คุยกับ เกษตรกร "วานิลลา" ยุคบุกเบิก เล่าเคล็ดลับการปลูก ต้องใส่ใจ ใช้เวลาในการบ่ม แลกกับราคาขาย หากเกรด A กิโลกรัมละกว่า 2 หมื่น... 

ปลูกอะไรดี....

คำถามที่หลายคนคิดและอยากที่จะลงมือทำการเกษตร 

แต่จากที่คุยกับปราชญ์เกษตร รวมถึงผู้ที่ประสบความสำเร็จในอาชีพเกษตรนั้น สิ่งสำคัญอยู่ที่ ระบบน้ำ ดิน สภาพภูมิประเทศ และองค์ความรู้กับพืชนั้นๆ 

วันนี้ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้พูดคุยกับ เกษตรกร ที่อยู่เหนือสุดของประเทศ หรือก็คือ จ.เชียงราย กับ การปลูกพืชที่หอมที่สุดชนิดหนึ่ง นั่นคือ “วานิลลา” 

เชื่อว่าหลายๆ คนของเคยกินไอศกรีม หรือ เค้ก รสวานิลลา แต่เคยเห็นไหม ว่าหน้าตามันเป็นอย่างไร ปลูกยังไง ราคาดีไหม วันนี้มี “พี่ยา” หรือนายชัยยา อภิจำนงเจริญ เกษตรกรที่ปลูก “วานิลลา” วิสาหกิจชุมชน สยามวานิลลา อาข่า ดอยตุง หนึ่งในผู้บุกเบิกในการปลูกวานิลลามา 18 ปี 

จุดเริ่มต้นปลูกวานิลลา กับการส่งเสริมของ “แม่ฟ้าหลวง” 

...

นายชัยยา เล่าว่า เดิมครอบครัวก็ยึดอาชีพเกษตรกร ก็เคยทำงานด้านนี้มาบ้าง กระทั่งเรียนจบด้านรัฐศาสตร์ และก็ได้มีโอกาสมาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการดูแลไฟป่า เราก็ทำงานด้านนี้มาตลอด กระทั่งราว 18 ปี ก่อน ทำให้เราได้รู้จักกับ “วานิลลา” เนื่องจากมีโครงการหลวงฯ มาแนะนำให้กับชาวบ้านได้ปลูก เพราะแนะนำว่าเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีราคาดี ประมาณ 6,000-7,000 บาท/กิโลกรัม เราเองก็เลยรวมกับกับชาวบ้าน 8 คน จึงร่วมกันปลูก  

“ตอนแรกที่นี่ชาวบ้านเขาปลูกกาแฟกัน บางส่วนก็ทำอาชีพรับจ้าง แต่พอได้รับคำแนะนำ ก็เลยทดลองปลูก โดยเบื้องต้น เราปลูกที่ 1,300 ต้น ซึ่งก็ใช้เวลาในการปลูกประมาณ 3-4 ปี จึงสามารถเก็บผลผลิตได้”

นายชัยยา ยอมรับว่า การปลูก “วานิลลา” นั้น ถือว่าไม่ใช่งานหลัก แต่เป็นงานเสริม ที่จะได้ผลผลิต ปีละประมาณ 1 ครั้ง แต่แต่ละครั้งก็ถือว่าได้เงินมาพอสมควร...โดยราคาของ “วานิลลา” ก็ขึ้นกับเกรดของฝักวานิลลา หากเกรด A ฝักจะยาวมากกว่า 15 ซม. เกรด B จะยาว 13-15 ซม. และเกรด C จะยาวประมาณ 11-13 ซม. โดยหากราคาเกรด A ก็จะดีหน่อย  

การปลูก “วานิลลา” พืชที่อดทนต่อสภาพอากาศ แต่ไม่ชอบแดด 

พี่ยา เล่าว่า การปลูก “วานิลลา” เราต้องอาศัยปลูกกับต้นไม้อื่นๆ เพราะถือเป็นพืชตระกูล “กล้วยไม้” เป็นต้นเถาเลื้อย วานิลลา จะชอบอากาศลักษณะ “ร้อนชื้น” การดูแล คือ ถ้าปลูกขึ้นมาแล้ว จะไม่ต้องดูแลอะไรมาก มีรดน้ำ ใส่ปุ๋ย 

โดยเราจะเริ่มจากการ “ชำ” โดยใช้ต้นยาวประมาณ 15-30 ซม. ซึ่งกว่าเราจะได้ต้นไป “ชำ” นั้น ต้องใช้เวลาในการปลูกเป็นปี ดังนั้น เราจึงหาวิธีการใหม่ หลีกเลี่ยงการ “ชำ” ด้วยการตัดเถา ที่มีเม็ด แล้วนำมาปลูก ปรากฏว่า ผลผลิตที่ได้เร็วกว่าการชำแบบครึ่งต่อครึ่ง ซึ่งมันจะติดง่ายกว่า

 

“เดิมทีใช้วิธีการชำ กว่าจะได้ผลผลิต 3-4 ปี แต่วิธีใหม่นี้เราได้ผลผลิตภายใน 1-2 ปี ต้นพันธุ์ที่เถา ยิ่งยาว มันจะยิ่งแข็งแรงกว่า และเร็วกว่า”  

