เปิดรายได้ภูเก็ต แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไทย แค่เดือนเดียว นักท่องเที่ยวต่างชาติเกือบล้าน สะพัด 4 หมื่นล้าน กับปัญหาคดีความเฉลี่ยเดือนละ 400 คดี ...
ต้องยอมรับว่า ปีนี้ “ภูเก็ต” ถือว่าร้อนแรงจริงๆ ทั้งนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามา และปัญหาที่เกิดขึ้น
จากข้อมูลของ ททท. ที่เก็บในเดือนมกราคม 2567 พบว่า มีผู้เยี่ยมเยือนเดินทางมาทั้งสิ้น 1,204,813 คน แบ่งเป็น นักท่องเที่ยวชาวไทย 259,643 คน และ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จำนวน 945,170 คน เงินสะพัด 45,195 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายจ่ายของคนไทย 1,964.98 ล้านบาท และชาวต่างชาติ 43,230.02 ล้านบาท
นี่ คือ ตัวเลขเพียงเดือนเดียว เดือนแรกของปี ในส่วนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
แต่เมื่อหันมาดู “ปัญหา” ในรอบ 3 เดือน ที่ผ่านมา “ภูเก็ต” ก็เป็นข่าวหน้า 1 มาแล้วหลายเรื่อง ไล่ตั้งแต่ นายเดวิด ณ ปางช้าง ภูเก็ต “ฝรั่งสวิส” ที่มีข่าวตั้งแต่ เตะหมอ บุกรุกหาด ชูนิ้วกลาง และเวลานี้ กำลังถูกตรวจสอบอีกหลายเรื่อง และทำท่าจะถูก “อัปเปหิ”
...
ในเวลาต่อมา ก็มี “ฝรั่งกีวี” หรือ 2 นักท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ ฝีมือมวยระดับ MMA ทำร้ายตำรวจจราจร แย่งปืน ยังดีที่เรื่องนี้ ถูกถ่ายคลิปเอาไว้ กลายเป็น “เคสระดับโลก” ไปเลย เพราะไม่เคยเห็นนักท่องเที่ยวประเทศใด อุกอาจขนาดนี้...
จากประเด็นทั้งหมด ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้พูดคุยกับ นายธเนศ ตันติพิริยะกิจ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวภูเก็ต ได้กล่าวถึงภาพรวมปัญหา และภาพรวมของธุรกิจท่องเที่ยวว่ากำลังเติบโตอย่างดี
การเติบโตการท่องเที่ยวภูเก็ต ได้นักท่องเที่ยวคุณภาพ
นายธเนศ เผยว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวภูเก็ตในไตรมาสแรก นักท่องเที่ยวที่มาส่วนใหญ่ยังคงเป็นตลาดเดิม ได้แก่ รัสเซีย จีน อินเดีย โดยทั้ง 3 ตลาดนั้น ภาพรวมดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ปัจจัย จาก 2 ปัจจัย
ปัจจัยที่ 1 : ราคาต่อไฟลต์บิน ราคาเริ่มถูกลง และเป็นช่วงเวลาแห่งการท่องเที่ยว โดยเฉพาะจีน เนื่องจากเป็นช่วงตรุษจีน
ถ้าจะเห็นภาพง่ายๆ เมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวจีน
หากเทียบตัวเลขเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์
ปี 2019 นั้นตัวเลขเท่ากับ 100%
ปี 2023 = 30%
ปี 2024 = มากกว่า 50%
ดังนั้น เมื่อเทียบกับตัวเลขในปี 2019 สำหรับต้นปีนี้ถือว่าตัวเลขเติบโตขึ้นเยอะ...
ปัจจัยที่ 2 : พฤติกรรมการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไป การเดินทางเป็นกรุ๊ปทัวร์น้อยลง แต่เป็นการเดินทางแบบ Free Individual Traveler (F.I.T) หรือ ท่องเที่ยวเข้าพักแบบลำพัง และที่สำคัญคือ “ภูเก็ต” เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ชาวจีน รักหรือชอบอยู่แล้ว
“เวลานี้ตลาดจีน เปลี่ยนเป็นตลาดคุณภาพไปแล้ว เพราะจากข้อมูลจากหลายช่องทางพบว่า นักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาภูเก็ต อยู่นานขึ้นถึง 3 เท่า จากเดิมที่อยู่เพียง 2-3 วัน ปัจจุบันอยู่นานมากกว่า 7 วัน หากนำคืนที่พักมาคำนวณ ก็จะพบว่า คนจีนมาใช้ห้องพักเพิ่มขึ้น 100 กว่าเปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ จากตัวเลขของ “อารีเปย์” ก็พบว่า ตัวเลขคนจีนมาใช้จ่ายในเมืองไทยเพิ่มขึ้น 4.5 เท่า หากเราเอาทุกอย่างมาคำนวณ ทั้งนักท่องเที่ยว การใช้จ่าย การพักแรมที่อยู่นานขึ้น ก็เท่ากับว่า เราได้ “รายได้” จากตลาดจีนโตขึ้นเกือบ 200%” นายธเนศ กล่าวและว่า
...
