คุยกับ 'ผศ.สุรัตน์ โหราชัยกุล' เรื่องอินเดียกับการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ พร้อมวิเคราะห์ 4 จุดแข็งสู่ความสำเร็จ เชื่อ อินเดียมีสิทธิ์ผงาดสู่ท็อป 3 ผู้นำ AI โลกย้อนกลับไปเมื่อ 23 สิงหาคม 2566 ประมาณ 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย 'อินเดีย' สามารถส่งยานอวกาศ Chandrayaan-3 ลงจอดขั้วโลกใต้ของดวงจันทร์ได้สำเร็จ ทำให้อินเดียกลายเป็นชาติที่ 4 ของโลก ถัดจากสหรัฐอเมริกา จีน และอดีตสหภาพโซเวียต ที่พิชิตดวงจันทร์ได้สำเร็จ เรียกได้ว่าจากภารกิจดังกล่าว ทั่วโลกหันมาจับตาอินเดีย และแสดงความคิดเห็นว่า ประเทศแห่งต้นกำเนิดอารยธรรมนี้ อาจจะกลายเป็นหนึ่งในผู้นำด้านอวกาศตัวท็อปก็เป็นได้!อ่านเพิ่มเติม : 'อินเดีย' กับการซื้ออนาคตที่ทอดยาวถึงดวงจันทร์อินเดียดูจะพัฒนารุกหน้าแบบไม่หยุดหย่อน เพราะในเดือนมีนาคมปีนี้เอง ทาง Makerlabs Edutech บริษัทเทคโนโลยีด้านการศึกษาของอินเดีย ได้เปิดตัวคุณครูหุ่นยนต์ AI ตัวแรกของประเทศ เธอมีนามว่า IRIS สวมส่าหรีสีม่วง-ชมพู สามารถหมุนคอ หรือยกแขนเพื่อโต้ตอบนักเรียนได้ โดยใช้เทคโนโลยี AI ในการประมวลผล และมีการติดตั้งล้อไว้ที่ขา ทำให้ IRIS สามารถเคลื่อนที่ได้ตามต้องการจุดเด่นของ IRIS คือ สอนได้หลากหลายวิชา ตามเนื้อหาที่ได้ตั้งค่าไว้ นอกจากนั้นเธอยังสามารถตอบคำถามทางวิชาการที่ซับซ้อนได้ และพูดได้หลายภาษาอีกด้วย บอกได้เลยว่านี่แหละ! คืออีกความก้าวหน้าของมนุษยชาติ!อย่างไรก็ตาม เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา IRIS ถูกส่งไปทดลองสอนครั้งแรกที่ KTCT Higher Secondary School เมืองติรุวนันตปุรัม รัฐเกรละ ทางตอนใต้ของประเทศ และถือว่าเธอยังอยู่ในช่วงของการทดสอบและพัฒนา เราก็ต้องจับตาดูกันต่อไป เพราะเธออาจกลายเป็นแรงสำคัญที่ขับเคลื่อนการศึกษาของอินเดีย ในวันที่ครูในประเทศกำลังขาดแคลนทุ่มงบด้าน AI สูงถึง 1.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ : ความทุ่มเทด้าน AI ของรัฐบาลอินเดีย ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่ IRIS เป็นแน่ แต่พวกเขาจริงจังมากกว่านั้น! เพราะเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 7 มีนาคม 2567 รัฐบาลอินเดียประกาศอนุมัติการลงทุน ในโครงการที่เกี่ยวข้องกับ 'ปัญญาประดิษฐ์' (AI) ด้วยงบประมาณ '103 พันล้านรูปี' หรือประมาณ 1.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หากคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 44,625 ล้านบาทสำนักข่าว REUTERS รายงานว่า สมาคมบริษัทซอฟต์แวร์ และบริการแห่งชาติ หรือ NASSCOM (National Association of Software and Service Companies) ของอินเดีย ประเมินมูลค่าตลาด AI ของอินเดียไว้ว่า ภายในปี 2027 น่าจะมีมูลค่าสูงถึง 17,000 ล้านดอลลาร์ และระหว่างปี 2024-2027 จะเติบโตได้ 25-35% ต่อปีอินเดียให้ความสำคัญด้านเทคโนโลยีมาตลอด : จากข้อมูลที่ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้กล่าวมาข้างต้น เราจึงต่อสายตรงไปถึง 'ผศ.สุรัตน์ โหราชัยกุล' ผู้อำนวยการศูนย์อินเดียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อเชิญอาจารย์เลคเชอร์ วิเคราะห์ว่าเหตุใดอินเดียจึงทุ่มงบให้กับเรื่องนี้ และมีปัจจัยใดบ้าง ที่น่าจะทำให้พวกเขา ก้าวสู่ 1 ในมหาอำนาจด้านปัญญาประดิษฐ์ผศ.สุรัตน์ กล่าวเปิดประเด็นนี้ว่า ความจริงแล้วอินเดียไม่ได้เพิ่งหันมาสนใจเรื่อง AI เพราะเรื่องนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการด้านเทคโนโลยี ซึ่งอินเดียให้ความสำคัญมาโดยตลอด ถ้าลองย้อนกลับไปดูนายกรัฐมนตรีอินเดียคนแรก อย่าง 'ยาวาฮาร์ลาล เนห์รู' ท่านก็สร้างสถาบันที่มีชื่อว่า Indian Institutes of Technology หรือ IIT ที่เน้นการเรียนการสอนภาคปฏิบัติ วางเป้าหมายสร้างวิศวกรใหม่ๆ"อินเดียเขามีประสบการณ์ทางนี้อยู่แล้ว เพราะถ้าลองสังเกตดู จะเห็นว่าคนอินเดียที่ไปทำงานต่างชาติก็สร้างชื่อเสียงไม่น้อยเลย ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี หรือไฮเทค รวมไปถึงเริ่มกำลังเข้าไปสู่ AI แล้ว ดังนั้น สิ่งที่พัฒนาการระดับโลกแบบนี้ อินเดียก็หมุนตามไปด้วย"ผอ.ศูนย์อินเดียศึกษา แสดงความคิดเห็นต่อว่า อินเดียเขาก็มองว่า ตัวเองมีความสามารถที่จะแซงชาติอื่นๆ ได้ เขามั่นใจและเชื่อมั่นศักยภาพของคน ผมเชื่อว่าที่มีการทำนายมูลค่าตลาด และเปอร์เซ็นต์การเติบโตด้าน AI ของพวกเขา ก็น่าจะเป็นไปได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกผศ.สุรัตน์ เลคเชอร์ความรู้เพิ่มเติมว่า อินเดียมีคนทำงานด้าน AI ในประเทศมากกว่า 420,000 คน ยังไม่ได้นับรวมกับคนสัญชาติอินเดียที่อยู่นอกประเทศอีก ส่วนโปรเจกต์ด้านการลงทุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นของรัฐบาล เอกชน หรือหน่วยงานที่เป็นเอกเทศ ก็มีการลงทุนเกี่ยวกับ AI ทั้งนั้น มีรายละเอียดต่างกันเล็กน้อย แต่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาจริงจังเรื่องนี้มากAI = America + India : ผศ.สุรัตน์ เชื่อมั่นว่า AI จริงจังกับเรื่องนี้แน่นอน เพราะเมื่อปีที่ผ่านมา 'นเรนทรา โมดี' นายกรัฐมนตรีแห่งอินเดีย ได้เดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา และได้รับเชิญให้กล่าวสุนทรพจน์ในสภาคองเกรส (United States Congress)"นายกฯ โมดีกล่าวประมาณว่า AI ย่อมากจาก America และ India พูดง่ายๆ มันเป็นโจ๊กที่มีนัยสำคัญ เพราะแสดงถึงความร่วมมือระหว่างสองประเทศที่เขาเข้ามาตกลงกัน แล้วจะทำให้พวกเขาสามารถพัฒนาหลายอย่างได้"ผศ.สุรัตน์ บอกว่า อินเดีย กับ อเมริกา มีความร่วมมือกันเรื่อง AI และ เทคโนโลยีแบบค่อนข้างใกล้ชิดสนิทสนม มีการแบ่งปันองค์ความรู้กันด้วย ไม่ใช่เพียงเทคโนโลยี AI อย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องของอาวุธยุธโธปกรณ์ อวกาศ ที่บริษัทเอกชนต่างๆ ที่อาจจะร่วมมือกัน"ผมได้จัดรายการวิทยุ หลังจากที่นายกฯ โมดีเยือนสหรัฐฯ ผมก็บอกว่า นี่เป็นการเยือนที่สำคัญมากๆ ครั้งหนึ่งเลย เพราะมันจะบอกว่า ต่อจากนี้เขาจะร่วมกันเป็นพันธมิตรกันด้านนี้"ผศ.สุรัตน์ มองว่า เรื่อง AI ไม่ใช่เรื่องของประเทศเดียว มีเพียงบางอย่างที่อาจเป็นความลับ เช่น อาวุธ แต่โดยรวมแล้ว ผมมองว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่จะต้องหมุนไปด้วยกันทั้งโลก ใครที่ยังเจ๋งไม่พอก็ต้องเร่งปรับตัวให้ทันการพัฒนา AI ของอินเดีย เทียบกับชาติอื่น : ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ สอบถามความคิดเห็นของอาจารย์ว่า วงการ AI ของอินเดีย อยู่จุดไหน หรือเป็นอย่างไร เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆผศ.สุรัตน์ มองว่า ถ้าเราไปดูเรื่องของ Startup ด้าน AI อันดับของอินเดียก็น่าจะอยู่ 1 ใน 5 ของโลกแล้ว และแนวโน้มที่จะก้าวไปสู่ 1 ใน 3 ก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ"ที่ผมบอกแบบนั้น เพราะต้องอย่าลืมว่า ถ้าพูดถึง 'อินเดีย' คุณจะมองแค่คนในประเทศอินเดียอย่างเดียวไม่ได้ ยังมีชาวอินเดียโพ้นทะเลอีกจำนวนมาก ซึ่งหลายคนก็ประสบความสำเร็จด้านนี้ไม่ใช่น้อย""มีทั้งคนที่เป็นลูกจ้างในบริษัทยักษ์ใหญ่ หรือมีธุรกิจส่วนตัว ที่เชื่อมต่อกับมาตุภูมิ การลงทุนไม่ได้มีภายในประเทศเพียงอย่างเดียว โลกปัจจุบันได้ข้ามพรมแดนไปหลายมิติแล้ว"ผศ.สุรัตน์ แสดงความคิดเห็นต่อว่า ในอนาคตอันใกล้ อินเดียมีสิทธิ์ผงาดขึ้นเป็นท็อป 3 ได้ไม่ยาก เพราะว่าคนของเขาแสดงศักยภาพแล้ว หลายบริษัทชั้นนำของโลกด้านเทคโนโลยี ก็มีคนอินเดียเข้าไปร่วมสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ4 ปัจจัยพาอินเดียผงาดสู่ผู้นำด้าน AI : เมื่อถามว่ามีปัจจัยใดบ้าง ที่น่าจะนำพาอินเดีย ไปสู่ความสำเร็จด้าน AI แบบที่รัฐบาลมุ่งมั่นและทุ่มเทอยากให้เป็น?