เจาะหารากสาเหตุการค้าประเวณีในฟิลิปปินส์ และความพยายามแก้ไขปัญหาของรัฐบาล พร้อมการคาดการณ์ถึงเบื้องหลัง ที่พี่กะเทยปินส์เลือกบินตรงมาแย่งพื้นที่พี่กะเทยไทย...

การค้าประเวณี หรือการขายบริการทางเพศ เป็นเรื่องที่หลายประเทศยังคงมองว่า ผิดกฎหมาย รวมไปถึงประเทศ ฟิลิปปินส์ ด้วย แต่ถึงอย่างนั้น ประเทศฟิลิปปินส์ก็ยังมีการค้าประเวณี และการขายบริการทางเพศอยู่ค่อนข้างมาก 

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ขอพาผู้อ่านทุกคนทำความเข้าใจถึงเรื่อง การขายบริการทางเพศของฟิลิปปินส์ให้มากขึ้น ผ่านการสนทนากับ คุณก้องภัค จารุฑีฆัมพร ซึ่งได้ทำการศึกษาเรื่อง การค้าประเวณีและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีในประเทศฟิลิปปินส์

...

สาเหตุการขายบริการทางเพศในฟิลิปปินส์ : 

คุณก้องภัค กล่าวว่า สังคมฟิลิปปินส์มีลักษณะเป็นสลัมค่อนข้างเยอะ นอกจากนั้นก็ยังมีคนยากจนเยอะมาก มีปัญหาโครงสร้างทางสังคม ประชาชนไม่ได้รับการศึกษาที่ดี และขาดโอกาสหลายอย่าง จึงทำให้ ผู้หญิง หลายคนตัดสินใจประกอบอาชีพค้าประเวณี 

"ส่วนใหญ่ผู้ค้าประเวณีจะเป็นผู้หญิง เพราะว่าประชากรฟิลิปปินส์ ก็ยังมีความเชื่อเรื่อง ชายเป็นใหญ่ ผู้ชายบางคนแม้ว่าจนก็ยังคงไปเรียนต่อ แต่ผู้หญิงบางคนเลือกค้าประเวณี เพราะเป็นอาชีพที่เขามองว่าทำเงินได้ง่าย ยิ่งถ้าเป็น เด็ก ยิ่งได้ราคาดี"

จากการที่คุณก้องได้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ทำให้พบถึงสิ่งที่เหมือนกับ ราก ของปัญหา ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการที่ฟิลิปปินส์เคยตกเป็นอาณานิคมของสเปน ทำให้เกิดการค้าทาสและนำผู้หญิงมาค้าประเวณี เพื่อตอบสนองความต้องการของเจ้าอาณานิคม

อีกทั้งในช่วงสงครามเวียดนาม การค้าประเวณียิ่งได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะทหารอเมริกันเข้ามาตั้งฐานทัพในประเทศ ก็จะมีสาวค้าบริการให้พวกเขา และแม้ว่าสงครามจะจบไปแล้ว แต่วัฒนธรรมบางเรื่องมันยังคงหลงเหลืออยู่ ทำให้ยังมีทหารอเมริกันและชาวต่างชาติ เดินทางเข้ามาที่ฟิลิปปินส์เพื่อใช้บริการโสเภณี 

"อย่างไรก็ตาม สิ่งนั้นทำให้มีปัญหาตามมาคือ ผู้หญิงหลายคนมีลูกที่เกิดกับชาวต่างชาติ ซึ่งบางทีก็ท้องไม่มีพ่อ เกิดปัญหาความยากจนตามมาอีก ทำให้ลูกก็มีแนวโน้มที่จะค้าบริการทางเพศด้วย เพราะหาเงินได้ง่าย โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง กลายเป็นเหมือนวงจรที่ยังวนเวียน"

สาวประเภทสอง กับการค้าประเวณีในฟิลิปปินส์ : 

ทีมข่าวฯ ถามต่อไปว่า แล้วมีสาวประเภทสอง ขายบริการทางเพศบ้างหรือไม่?