ที่สำคัญคือ การใช้จ่ายในปีนี้ แตกต่างจากปี 2019 เนื่องจาก การใช้จ่ายเวลานั้นเป็นการใช้จ่ายแบบเฉพาะกลุ่ม เช่น โรงแรม ช็อปปิ้ง แต่ในปี 2024 นี้ เงินกระจายไปถึงทุกระดับ โรงแรมเล็กใหญ่ ราคาหลักพันถึงแสน ร้านอาหาร ราคาตั้งแต่หลักสิบถึงหลักหมื่นบาท
“เงินจากอารีเปย์พลัสที่เขาใช้ จ่ายกับสตรีทฟู้ดเล็กๆ จนถึงระดับหรูหราราคาแพง แปลว่า เงินที่ใช้จ่ายนั้น ไปถึงคนท้องถิ่นด้วย”
นอกจากตลาดนอกแล้ว อีกหนึ่งตลาดที่น่าสนใจ คือ “ตลาดคนไทย” โดยเฉพาะช่วงมีนาคม-เมษายน เป็นช่วงสงกรานต์และปิดเทอม ที่สำคัญ คนไทย มีพฤติกรรมท่องเที่ยวเปลี่ยนไป เดิมทีจะมาอยู่ในตัวเมือง แต่ปัจจุบันก็เริ่มไปพักชายทะเลมากขึ้น และมีการท่องเที่ยวระดับชุมชนมากขึ้น
“จากการคาดการณ์ของ ททท. เชื่อว่า สงกรานต์นี้ จะมีคนไทยและต่างชาติมาเที่ยวภูเก็ตเพิ่มขึ้น 2.5 แสนคน และน่าจะมีรายได้เพิ่มอีก 8 พันล้าน เพราะอัตราการจองห้องพักค่อนข้างจะดี ซึ่งตอนนี้มีการจองโรงแรมทั้งเกาะแล้ว 80%”
ตั๋วเครื่องบินแพง!
นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวภูเก็ต อธิบายปัญหาตั๋วเครื่องบินแพง ว่า เรื่องนี้ต้องแบ่งออกเป็น 2-3 ประเด็นคือ 1.เป็นเรื่อง Demand & Supply แปลว่า เป็นเรื่องของเอกชนและรัฐบาลควบคุมได้ยาก สิ่งที่พอจะคุมได้ คือ มาตรฐานราคาต่อกิโลเมตร สามารถชาร์จได้ไม่เกินเท่าไร ซึ่งสิ่งรู้อยู่แล้ว คือ หากเป็นสายการบินโลว์คอสต์ จะไม่เกิน 9.40 บาท ถ้าเป็น Full Service ก็ประมาณกิโลเมตรละ 13 บาท หากคูณ 800 กิโลเมตร เข้าไป ราคามันอาจจะไกลมาก เพียงแต่ที่ผ่านมา เราไม่เคยเจอราคาแพงเกินกว่านี้...
“หากจะให้ราคาถูกกว่านี้ ภาครัฐอาจจะต้องมาสนับสนุนเรื่องต่างๆ เช่น ค่าน้ำมัน ค่าลงจอด ค่าหลุมจอด ซึ่งหากจะทำมันอาจจะไม่ค่อยแฟร์กับคนทั่วไป เพราะอาจไม่จำเป็นต้องมาสนับสนุนเฉพาะกลุ่ม”
...
นายธเนศ อธิบายปัญหาเรื่องตั๋วเครื่องบิน ว่า เมื่อก่อน ตอนภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ นั้น มีเครื่องบินจากการบินไทย ที่บินจาก “ทั่วโลก” รวมถึงในประเทศด้วย วันละ 14 ไฟลต์ แต่หลังจากเปิดประเทศ ไฟลต์จากต่างประเทศ ถูกยกเลิกหมด เพราะหมุดหมายมาลงสุวรรณภูมิ ขณะที่ การบินในประเทศ เวลานี้ มีไฟลต์มาลงภูเก็ต 130 -140 ไฟลต์ ต่อวัน ซึ่งเป็นอะไรที่เยอะมาก ซึ่งราคาก็ขึ้นอยู่กับการจอง เช่น หากคุณซื้อวันนี้ จะไปวันนี้ คุณอาจจะโดนสัก 5,000 บาท หากอีก 2 สัปดาห์จะบิน 2,000-3,000 บาท แต่ถ้าคุณจะบินเดือนหน้า ราคาก็อาจจะลดลง เหลือพันกว่าบาท ไปกลับ เหลือ 3,000 กว่าบาท
ดังนั้น เรื่องราคาตรงนี้ไม่ได้มีปัญหาแค่ตั๋วเครื่องบิน มันรวมไปถึง ราคาโรงแรม ด้วย ซึ่งในภูเก็ตเองก็มีเป้าหมายในการท่องเที่ยวสำหรับคนทุกกลุ่ม โรงแรมหลักร้อยที่นี่ก็มี...ดังนั้น สิ่งที่จะบอก คือ การท่องเที่ยวในภูเก็ต เราสามารถวางแผน และเลือกได้
ตอนนี้ตัวเลขเดียว ที่เราสู้ปี 2019 ไม่ได้ คือ “จำนวนนักท่องเที่ยว” แต่ตัวเลขที่เหลือนั้น เช่น รายได้ เราได้มีการสำรวจผู้ประกอบการโรงแรม สถานบันเทิง พบว่า โดยเฉลี่ยนั้นดีกว่าปี 2019 แล้ว แต่จำนวนนักท่องเที่ยวอาจไม่เท่ากัน ซึ่งคำตอบของเรื่องนี้คือ 75% ของนักท่องเที่ยวที่เข้ามา เป็นนักท่องเที่ยวหน้าใหม่ และอยู่นานขึ้น ทำให้ตลาดการท่องเที่ยวเปลี่ยนไป...
...
“สิ่งที่ สมาคมเน้นย้ำกับผู้ประกอบการภูเก็ตตลอด คือ ราคาเฉลี่ยในการใช้บริการนั้น มีการขยับขึ้น แปลว่า ลูกค้าก็คาดหวังการบริการที่ดีขึ้นตาม ดังนั้น เราทุกคนต้องช่วยกันคิดและทำเรื่องนี้ด้วย เนื่องจากหากลูกค้าใหม่ 75% ดังกล่าว นั้นอาจจะมาซ้ำ หรือไม่มาก็ได้ จังหวัดภูเก็ต โฟกัสที่นักท่องเที่ยวคุณภาพ ดังนั้น สายงานบริการก็ต้องพัฒนาตัวเองด้วย...”
นักท่องเที่ยว กับการสร้างปัญหา เฉลี่ย 400 คดี/เดือน
นายธเนศ เล่าเบื้องหลังการทำงานในการป้องกัน นักท่องเที่ยวมาสร้างปัญหาว่า ที่ผ่านมา มีการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยระดับจังหวัด รวมถึง ตำรวจ เช่น ผู้การจังหวัด โดยเราให้ความสำคัญกับ Safety Factor มาโดยตลอด และที่ผ่านมา เรามีการพูดคุยประชุมเรื่องนี้อยู่ตลอด ไม่ใช่แค่หน่วยงานราชการ หรือ เอกชน แต่ในภูเก็ตเรามี “กงสุล” และกงสุลกิตติมศักดิ์ เกือบ 30 ประเทศทั่วโลก และร่วมประชุมกับผู้ว่าฯ และมีการอัปเดตข้อมูลอยู่ตลอด
ดังนั้น หากมีการก่อเหตุโดยฝรั่งคนใด ที่กระทำผิดกฎหมาย ก็จะมีการบังคับใช้กฎหมายสูงสุด ซึ่งในส่วนของเจ้าหน้าที่เอง อาจจะต้องระมัดระวังด้วย
เหนือสิ่งอื่นใด นักท่องเที่ยวคุณภาพ สำหรับเรา อันดับ 1 ต้องเคารพกฎหมาย วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของเราก่อน ส่วนจะมาอยู่นาน ใช้จ่ายเงินดี นี่คือเรื่องรองลงมา การมาอยู่ภูเก็ต แล้วมาประกาศว่าจะทำอะไรก็ได้ แบบนี้ไม่เหมาะสม
เราต้องยอมรับความจริง คือ หากเป็นข่าวที่เกิดขึ้นในภูเก็ตแล้ว มักจะถูกฉายซ้ำ ทั้งไทย และโลกใบนี้ เพราะทุกคนรู้จักเรา
นายธเนศ กล่าวว่า เดือนที่แล้วมีเคสของนายเดวิด เดือนนี้มีเคส 2 ฝรั่งนิวซีแลนด์ ซึ่งมันเป็นข่าวใหญ่ ซึ่งนี่คือ 2 เรื่องที่เกิดขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกเดือน ทางตำรวจภูเก็ต ได้จัดการปัญหา นักท่องเที่ยว ที่เข้ามาแล้วมีปัญหา เดือนละ 400 กว่าเคส แต่เคสส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องจราจร ดังนั้น ตำรวจจึงเข้มงวดมากที่สุด ส่วนปัญหารองลงมาก็เป็นปัญหาเมา ทะเลาะวิวาท
“หากเข้มงวดกับฝรั่ง ก็จะถูกคนในโซเชียลฯ ตั้งคำถามว่า ทำไมจ้องจะจับแต่ฝรั่ง พอมาจับคนไทย ก็จะบอกทำไมจะจับแต่คนไทย ดังนั้น ทางตำรวจเขาพยายามบังคับใช้กฎหมายให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งการทำแบบนี้ จะทำให้ประเทศไทย น่าอยู่ อยากเห็นการบังคับใช้กฎหมาย โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ และฐานะทางสังคม ใครบุกรุกหน้าหาดจัดการหมด หากทำแบบนี้สังคมมันจะเดินไปได้”
เคสที่รับไม่ได้เลย คือ เคสฝรั่งนิวซีแลนด์ เพราะเขาต่อสู้กับตำรวจที่ใส่เครื่องแบบ และกำลังปฏิบัติหน้าที่ ในโลกนี้ไม่มีใครยอมรับได้ ยังดีที่ยังมีคนถ่ายคลิปไว้ แต่ถ้าไม่มีคลิปก็ไม่รู้ผลจะเป็นอย่างไร หรือ ตำรวจ ทำความรุนแรง หรือ ยิงไป มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ถึงแม้ความเป็นจริง หากมีใครไปทำแบบนี้ที่ประเทศอื่น รับรองคือ โดนยิงแน่ๆ เพราะขนาดสนามบินในยุโรป ใช้ปืนกล แต่งทหาร ขณะที่บ้านเรา ต้องซ่อนปืนเอาไว้ และนี่คือเสน่ห์ของบ้านเรา แต่ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยใครมาทำอะไรก็ได้... สิ่งที่ผมรู้สึกกังวลมากๆ คือ “ความรู้สึก” ของคนภูเก็ต ถ้ามันเกิดเรื่องแบบนี้บ่อยๆ คนภูเก็ตอาจไม่รู้สึกมีความสุขกับธุรกิจแบบนี้...
ฝากรัฐบาล เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รองรับคนนับล้าน ไม่ใช่แค่ 4 แสน
สิ่งที่อยากจะฝาก คือ อยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เพียงพอ ยกตัวอย่าง คือ ตั้งแต่เกิดมา จนถึงอายุ 53 ปี ถนนทางเข้าภูเก็ต ก็ยังมีแค่ถนนเส้นเดียว จากที่ไม่เคยมีธุรกิจท่องเที่ยว กระทั่งปัจจุบัน มีนักท่องเที่ยวปีละกว่า 10 ล้านคน มีรายได้หลายแสนล้าน ซึ่งเรื่องนี้ทางรัฐบาลให้คำสัญญาแล้วว่าจะมีถนนเส้นใหม่
การกำจัดขยะ : ภูเก็ตมีเตาเผาขยะได้วันละ 750 ตัน แต่มีขยะ วันละ 1,000 ตัน การแก้ปัญหาคือ การฝังกลบเพิ่มวันละ 250 ตัน
“ตอนนี้รัฐบาลให้ความสำคัญกับ การท่องเที่ยว เพราะเป็นเครื่องยนต์ในการทำเงินเป็นหลัก ฉะนั้น รัฐบาลก็ควรลงทุนกับแผนกนี้ให้มากที่สุด โดยจะผ่านหน่วยงาน อย่าง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEP) หน่วยงานไหนก็ได้ ที่สำคัญคือ เราไม่อยากให้รัฐบาลมองเราว่าเป็นท้องถิ่นที่มีคนแค่ 4 แสนกว่าคน ยังมีคนจากที่อื่นที่มาทำงานอีก 4 กว่าคน มีนักท่องเที่ยว ที่เข้ามาเดือนละนับล้านคน ดังนั้น ก็อยากรัฐบาลมองในบริบทคนจำนวน มากว่า 1.5 ล้านคน ซึ่งเวลานี้ สนามบินภูเก็ตรองรับได้ ปีละ 12 ล้านคน แต่รับจริง 18 ล้านคน กำลังจะขยายเป็น 15 ล้าน รับจริง 24 ล้าน ซึ่งเรื่องนี้ คือข้อเท็จจริง แต่...เวลารัฐบาลประเมินเรื่องต่างๆ จะคิดจากคนจำนวน 4 แสนกว่าคน ดังนั้นจึงอยากให้คิดถึงเรื่องนี้ด้วย..." นายธเนศ กล่าวทิ้งท้าย
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์
อ่านบทความที่น่าสนใจ