สนทนา กับ 'นัท เลอทาน่า' หนุ่มสุดฮอตโลกโชเชียล ไมค์ห่างๆ เพลงยุค 90 และคติ "บ้าทำไร้ตำรา พลาดก็แค่เริ่มใหม่"...

"การลงมือทำสำคัญที่สุด" เป็นคติสำคัญในการดำเนินชีวิตของผู้ชายชื่อ 'นัท-กิตติพันธ์ ลี้ศัตรูพ่าย' หรือ 'นัท เลอทาน่า' ที่กำลังโด่งดังใน TikTok ด้วยการร้องเพลงที่ดูสนุกและปล่อยพลังออกมาได้เหลือล้น ทั้งยังได้รับคำชมอย่างล้นหลามจากผู้คนบนโลกโซเชียล อะไรที่ทำให้ผู้ชายคนนี้ 'ประสบความสำเร็จ' ได้ขนาดนี้ วันนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะพาทุกคนไปรู้จักตัวตนและเรื่องราวของเขาให้มากขึ้น

ต้องบอกไว้ก่อนว่า 'นัท' ไม่ได้ร้องเพลงจนเป็นกระแสอย่างเดียว แต่ยังเป็นอีกหนึ่งคนที่เก่งและมีความสามารถ เขาคือ 'บอสนัท' แห่ง Letana Hotel & Restaurant สถานที่ที่เขาให้ร้องเพลงนั่นแหละ และยังเป็นเจ้าของ บริษัท พรสว่าง กล๊าส จำกัด ที่ให้บริการด้าน การขายส่งของเสียและเศษวัสดุเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่อีกด้วย... 

...

ลงมือทำสำคัญที่สุด :

"การลงมือทำสำคัญที่สุด สนุกที่สุด ได้สัมผัสทันทีโดยไม่ต้องไปดูหนังสือ" นี่คือสิ่งที่ นัท เลอทาน่า นิยามสั้นๆ ให้การดำเนินชีวิตของเขา

สิ่งที่ทำให้นัทยังคงเป็นตัวเองได้ คือ สนุกกับทุกสิ่งที่ทำ ทุกบทบาท ทุกหน้าที่ ไม่ได้คิดว่านั่นคืองาน เขาจึงทำทุกวันผ่านไปโดยไม่โหยหาวันหยุดและการพักผ่อน เพราะความสนุกนั้นคือการพักผ่อนไปในตัว "ไม่ได้รู้สึกเหนื่อย ถ้าไม่มีอะไรให้ทำคงเหนื่อยกว่านี้"

นัทมีหลายอย่างต้องรับผิดชอบ แต่ไม่มีหลักการแบ่งเวลาตายตัว การจัดลำดับความสำคัญของงานเปลี่ยนทุกวัน หนึ่งในงานที่ยังดูแลเองตลอด คือ Letana Hotel ที่เขาปลุกปั้นแต่แรกเริ่ม ทั้งออกแบบและตกแต่ง ตอนนี้ยังคงต่อเติมเรื่อยๆ เพราะ ไม่เคยคิดว่านี่คือโรงแรมที่เสร็จแล้ว นัทตั้งใจทำต่อจนกว่าจะคิดไม่ออก ส่วนงานอื่นก็มีแบ่งให้ทีมงานทำบ้าง

ทุกสิ่งทุกอย่างที่นัททำอยู่ตอนนี้ ไม่ได้ผ่านการเรียนในห้องสี่เหลี่ยม แต่เกิดความพยายาม ลองผิดลองถูก และเรียนรู้ด้วยตัวเอง โดยไม่กลัวความผิดพลาด "ถ้าผมต้องทำทุกอย่างแล้วไปเรียนทั้งหมด ผมว่าผมทำไม่ทันแน่ๆ ผมเลยลองเรียนรู้ที่จะทำไปเลย อันไหนผิด อันไหนถูก ที่ไม่ชอบเรียนอาจจะเพราะเป็นคนใจร้อน อยากรู้ อยากทำเดี๋ยวนี้ หากต้องไปนั่งเรียนก็เหมือนได้ลงมือทำช้า" 

ทีมข่าวฯ เลยถามว่า แล้วถ้าพลาดจริงๆ จะทำยังไง "พลาดก็ไม่เป็นไรครับ เรียนที่จะผิดพลาดกับมัน" บอสนัทตอบ

เส้นทางของดนตรี และกำเนิด Letana Band :

นัทชื่นชอบการร้องเพลงและคาราโอเกะเป็นทุนเดิม แต่ได้สัมผัสกับ 'ดนตรี' จริงจังครั้งแรก ประมาณอายุ 23-24 หรือ 10 ปีที่แล้ว ทุกอย่างเริ่มต้นจากวงดนตรีกลางคืนวงหนึ่ง ที่อยากเปลี่ยนนักร้องใหม่ นัทจึงถูกชักชวนจากคนรู้จักในเฟซบุ๊ก ให้ลองไปทำหน้าที่นั้น ด้วยคำชวนที่ว่า "หน้าตาแบบนี้น่าจะเป็นนักร้องได้"

ด้วยอุปนิสัยชอบ 'ลองทำ' นัทจึงตัดสินใจไปเป็นนักร้อง ทั้งที่ใจยังตื่นเต้นไม่หยุด แต่ร้องได้แค่ 2 ที่ ก็โดนไล่ออก! เพราะวงนำนักร้องคนเก่ากลับมา ถึงจะเฟลแค่ไหนแต่เขาก็ยังลองไปเข้าอีกวงหนึ่ง โดยไม่กลัวที่จบแบบเดิม เพราะว่า "แค่ได้ลองก็คุ้มแล้ว!"

...

นัทไม่เคยเรียนอะไรที่เกี่ยวกับดนตรีเลยด้วยซ้ำ ช่วงเริ่มต้นของเขาจึงยากพอสมควร แต่พอไม่มีทักษะ เลยทำให้กลายเป็นจุดอ่อน ที่ทำให้เขาไม่สามารถสื่อสารกับนักดนตรีได้ หลังจากนั้นประมาณ 4 ปี นัทตัดสินใจฝึกเล่นกีตาร์และเปียโน แม้จะยากแค่ไหน แต่ว่างเมื่อไรก็จะฝึก ฝึกและฝึกอยู่อย่างนั้น เมื่อเล่นเป็นและร้องได้ การสื่อสารกับนักดนตรีคนอื่นจึงง่ายขึ้น และทำให้เขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของวง

หลังจากที่เริ่มทำ Letana Hotel ความเข้มข้นของชีวิตและงานดนตรีก็เพิ่มขึ้น ช่วงแรกของการก่อร่างสร้างตัวโรงแรมแห่งนี้ นัทต้องเล่นกีตาร์ให้แขกฟัง จัดไฟ มิกซ์เสียง ปรับซาวนด์ เซตเครื่องเสียง ทำเพจ ถ่ายรูป กระทั่งเมนูอาหารและเครื่องดื่มก็ทำคนเดียวทั้งหมด นัทพูดติดตลกว่า "จริงๆ ทุกอย่างก็เกิดจากความมั่ว ไม่กลัวผิดพลาด"

หลังจากที่เล่นกีตาร์คนเดียวประมาณ 1 ปี ก็มีมือกลอง และมือคีย์บอร์ดเข้ามา แม้ว่ามีสมาชิก 3 คนแล้ว แต่พื้นที่การแสดงยังกว้าง ทำให้พวกเขาต้องการการเติมเต็ม กระทั่งมือเบสเข้ามาอีกคน จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ Letana Band ซึ่ง 'Letana' (เลอทาน่า) มาจาก 'รัตนา' ชื่อของแม่นัท....

...

อิสระและพลังแห่งดนตรี :

นัทบอกว่า ดนตรีเป็นสิ่งเดียว ที่ทำให้เขาปลดปล่อยอารมณ์ทุกอย่างได้แบบไม่มีข้อจำกัด เมื่อไรที่ได้จับไมค์ On Stage เขาสามารถเป็นตัวเองได้อย่างอิสระ

ตอนนี้ นัทขึ้นแสดงเองทุก อังคาร ศุกร์ และเสาร์ ประมาณ 21.00-01.00 น. เพราะยังรักและสนุกกับดนตรี จากคำบอกเล่าของพนักงานภายในร้าน พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "คนแน่น 3 วันนี้ เพราะมาดูบอสนัท" ส่วนช่วงเวลาและวันอื่นๆ นัทจะจ้างวงอื่นมาร้องแทน

ตัวเขาเองแสดงอยู่ในจุดที่เรียกว่า Theatre Zone ซึ่งมีลักษณะคล้ายโรงละครของยุโรป เขาจะยืนโดดเด่นตรงกลางท่ามกลางสปอตไลต์และสายตาของแขกผู้มาเยือน แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะนัทสามารถใช้ลีลาและเสียงร้องสะกดทุกคนให้ตกอยู่ในภวังค์ได้

นัทเล่าว่า ช่วงที่ขึ้นโครงสร้างจุดนี้ครั้งแรก เขาไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเหมือนโรงละคร แต่พอดูไปเรื่อยๆ กลับรู้สึกถึงโรงละคร จึงเริ่มศึกษาหาข้อมูล ร่างแบบและก่อสร้าง จนออกมาเป็น Theatre Zone แบบทุกวันนี้

...

Theatre Zone ทำให้การแสดงของผู้ชายคนนี้มีเอกลักษณ์ เขาต้องคิดโชว์ให้ใหญ่ และสามารถส่งพลังไปถึงผู้คนได้ เพราะมันคือ ช่วงเวลาของเขาบนโรงละคร (เพลง) แห่งนี้

"ที่ทุกคนบอกว่าทำไมดูมีพลังจัง จริงๆ แล้วก็มาจากพลังของคนดูที่ผมได้รับกลับมา ถ้าคนไม่ส่งกลับมา ผมคงไม่สามารถทำได้ขนาดนี้"

เทคนิคสะกดคน :

นัทเลือกเล่นเพลง 90s เป็นหลักเพราะได้แรงบันดาลใจจากคุณพ่อ ที่เปิดกล่อมเขาตั้งแต่ยังเด็ก เพลงพวกนี้ยังสามารถดึงอารมณ์ร่วมของเขาออกมาได้ดี และถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ 'ลูกค้าติด'

บางคนเดินทางมาไกลจากปัตตานี และเลือกแวะมาที่ LetanaHotel เพื่อฟังนัทร้องเพลง ส่วนไกลกว่านั้นคงเป็นลูกค้าที่มาจากต่างประเทศ ที่ถือโอกาสแวะมาหานัทตอนมาเที่ยวประเทศไทย

"รู้สึกดีใจ คุ้มค่าที่เหนื่อย คุ้มค่าที่ทำมา ช่วงแรกที่หยิบเพลงยุคนั้นมาเล่น เพราะชอบเอง แต่ลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นก็จะงงๆ จนวันหนึ่งลูกค้าที่ชอบเพลงเหล่านี้เริ่มมาติดตาม ทำให้กลุ่มเป้าหมายเริ่มเปลี่ยนไป ทุกวันนี้ใหม่กว่า 90s ผมไม่เล่น (หัวเราะ) แต่วงอื่นๆ ก็ยังคงเล่นอยู่ตามสไตล์ของเขา"

ส่วน เทคนิคอื่นๆ ของการสะกดคน หรือการเรียบเรียงเพลงให้สนุกตลอดการแสดง คือ "ไม่มี" นัทคิดทุกอย่าง "Real Time" บอสนัทจะสังเกตผู้มาเยือนแต่ละวันว่า ควรเล่นเพลงประมาณไหน คิดสดๆ บนเวที! ไม่มีบอกกันล่วงหน้า พอก้าวเท้าขึ้นเวทีปุ๊บ! ก็ The Show must go on.

ทีมข่าวฯ สงสัยเลยว่าเตรียมโน้ตดนตรีทันได้ไง "ไม่มีโน้ตเลยครับ แต่บางคนอาจมีไอแพดไว้เปิด เผื่อลืมจริงๆ จะมีไมค์อยู่ตัวนึงเอาไว้พูด ซึ่งได้ยินแค่พวกเรา เวลาจะต่อเพลงอะไร ผมจะตัดสินใจคนเดียวแล้วบอกพวกเขา"

นี่แสดงถึงความเทพของวงนี้หรือเปล่าเนี่ย...

ส่วน การดึงไมค์เวลาร้องเพลง ที่โดนคนแซวทั้งโซเชียล นั่นเหมือนเทคนิคเล็กๆ ในการคุมเสียง "เวลาร้องดังๆ เอาไมค์ชิดไม่ได้ เสียงมันจะแตก เดี๋ยว Sound engineer จะด่าผมด้วย (หัวเราะ) ร้องดังผมก็ดึงออก จะร้องกระซิบกระซาบก็ค่อยเอาไมค์เข้ามา มันเป็นเทคนิคการบาลานซ์ของการร้อง แต่ผมไม่เคยคิดว่าจะโดนคนแซว (หัวเราะ)"

แม้ใครๆ จะมองว่านัทแสดงดี แต่ตัวเขาไม่เคยคิดว่าตัวเองเจนเวที หรือดีพอแล้ว เขาเพียงจริงใจกับคนฟัง และทุ่มเทให้คนดูสนุก...

"Mindset ผมมีแค่นี้ เขามาแล้วเขาสนุก ได้สิ่งที่ต้องการกลับไป ส่วนผมก็สนุกไปด้วย ภาพใหญ่มันเป็นแบบนั้น จะเหนื่อยก็แค่ เมื่อพักผ่อนน้อย ไม่เคยเหนื่อยเพราะร้องเพลงเยอะ เพราะสนุกกับมัน ไม่กล้าพูดว่าตัวเองประสบความสำเร็จ แค่คนมาดูเยอะขึ้น ก็เหมือนได้พัฒนาตัวเองขึ้นในทุกๆ วัน"

เราแอบถามว่ามีโรงแรมติดร้านอาหาร นี่เป็นเทคนิคการดึงคนเข้าพักด้วยไหม นัทบอกว่า "คนเริ่มกรึ่มๆ แล้วพัก Letana Hotel ต่อ ก็เยอะเหมือนกัน อาจจะเป็นเทคนิคก็ได้นะ ถ้าเป็นร้านอาหารอื่นก็หาทางกลับเอง ส่วนที่เหมือนไฟต์บังคับ ครบจบที่เดียว (หัวเราะ)"

แสดงว่านี่อาจจะเป็นการคิดเผื่อไว้ มองการณ์ไกลจริงๆ...

หนึ่งเพลงแทน 'นัท เลอทาน่า' :

Original soundtrack ของ Letana Band ถูกประพันธ์เนื้อร้องและทำนองโดย 'พี่ชิน' มือกีตาร์โปร่งของวง ส่วน MV ก็ออกแบบกันเอง

ทีมข่าวฯ ถามว่าถ้าให้เลือก 1 เพลงที่แทนตัว 'นัท' และ 'Letana' จะเลือกเพลงไหน? นัทตอบว่า เลือกเพลง "ลองดูก่อน" เพราะมันตรงกับเขาที่สุด

"อยากทำอะไรทำเลย ไม่ต้องมีข้ออ้างอะไรทั้งนั้น ผิดก็ผิด ผมว่าทำไปเถอะ ทำไปทุกอย่างเลย เดี๋ยวเจอเองว่าอะไรสนุก ถ้ายังไม่เจออะไรที่สนุก ลองมองหาความสุขเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในนั้น ผมทำทุกอย่างด้วยความสนุก ความบ้า ไม่กลัวผิดพลาด กำไรหรือขาดทุนอยู่ท้าย เอาความสุขของเราและคนทำงานด้วยเป็นที่ตั้ง ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต้องสนุกและมีคุณภาพชีวิตที่ดี นี่คือจุดมุ่งหมายของเรา เราอยากมีคุณภาพชีวิตที่ดี"

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

ภาพ : ศรันย์ พงษ์สวัสดิ์ #ThairathPhoto

อ่านบทความที่น่าสนใจ :