำรวจมา บางวัดเขาอาจจะมีรายได้อยู่แล้ว หรือบางทีอาจจะมีญาติโยมคอยอุดหนุนเรื่องรายจ่ายอยู่แล้ว ดังนั้น พุทธพาณิชย์ที่เกิดขึ้น อาจจะเป็นเพราะมีคนมาเสนอให้กับทางวัดทำก็ได้ หรืออาจจะเป็นเพราะวัดมีดำริที่จะทำบ้างก็ได้ 

อีกทั้งจะว่าไป ประเด็นที่ว่า...วัดทำเพราะมีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่ายหรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องที่หาข้อมูลในส่วนนี้ได้ยากมาก (ลากเสียง) อีกด้วย” 

วัดสามารถปฏิเสธการทำพุทธพาณิชย์ได้หรือไม่? :   

“ปฏิเสธได้ครับ ผมคิดว่าพระปฏิเสธได้แน่นอน” 

พุทธพาณิชย์เป็นกิจของสงฆ์หรือไม่? : 

“ผมขอตอบแบบนี้ดีกว่าครับ คือ ในกรณีที่เรามองว่าการขายของไม่ใช่กิจของพระ คำถามที่ผมอยากชวนคิด คือ ระหว่างพระผลิตเครื่องรางของขลังมาให้เช่าบูชา กับพระผลิตหนังสือธรรมะออกมาให้ญาติช่วยกันบริจาค ต่างกันหรือไม่ แล้วเพราะอะไรจึงแตกต่างกัน?

ในมุมมองคนส่วนใหญ่ กรณีพระผลิตหนังสือธรรมะออกมาเพื่อเปิดรับบริจาค ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะมองว่ามีความเชื่อมโยงเรื่องการเผยแผ่พระพุทธศาสนา 

หากแต่ในทางกลับกัน คุณคิดว่าปัจจุบันพระเครื่อง พระบูชา เครื่องรางของขลังต่างๆ ที่แต่เดิมถูกสร้างขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ คือ ให้ระลึกถึงหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้น ในปัจจุบันยังคงทำหน้าที่เช่นนั้นอยู่หรือไม่? 

ซึ่งหากคุณมีคำตอบในใจว่า พระเครื่อง พระบูชา เครื่องรางของขลังต่างๆ ในปัจจุบัน ไม่ได้ทำหน้าที่เช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว คำตอบสำหรับประเด็นนี้ก็คือ...ไม่ใช่กิจของสงฆ์แน่นอน” 

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เพราะอะไรจึงไม่มีการจัดระเบียบเพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าแบบใดทำได้ แบบใดทำไม่ได้?

ผู้เชี่ยวชาญด้านปรัชญาและศาสนา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ครุ่นคิดสักครู่หนึ่ง ก่อนตอบคำถามนี้ของทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ด้วยน้ำเสียงเนิบนาบว่า...

“แล้วคุณว่าปัจจุบันพระชั้นผู้ใหญ่ยังทำกันอยู่หรือเปล่า? (หัวเราะ) เมื่อเป็นแบบนี้มันก็น่าจะเป็นเรื่องยากที่จะมีใครเข้าไปจัดการ หรือจัดระเบียบ เพราะก่อนหน้านี้เคยมีความพยายามที่จะเข้าไปจัดระเบียบ แล้วของพวกนี้ก็หายไปจากวัดได้ระยะหนึ่ง 

อีกจุดหนึ่งที่ผมอยากตั้งข้อสังเกต คือ พรรคการเมืองบางพรรค หรือนักการเมืองบางคนเอง ผมก็ยังเห็นพูดกันอยู่เลยว่า ของแบบนี้ (พุทธพาณิชย์) ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านการผลิตสิ่งของ การท่องเที่ยว จนกระทั่งนำไปสู่การกระจายรายได้ไปยังท้องถิ่นต่างๆ เพราะฉะนั้นมันก็คงเป็นเรื่องยากที่จะมีใครอยากจะเข้าไปขวางทาง 

แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะแชร์ข้อมูลที่ได้จากงานวิจัยชิ้นนี้ คือ พระที่อยู่ตามวัดส่วนใหญ่นั้นโดยปกติ ท่านก็ไม่ค่อยรู้จักใครหรอก แต่เป็นฝ่ายฆราวาสเสียเองที่มักจะพยายามเข้าไปติดต่อกับทางวัด เพื่อจะดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด เช่น การเข้าไปติดต่อเพื่อขอบูรณะวัด จนกระทั่งเกิดเป็นความร่วมมือระหว่างกันขึ้น เป็นต้น”

สำหรับใน EP.2 “อาจารย์วีรยุทธ เกิดในมงคล” จะมาขยายความถึงปัญหาในรูปแบบต่างๆ ที่เกิดกับวัด อันเป็นผลที่มาจากพุทธพาณิชย์ โปรดติดตามตอนต่อไป 

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน 

กราฟิก : Anon Chantanant 

ติดตามอ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม