พรรคประชาธิปัตย์มีมติ “งดออกเสียง” โหวตนายกรัฐมนตรี และเชื่อว่าจะไม่แตกแถว...
คล้อยหลังไม่ถึง 24 ชั่วโมงผ่าน “เห็นชอบครับ!!”
เสียง สส.ปชป. สนับสนุน “เศรษฐา ทวีสิน” มากถึง 16 เสียง จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ ว่าเป็น “งูเห่า” หรือไม่...?
วันที่ 22 สิงหาคม 2566 ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ทางการเมืองไทย นอกจาก “ทักษิณ ชินวัตร” จะกลับเมืองไทยแล้ว เรายังได้นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 กับ 11 พรรคการเมืองรัฐบาล
แต่แล้วจู่ๆ ก็มี 16 เสียงฝ่ายค้านอย่างประชาธิปัตย์ มาสนับสนุน “เสริม” ให้รัฐบาล โดยไม่มีใครรู้เหตุและผล ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า “ดีลลับ” หรือไม่ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ต่อสายคุยกับ “สาทิตย์ วงศ์หนองเตย” อดีต สส. 7 สมัย และคนสนิทของ “ชวน หลีกภัย” ผู้ใหญ่ในพรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผม
นายสาทิตย์ บอกว่า ผู้ใหญ่ในพรรคไม่ว่าจะเป็นใคร นายชวน หลีกภัย, บัญญัติ บรรทัดฐาน หรือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ล้วนตกใจ และเมื่อวานภายในพรรคประชาธิปัตย์ก็มีสภาพวุ่นวาย โทรถามกันให้ควั่ก ถามว่า “เกิดอะไรขึ้น...ผมเองได้แต่ตอบว่าผมก็ไม่รู้”
...
“เหตุการณ์ครั้งนี้เรียกว่า “ช็อกความรู้สึก” สมาชิกพรรค และสังคมทั่วไป เพราะพรรคเพิ่งจะมีมติว่างดออกเสียงในวันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม แต่คล้อยหลังมาวันที่ 22 สิงหาคม 2566 แค่เพียงวันเดียว ก็มีการโหวตสวนมติพรรคที่ตัวเองเป็นคนบอกว่า “งดออกเสียง” เป็นจำนวน 80% ของ สส.ในพรรค โดยไม่มีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ล่วงหน้ามาก่อน”
นายสาทิตย์ ยอมรับว่า สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ถูกตั้งคำถามในเชิงลบ ว่ามีเหตุผลอะไรอยู่เบื้องหลังในการตัดสินใจครั้งนี้
เท่าที่รู้ มีเหตุผลอะไรไหม... ทีมข่าวยิงคำถาม อดีต สส. 7 สมัย ตอบว่า เราไม่ทราบข้อเท็จจริง แม้ว่าจะมีการแถลงข่าวในวันนี้ (23 ส.ค.) ว่าต้องการให้ประเทศเดินหน้าไปได้ แต่สิ่งที่แถลงนั้น “ไม่สมเหตุสมผล” เพราะตอนโหวตเติมเสียงให้คุณเศรษฐา ของพรรคเพื่อไทยนั้น เสียงสนับสนุนของคุณเศรษฐาครบอยู่แล้ว ตามรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ฉะนั้น มันถึงไม่จำเป็นต้องแถมให้เขาก็ได้
ขณะนี้สังคมกับพรรค ต่างอยากรู้เหตุผลว่า มีอะไรนอกเหนือจากที่แถลงหรือไม่...?
และเวลานี้ สมาชิกพรรคก็กำลังเรียกร้องให้ผู้บริหารพรรค มีการตั้งกรรมการสอบเพื่อหาเบื้องหลังเรื่องนี้ เพื่อบอกให้สังคมรับทราบ ซึ่ง “ดีลลับ” ที่ว่า มันเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งถึงเวลานี้ยังไม่มีใครรู้ นอกเสียจากคนที่ไปดีลมาเอง หากว่ามีจริงๆ ซึ่งต้องหาข้อเท็จจริง
นายสาทิตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่อดีตจนถึงเวลานี้ คือ ครบรอบ 77 ปี ไม่เคยมีเหตุการณ์ สส.ของพรรคจำนวนมาก โหวตสวนมติพรรค ทั้งที่ตัวเองบอกเอง
“พรรคที่เสียวินัยแบบนี้ ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา เดิมที่มีปัญหาภายในอยู่แล้ว ยังเลือกหัวหน้าพรรคไม่ได้ หรือเรื่องท่าทีที่ไม่ชัดเจนว่า จะร่วมรัฐบาลหรือไม่
เกี่ยวกับเสียงโหวต “ไม่เห็นชอบ” ของ 2 ผู้ใหญ่ในพรรค ชวน หลีกภัย กับ บัญญัติ บรรทัดฐาน นายสาทิตย์ บอกว่า ทั้ง 2 ท่าน ได้มีการแจ้งกับพรรคก่อนหน้านี้แล้ว และเป็นข่าวมาก่อน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติและเป็นธรรมเนียมของพรรคว่า หากใครอยากมีมติแตกต่างจากมติพรรค ต้องลุกขึ้นบอกกับพรรคก่อน แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็น “เอกสิทธิ์” ตามรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อพรรคมีมติ และคนที่เป็นหนึ่งในผู้บริหารพรรคออกมาบอกว่า “อย่าสวนมติ” นะ หากใครสวนมติ ต้องลาออกไป แต่ดันไปโหวตสวนมติกันเสียเอง แบบนี้จะทำอย่างไร
เมื่อถามว่า เมื่อเหตุการณ์เป็นแบบนี้ จะมีโทษขับออกจากพรรคหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า มันจะเป็นไปได้หรือ ที่จะขับ สส. จำนวน 80% ของพรรคออก คำถามคือ ใครจะขับ ประเด็นใหญ่ของเรื่องนี้คือการ “หาข้อเท็จจริง” ก่อน ซึ่งโดยปกติแล้ว ก็มีการตั้งกรรมการขึ้นมาสอบ
...
โจทย์ของเราในเวลานี้ มันเกี่ยวพันกันไปหมด สิ่งสำคัญ คือ สส.จำนวนมากโหวตให้คุณเศรษฐา เสมือนว่าเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเสียเอง มันก็จะเกิดความคิดเห็นแตกต่างกันกับอีกกลุ่มว่า ควรเป็น “ฝ่ายค้าน” และตรงนี้เอง สัมพันธ์กับการเลือกหัวหน้าพรรค ซึ่งในเวลานี้ยังไม่ได้กำหนดว่าจะประชุมกันเมื่อไร และยังไม่รู้ว่าจะกำหนดเมื่อไรด้วย
“เรื่องนี้มันยังไม่จบ และตราบใดที่ยังไม่จบ ก็จะทำให้พรรคเสื่อมไปเรื่อยๆ ดีที่สุดมันต้องคุยกันจริงจัง เรื่องการโหวต...ก็ว่ากันไป แต่การเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ต้องให้จบระหว่าง 2 ขั้ว หากถ่างออกไปเรื่อยๆ มันจะทำให้เราแก้ปัญหาได้ยากขึ้น”
นายสาทิตย์ ทิ้งท้ายว่า เวลานี้สมาชิกทุกคนเป็นห่วงพรรค หรือไปดูในไลฟ์ TikTok ในพื้นที่ภาคใต้ พรรคโดนถล่มเละ จุดยืนไม่แน่นอน อยู่ดีๆ โหวตสวน กลับลำ
“สัจจะทางการเมืองเป็นสิ่งสำคัญ มติในทางการเมืองสำคัญ จะกลับไปมาไม่ได้ ต้องมีเหตุผลและข้อเท็จจริงรองรับ”
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
อ่านบทความที่น่าสนใจ
...