คุณก้องภัค ตอบว่า มีแน่นอน สาวประเภทสองในฟิลิปปินส์ก็มีจำนวนค่อนข้างเยอะ ทำให้จำนวนการขายบริการของสาวประเภทสอง รองลงมาจากผู้หญิง แต่มีความแตกต่างกันอยู่บ้าง คือ ภาครัฐจะช่วยเหลือสาวประเภทสองน้อยกว่าผู้หญิง

"ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดๆ คือ ผู้ค้าบริการผู้หญิง มีสิ่งที่เรียกว่า สมุดเหลือง ที่ให้สิทธิไปตรวจร่างกายและตรวจสุขภาพได้ อาจจะเป็นการตรวจเลือด หรือรับถุงยาง ซึ่งมีทั้งฟรีค่าบริการ และคิดค่าบริการที่ถูกลงกว่าปกติ แล้วแต่เขตของฟิลิปปินส์ แต่สาวประเภทสองยังไม่มีในส่วนนี้"

...

ปัญหาจากการค้าประเวณีในฟิลิปปินส์ : 

ฟิลิปปินส์มีความพยายามในการจัดการปัญหาการค้าประเวณี โดยการเข้าไปควบคุม เนื่องจากการค้าประเวณีเป็นสิ่งที่ส่งผลให้ประเทศฟิลิปปินส์ได้รับผลกระทบในด้านต่างๆ รัฐบาลพยายามที่จะขจัดการค้าประเวณีให้หมดไป 

คุณก้องภัค พบว่า ปัญหาจากการค้าประเวณีมีอยู่หลักๆ 3 เรื่อง ได้แก่ สาธารณสุข, สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และเศรษฐกิจ 

ปัญหาของ สาธารณสุข เกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะโรค HIV ที่เพิ่มสูงขึ้น กลุ่มผู้ค้าบริการทางเพศเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง พวกเขาขาดความรู้ในการป้องกัน และขาดทุนซื้อถุงยางอนามัย รัฐก็ต้องเพิ่มงบประมาณค่ารักษาพยาบาล เพราะโรค HIV ค่ายาและค่ารักษาสูง ทำให้รัฐมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นตามไปด้วย

ในส่วนของ สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีความซับซ้อนมาก อย่างที่ได้บอกไป ปัญหานี้เกิดจากคนยากจนหันมาทำงานค้าประเวณี แต่ก็มีผู้ที่ถูกบังคับให้ทำด้วย ส่งผลให้สังคมเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา เช่น การค้าประเวณีในเด็ก แม่เลี้ยงเดี่ยวจาก การด้อยโอกาสทางการศึกษา กลายเป็นปัญหาที่สร้างเป็นวงจรความเหลื่อมล้ำที่ตัดได้ยากในฟิลิปปินส์ 

...

และเรื่องของ เศรษฐกิจ แม้การกระทำนี้จะผิดกฎหมาย แต่ในทางเศรษฐกิจพบว่ามูลค่าของการค้าประเวณีในฟิลิปปินส์สามารถทำรายได้สูงถึง 6 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ แต่รัฐบาลกำหนดให้การค้าประเวณีเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย รัฐจึงไม่สามารถเก็บเงินจากการค้าประเวณี เข้าสู่ระบบที่ถูกต้องตามกฎหมายได้ ขาดเงินส่วนนี้ในการช่วยพัฒนาประเทศ

ความพยายามแก้ปัญหาของรัฐ : 

จากที่คุณก้องภัคได้ทำการศึกษา พบว่า รัฐได้ออกกฎหมายและแผนปฏิบัติ เพื่อพยายามแก้ปัญหาการค้าประเวณีในประเทศให้ดีขึ้น ยกตัวอย่างเช่น 

พระราชบัญญัติสาธารณรัฐหมายเลข 9710 (Magna Carta of Women) พ.ศ. 2552 กำหนดให้การค้าประเวณีเป็นรูปแบบหนึ่งของความรุนแรงต่อสตรี นอกจากนี้ยังมีการกำหนดให้โสเภณีเป็น “สตรีที่ตกอยู่ในสภาวะ ยากลำบากเป็นพิเศษ” และต้องได้รับความช่วยเหลือจากรัฐ  

พระราชบัญญัติต่อต้านการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2546 (แก้ไขเพิ่มเติมปี พ.ศ. 2555) พระราชบัญญัติสาธารณรัฐหมายเลข 9208 หรือ "พระราชบัญญัติต่อต้านการค้ามนุษย์" เป็นกฎหมายที่ว่าด้วยเรื่องของการป้องกันและสนับสนุนผู้ถูกค้าประเวณี จากการคุกคามของความรุนแรง และการแสวงผลประโยชน์ทางเพศจากผู้หญิงและเด็ก มีการกำหนดให้การค้าประเวณีเป็นรูปแบบหนึ่งของการค้ามนุษย์ พ.ร.บ.ฉบับนี้พยายามที่จะลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี

...

พระราชกฤษฎีกาเมืองเกซอน พ.ศ. 2548 กฎหมายฉบับนี้ เป็นกฎหมายที่มีการกำหนดให้โสเภณีเป็นเหยื่อจากการค้าประเวณี และเปลี่ยนมาลงโทษแมงดา แม่เล้าและผู้ที่ซื้อบริการทางเพศแทน

แผนปฏิบัติการระดับชาติ NAPWPS แผนนี้กำหนดสถานะของโสเภณีไว้ในมาตรา 8 ผู้หญิงและเด็กหญิงที่ถูกค้าประเวณี คือเหยื่อของความรุนแรงต่อ บุคคลเหล่าสามารถเข้าถึงการได้รับความช่วยเหลือทางกฎหมายและได้รับการเยียวยาตามกฎหมาย

ปัญหายังคงซับซ้อน และมูลเหตุที่รัฐต้องให้ค้าประเวณีผิดกฎหมาย : 

คุณก้องภัค มองว่า ปัญหาต่างๆ ของการค้าประเวณีในฟิลิปปินส์ยังมีความซับซ้อน เพราะว่าลึกๆ รัฐบาลฟิลิปปินส์ อยากจะทำให้เรื่องนี้ถูกกฎหมายเหมือนเยอรมนี…

แต่มี ปัจจัยด้านวัฒนธรรม เพราะคนในสังคมออกมาต่อต้านกับความคิดนี้ ทำให้จะไปก็ไปได้ไม่เต็มตัว คาดว่าเป็นผลสืบเนื่องจากการเป็นสังคมชาวคริสต์ด้วย ที่มีความเชื่อว่าต้องผัวเดียวเมียเดียว การที่ขายบริการทางเพศ เท่ากับว่าทำผิดต่อพระเจ้า เรื่องนี้จึงเหมือนมีศีลธรรมอันดีของสังคมครอบรัฐบาลเอาไว้

นอกจากนั้นยังมี ปัจจัยภายนอก จากการที่นานาชาติจับตามองฟิลิปปินส์ ในประเด็นของการควบคุมการค้าประเวณีภายในประเทศ เพราะฟิลิปปินส์เป็นประเทศแรกในเอเชียที่ให้สัตยาบันต่อพิธีสารการค้ามนุษย์ 

"การต้องทำสัตยาบัน หรืออนุสัญญาต่างๆ เพราะเป็นเหมือนการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งการทำแบบนั้นจะช่วยให้การทูตดี ดูเป็นประเทศที่ศิวิไลซ์ ฟิลิปปินส์จึงพยายามออกกฎหมายต่างๆ มาสนับสนุน แต่สุดท้ายรัฐบาลก็ยังไปไม่ถึงจุดที่แก้ปัญหาทั้งหมดได้ ทุกอย่างมีความทับซ้อนคลุมเครือไปหมด"

ปัญหาเทาๆ ของการค้าประเวณีที่ฟิลิปปินส์ : 

"เทาๆ" คือคำสั้นๆ ที่คุณก้องภัคใช้สรุปภาพรวมของการขายและซื้อบริการทางเพศในฟิลิปปินส์ 

คุณก้อง กล่าวว่า การค้าประเวณีมีอยู่หลักๆ คือ ถูกกฎหมาย ผิดกฎหมาย ซึ่งตามกฎหมายของฟิลิปปินส์แล้ว เรื่องนี้ก็ยังถือว่า ผิด แต่เป็นความผิดที่ เทาๆ คือตำรวจรู้ว่ามี เห็นว่ามีแต่ไม่จับ สิ่งที่หลายครั้งตำรวจเลือกทำก็คือ การหาผลประโยชน์

"มีกรณีตัวอย่างคือ ตำรวจรู้ว่าสาวประเภทสองขายบริการ เลยเรียกมาไถเงิน แต่พอเขาไม่มีจ่ายตำรวจก็จะซ้อม ทำร้ายร่างกาย หรือบางทีแค่เห็นว่าพกถุงยางเขาก็หาเรื่องแล้ว ยิ่งถ้าไม่มีเงินให้ ก็มีสิทธิ์โดนจับ สิ่งนี้เกิดขึ้นกับเพศอื่นๆ ด้วย ไม่ใช่แค่สาวประเภทสอง"

คุณก้องภัค เน้นย้ำว่า ตราบใดที่เป็นโสเภณี สิ่งที่จะโดนคล้ายกัน คือ การกดขี่ ข่มเหง รีดไถเงิน 