พี่ยา เล่าว่า เดิมที เรารวมกลุ่มกัน 8 คนในการปลูกวานิลลา แต่ปรากฏว่า ช่วงหลัง คนที่รวมกลุ่มก็เลิกไป สาเหตุเพราะตอนที่เรา “ผสมเกสร” หลังผลผลิตออกนั้น ต้องใช้การดูแลอย่างใกล้ชิดในช่วง 3 เดือน คือ ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ -เมษายน ซึ่งการผสมเกสรนั้น วานิลลา จะมีดอกของมันอยู่ โดยมีตัวผู้และตัวเมียอยู่ด้วยกัน และมันมีเยื่อบางๆ ปิดกั้นอยู่ เราก็ไปเปิดช่องให้มัน ซึ่งมันจะมีเวลาบานเฉพาะช่วงเช้าของวัน เราต้องผสมให้ได้สำเร็จก่อนเที่ยง หากเลยเวลามันก็จะเหี่ยวและร่วง ดังนั้น เพื่อนที่เคยร่วมปลูกวานิลลานั้น เขามีงานประจำอยู่ และไม่สามารถขาดงานได้ ทำให้ต้องเลิกไป และเวลานี้ก็เลยเหลือเพียงผมคนเดียว  

...

การแปรรูปวานิลลา และบ่มนาน ถึงขายได้ 

สาเหตุที่ราคาของ “วานิลลา” นั้นมีราคาสูง เพราะเมื่อผลผลิตออกมาแล้ว ก็ยังไม่สามารถขายได้ทันที เพราะต้องเสียเวลาในการ “บ่ม” ซึ่งใช้เวลารวมกันนานนับปี โดย พี่ยา เล่าว่า เมื่อเราได้ฝักวานิลลามาแล้ว มันจะยังไม่มีกลิ่น 

โดยขั้นตอนแรกจะต้องนำไปลวกก่อน ฝักวานิลลา เกรด A จะลวกนานกว่าอันอื่น คือ 4 นาที ส่วนเกรด B และ C ก็ลวก 3 และ 2 นาที ตามลำดับ 

หากลวกนานไป สารต่างๆ ก็จะไหลออกไปกับน้ำ จากนั้นเอามาผึ่งลมให้แห้ง ห่อผ้า เก็บในอุณหภูมิห้อง 2 วัน จากนั้นให้เอามาตากแดด ในช่วงแดดแรงที่สุด ทิ้งไว้วันละ 2 ชั่วโมง 5-6 วัน จากนั้นเก็บไว้ใส่กล่องเพื่อบ่ม 4-7 เดือน

...

ปลูกหารายได้เสริม ได้รับเป็นเงินก้อน 

นายชัยยา ยอมรับว่า การปลูกให้เป็นรายได้เสริมถือว่ารายได้ดีระดับหนึ่ง เพราะราคามันค่อนข้างสูง เพราะ 1 ปี ทำผลผลิตได้รอบเดียว ฉะนั้น เวลาขาย หากมีลูกค้าที่ซื้อเยอะ ครั้งละ 400-500 ฝัก เราก็จะได้เงินเป็นก้อน แต่ที่ผ่านมา ก็มีการซื้อในแบบ 4-5 ฝัก เราก็ขาย เพราะเดี๋ยวนี้ก็สามารถขายในแบบออนไลน์ได้เรื่อยๆ ซึ่งที่ผ่านมา ก็มีลูกค้าจากทั่วประเทศเข้ามาซื้อ ทั้งภูเก็ต เชียงใหม่ โดยเฉพาะรีสอร์ตต่างๆ ที่เขาเอามาใช้ทำขนม 

“ที่ผ่านมาใน 4-5 ปี เราก็ขายไปแล้ว 400-500 กิโลกรัม ซึ่งข้อดีของการปลูกวานิลลา คือ มันใช้เนื้อที่น้อย แค่ 1 งาน ก็ปลูกได้นับพันต้น หากพื้นที่ดังกล่าวมีต้นไม้อยู่แล้ว ก็สามารถปลูกได้ เพราะมันต้องการร่มเงา แต่ถ้าไม่ก็จำเป็นต้องสร้างโรงเรือน หากเริ่มต้น อาจจะต้องลงทุนสูงหน่อย เพราะต้องเริ่มใหม่หมด หากล้าพันธุ์มาปลูก แต่เมื่อปลูกมาแล้ว มันจะอยู่ได้นานนับร้อยปี ให้ผลผลิตตลอด เพราะเราเองก็ได้พันธุ์ “แพลนนิโฟเลีย” มา โดยหากมันจะตาย มันก็จะออกยอดใหม่ออกมาก่อน ส่วนศัตรูพืชมันก็ไม่ค่อยมีอะไรมาก ก็มีพวกหอยทาก หนอน บ้าง แต่ไม่เยอะ” 

พี่ยา เผยว่า ปัจจุบัน ขายวานิลลา แบบฝักบ่มแห้ง ฝักละ 100-250 ตามเกรด แต่ถ้าขายเป็นกิโลกรัม เกรด A จะอยู่กิโลกรัมละ 20,000 บาท   

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน 

ที่มารูป : วิสาหกิจชุมชน สยามวานิลลา อาข่าดอยตุง

อ่านบทความ 

...