คำตอบของคำถามนี้ ผศ.สุรัตน์ มองว่า มี 4 ปัจจัย ที่ส่วนตัวผมมองว่า เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก โดยปัจจัยที่แรก คือ ทักษะความสามารถของคน เนื่องจากในประเทศมีชาวอินเดีย ที่เรียนอยู่ระดับปริญญาเอกเยอะมาก และการศึกษาของพวกเขา ก็ไม่ต้องมานั่งเขียนดุษฎีนิพนธ์ แบบที่บ้านเราคุ้นเคยกันแล้ว "หากเรียนด้าน AI หรือ IT นักศึกษาจะใช้ Startup เป็นโปรเจกต์จบการศึกษา พวกเขามองว่าการปฏิบัติเป็นสิ่งสำคัญ ต้องก้าวให้ทันโลก นักศึกษาปริญญาเอกหลายคน จึงนำโปรเจกต์ที่ทำร่วมกับบริษัทในอินเดีย เข้าเป็นหัวข้อการศึกษา ทำให้วันนำเสนอของพวกเขาไม่ได้มีแค่เอกสาร"ผศ.สุรัตน์ กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นที่ 2 ที่ผมเห็นและพยายามติดตามอินเดียมาโดยตลอด นั่นก็คือเขาค่อนข้างใช้เงินลงทุนงานวิจัยมากขึ้น ซึ่งงบประมาณดังกล่าว ไม่ได้มาจากรัฐบาลเพียงอย่างเดียว แต่มีเอกชนเข้ามาร่วมสนับสนุนด้วย งานวิจัยด้าน AI ของพวกเขาเพิ่มขึ้นประมาณ 4-5 เท่า และต่างก็ถือเป็นผลงานที่มีมาตรฐานระดับสูงประเด็นต่อมาเกี่ยวข้องกับ 'สิทธิบัตร' ปัจจุบันการจดสิทธิบัตรในอินเดียเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังอาจจะสู้สหรัฐฯ ไม่ได้ เพราะทางนั้นเขาเข้าไปสู่ระบบเรื่องสิทธิบัตรชัดเจนตั้งแต่เริ่มแรก อย่างไรก็ตาม การที่อินเดียให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิบัตร ถือว่าเป็นข้อดีมาก เพราะหลายประเทศก็ซีเรียสเรื่องนี้"ผมเคยได้มีโอกาสเข้าร่วมการประชุม และนั่งดูเอกสารสิทธิบัตร ทำให้เห็นว่าประเทศตะวันตก เข้าไปลงทุนเรื่อง AI กับอินเดียไม่น้อยเลย เพราะพวกเขามีความไว้เนื้อเชื่อใจให้อินเดีย"ผศ.สุรัตน์ เล่าต่อว่า ในวงการประชุมครั้งนั้น มีการถามขึ้นมาว่า ทำไมถึงเลือกลงทุนที่อินเดีย ก็มีคนตอบว่า เพราะอินเดียมีศักยภาพ คนก็พูดภาษาอังกฤษได้ และเชื่อใจว่าอินเดียจะไม่ลักขโมยของที่เป็นสิทธิบัตรพวกเขาเข้าสู่ ประเด็นสุดท้าย ผอ.ศูนย์อินเดียศึกษา มองว่า จาก 3 ประเด็นข้างต้น ทำให้บริษัทด้าน AI เข้ามาลงทุนเรื่องนี้ในอินเดียเพิ่มมากขึ้น แต่การลงทุนนี้จะเชื่อมกับอเมริกาเป็นหลัก ส่วนทางออสเตรเลีย หรือประเทศแถบยุโรป ก็มีแต่ว่าน้อยมาก อินเดียกำลังไปต่อโดยไม่หยุดนิ่ง : ผศ.