คาดว่าพี่กะเทยปินส์บินมาไทยเพราะรายได้ดีกว่า : 

ทีมข่าวฯ ถามคุณก้องว่า คิดว่าเป็นเพราะสาเหตุใด พี่กะเทยปินส์ จึงเลือกมาแย่งพื้นที่พี่กะเทยไทย และมีการ คาดการณ์ ว่าพวกเขาอาจมาขายบริการด้วย…

คุณก้อง แสดงความคิดเห็นว่า ถ้าการเข้ามาแล้ว อาจจะ มาขายบริการทางเพศ น่าจะมีสาเหตุมาจากการแข่งขันที่ฟิลิปปินส์นั้นสูง ผู้ขายบริการมีให้เลือกเยอะ แต่ผู้ซื้อบริการมักจะให้เงินน้อย แถมยังผู้ขายที่เป็นหญิงแท้ก็มีให้เลือกมากกว่า เมื่อสถานะทางเพศต่างกัน ยิ่งทำให้สาวสองฟิลิปปินส์ถูกกดราคาลงไปอีก

"ผมมองว่า เรื่องนี้ก็สอดคล้องกับการไหลเข้ามาของแรงงาน เพราะคนฟิลิปปินส์ก็เข้ามาทำงานที่ไทยเยอะ เช่น ครูฟิลิปปินส์ ซึ่งเขามาเพราะทำเงินได้ดีกว่าประเทศเขา คนที่ขายบริการเองก็คงมีความคิดคล้ายๆ กัน ว่า มาทำที่ไทยอาจจะได้เงินมากกว่า อยู่ฟิลิปปินส์สู้ผู้หญิงไม่ได้ แต่มาอยู่ไทยตลาดกว้างกว่า ได้เงินมากกว่า มีผู้ชายเยอะ นักท่องเที่ยวเยอะ ประเทศไทยก็ไม่ไกล มาแล้วก็น่าจะสู้ราคากับคนพื้นที่ได้"

อีกอย่างคือ เขาคงคิดว่า ถ้ามาไทยการถูกข่มเหงก็อาจจะน้อยกว่า เพราะถ้ามองเผินๆ ประเทศเราก็ดูเสรีมากกว่า นอกจากนั้น เขาพูดภาษาอังกฤษได้ ต่างชาติก็ชอบเขา ยิ่งย่านสุขุมวิทที่เกิดเหตุ มีชาวต่างชาติอยู่เยอะ ก็ไม่แปลกที่เขาจะอยากมา 

คาดว่าพี่กะเทยไทยไปอยู่ฟิลิปปินส์น้อย : 

คำถามต่อมาที่สงสัยก็คือ แล้วมีพี่กะเทยไทยไปอยู่ฟิลิปปินส์เยอะไหม แล้วมีการทำงานลักษณะนี้บ้างหรือเปล่า?

ด้านคุณก้องภัคแสดงความคิดเห็นว่า ไม่ได้ทำการศึกษาเรื่องนี้โดยตรง แต่คิดว่าน่าจะมีอยู่แล้ว เพราะเป็นเหมือนการไหลของแรงงาน เช่น กะเทยไทยไปสิงคโปร์ หรือชาติอื่นๆ ในอาเซียนรวมไปถึงต่างประเทศ ซึ่งการจะไปอยู่ที่ฟิลิปปินส์นั้นก็มีความเป็นไปได้

"ถึงอย่างนั้น ผมคาดว่าถึงจะมีก็ไม่เยอะ อย่างที่ได้กล่าวไปช่วงต้น เพราะสภาพสังคมเป็นสลัม และอันตราย อีกทั้งถ้าไปทำที่นู่นเงินก็ไม่ได้ หรือทำได้ยาก เพราะการขายบริการทางเพศมีมาก ทำให้เกิดการแข่งขันสูงไปด้วย"

คุณก้องภัค มองว่า พอพูดถึงปัญหาต่างๆ ของการค้าประเวณีในฟิลิปปินส์ รวมเข้ากับปัญหาที่เกิดขึ้นที่สุขุมวิท 11 เป็นจุดที่ทำให้กลับมามองถึงประเทศไทยว่า การค้าบริการของไทยก็สร้างรายได้ให้ประเทศจำนวนมาก อยากให้ผู้เกี่ยวข้องมองและจัดการเรื่องการขายบริการให้เป็นระเบียบ ถ้าไม่เป็นกิจจะลักษณะ น่าจะเกิดความวุ่นวายขึ้นเหมือนที่เป็นข่าวอีก

อ่านบทความที่น่าสนใจ :