สุรัตน์ แสดงความคิดเห็นว่า อินเดียดูเหมือนว่าประเทศจะใหญ่ และดูอุ้ยอ้าย แต่กลับกลายเป็นว่ารวดเร็ว และปรับเปลี่ยนได้อย่างไว เลยทำให้พวกเขาน่าสนใจอย่างตอนที่เปิดตัวหุ่นยนต์ครู ทั่วโลกพูดถึงเรื่องนี้กัน เพราะเป็นความก้าวหน้าของ AI ที่อินเดีย ทุกคนจับตามองว่า หุ่นยนต์นี้จะสามารถทำอะไรได้หรือไม่ได้ ในขณะเดียวกันนานาประเทศ ก็พยายามเปรียบเทียบศักยภาพของอินเดียกับประเทศต่างๆ เช่น จีน สหรัฐฯ ผศ.สุรัตน์ กล่าวว่า อินเดียกำลังไปต่อแบบไม่หยุดนิ่ง พวกเขาเชื่อมั่นศักยภาพที่มี ทั้งคิดเองและทำเอง ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญมาก เพราะเขาไม่ได้นั่งรอซื้อทุกอย่างจากคนอื่น แม้ว่าการที่ประเทศสามารถซื้อหลายอย่างจากประเทศอื่นได้ จะแสดงถึงความมั่งคั่ง แต่ไม่ได้มีศักยภาพสร้างนวัตกรรมเอง อินเดียอยากยืนได้ด้วยตัวเอง เขาจึงพยายามอย่างหนักอาจารย์สุรัตน์ เชื่อว่า แม้อินเดียจะประสบความสำเร็จ แต่เขาก็จะไม่ทิ้งคนอื่น เพราะเวลานายกฯ โมดีกล่าวถึงการพัฒนา จะพูดคำว่า Global อยู่ตลอด หมายความว่า การจะทะยานขึ้นเป็นมหาอำนาจได้ จะคิดถึงแค่ตัวเองไม่ได้ ผมเคยพูดไว้ว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโครงการอวกาศ หรืออะไรก็ตามแต่ ทางอินเดียก็พร้อมแบ่งปันข้อมูลอยากเห็นเมืองไทยไปไกลกว่านี้ : ก่อนการสนทนาครั้งนี้จะจบลง ผศ.สุรัตน์ โหราชัยกุล ฝากทิ้งท้ายว่า ในส่วนของประเทศไทย ผมเชื่อว่าเราก็สามารถพัฒนาด้าน AI หรือเทคโนโลยีได้ และอาจทำได้ดีด้วย ไม่อยากให้คนในชาติมองว่า เราไปขอใช้เอาก็ได้ ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่สำหรับผมมันน่าจะไปได้มากกว่านั้น ลูกหลานเยาวชนเราก็เก่ง แต่เราต้องช่วยกันสร้างสังคมให้ดี เอื้อให้เขาพร้อมปฏิบัติ"หากใครมีลูกหลานที่มีความสามารถ แล้วอยากเรียน ป.โท หรือ ป.เอก ในอินเดีย ผมแนะนำที่สถาบัน IIT เพราะเขามีทุนให้ชาวอาเซียนประมาณ 1,000 ทุน/ปี""แต่ถ้ายังสอบ IELTS หรือ TOEFL ไม่ผ่าน แล้วสนใจจริงๆ หากทางมหาวิทยาลัยมองเห็นศักยภาพของคุณ เขาจะสัมภาษณ์โดยตรงผ่านทางออนไลน์พอ เรื่องภาษาอังกฤษทางมหาวิทยาลัย จะช่วยเตรียมตัวให้อีกแรง"ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงานอ่านบทความที่น่าสนใจ : 'อินเดีย' กับการซื้ออนาคตที่ทอดยาวถึงดวงจันทร์สหรัฐฯ แบน TikTok เสรีภาพถูกตั้งคำถาม ความสัมพันธ์ส่อแย่ลง!ปัญหา 'ผีน้อย' ส่อญี่ปุ่นเลิกฟรีวีซ่า โอกาสที่อาจสูญเสียนาซากับการเตรียมส่งมนุษย์ไปดาวอังคารฟอน บราวน์... จากนาซีฆาตกร สู่ฮีโร่พิชิตดวงจันทร์