เบื้องหลัง ปชป. ร้าวหนัก รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับมี สส.คิดย้ายหนี ชี้โอกาสร่วมรัฐบาล 0% เพื่อนไม่คบ ไร้เทียบเชิญ ไม่มีใครคิดเชิญ
เวลานี้ การฟอร์มทีมรัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทย เริ่มแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด ได้เกิดขึ้นหลายอย่าง การ “ข้ามขั้ว” หรือ ที่บอกว่าเป็นการ “สลายขั้ว” ได้เกิดขึ้นจริง พรรครวมไทยสร้างชาติ เข้าร่วมรัฐบาลเพื่อไทย ขณะที่ พลังประชารัฐ ก็แต่งตัวรอสู่ขอเต็มที่ ขาดแค่เข้าพิธีเท่านั้น...
เมื่อหันมามองพรรคเก่าแก่อย่าง ประชาธิปัตย์ เวลานี้ “บ้านที่เคยอบอุ่น” เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม คนในบ้านทะเลาะเบาะแว้งไม่สิ้นสุด แถมยังไม่มีท่าทีจะจบลงด้วย ซึ่งสาเหตุไม่ลงรอย มีประเด็นมาจากความหวังในการเข้าร่วมรัฐบาล
นายเดชอิศม์ ขาวทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ สส.สงขลา กล่าวกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ว่า ประชาธิปัตย์ เป็นพรรคที่ทำงานเป็นระบบ การจะเข้าร่วมรัฐบาลได้ พรรคแกนนำอย่างเพื่อไทย ต้องมีหนังสือเทียบเชิญ ซึ่งตามธรรมเนียมก็จะไม่ปฏิเสธหรือตอบรับทันที ต้องนำเรื่องเข้าประชุมกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเวลานี้เป็นชุดรักษาการร่วมกับ สส. เพื่อลงมติ แต่เมื่อไม่มีคำเชิญ เราพร้อมจะเป็นฝ่ายค้าน 100%
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีการยอมรับว่าได้มีโอกาสพูดคุย “ทักษิณ ชินวัตร” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับว่า ได้เจอกันทักษิณ จริง ได้คุยกันเพียง 1 ครั้งเท่านั้น ซึ่งตอนนั้นไปฮ่องกงในนามส่วนตัว
...
“ในอดีต ผมเคยลงสมัครในนาม “ไทยรักไทย” ในช่วงปี 2548 และรู้จักกับท่านดี เผอิญว่าคณะที่ไปทำบุญของผม ตอนแรกตั้งใจจะไปลงมาเก๊า แต่ว่าตอนนั้นไม่มีตั๋วลงมาเก๊า จึงไปลงฮ่องกงแทน จังหวะนั้น รู้ว่าคุณทักษิณอยู่ที่นั่นก็เลยชวนไปเยี่ยม เราก็เลยตอบว่า ไปถามนายกฯ ทักษิณก่อนดีกว่า แล้วก็ได้คำตอบว่า มาคุยได้ จากนั้นก็มีการพูดคุยกันทั่วไป ท่านก็ถามว่า ขั้นตอนของพรรคประชาธิปัตย์เป็นอย่างไร เราก็บอกไปว่า หากมีการเชิญก็จะต้องเข้าประชุมกับกรรมการบริหารพรรค ไม่ได้คุยประเด็นว่าจะร่วมรัฐบาล เราบอกแค่กรอบภาพรวม หากจะไปร่วมรัฐบาลจะมีขั้นตอนอย่างไร ซึ่งหากเป็นพรรคอื่น อาจจะตัดสินใจด้วยคนๆ เดียว แต่สำหรับ ปชป. ไม่ได้เป็นแบบนั้น แม้แต่นายชวน หลีกภัย ก็ตัดสินไม่ได้ เพราะอาจอยู่ที่ สส. กับ กรรมการบริหาร”
เมื่อถามว่า กลัวคนในพรรคเข้าใจผิดไหม นายเดชอิศม์ บอกว่าก็มีคนในพรรคเข้าใจ แต่ก็มีผู้ใหญ่บางคนในพรรคไม่เข้าใจ เราเองใช่ว่าไม่เคยไปพบท่าน ก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้เป็นนักการเมืองก็มีโอกาสไปเยี่ยม
ที่บอกว่าผู้ใหญ่บางคนไม่เข้าใจ นี่คุยกันลักษณะใด รักษาการรองหัวหน้าพรรค ปชป. บอกว่า พูดในที่ประชุมพรรค รวมถึงการพูดออกสื่อ เพราะการตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลของ ปชป. แตกต่างจากพรรคอื่น เพียงแต่เวลานี้เราเหมือนพรรคอกแตก ใครก็ไม่อยากมีเทียบเชิญมาร่วมรัฐบาล เพราะแค่ภายในพรรคเองยังมีปัญหา ความแตกแยก
“เลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ยังไม่ได้ หากจะเอาไปเข้าร่วมรัฐบาลก็คงกลายเป็นภาระ ซี่งหากย้อนดู เป็นตัวผมเองก็คงไม่เชิญหรอก...”
นายเดชอิศม์ ยอมรับ การเลือกตั้งทุกครั้ง สส. ก็อยากจะร่วมรัฐบาลทั้งนั้น เพราะอยากให้นโยบายที่ใช้เสียงไปใช้ช่วยเหลือและแก้ปัญหาประชาชน แต่เมื่อไม่ได้ ก็พร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้าน และไม่รู้สึกกังวลแต่อย่างใด เพราะสุดท้ายจะอยู่ที่ “มติพรรค” ที่บริหารร่วมกับ สส.
เมื่อถามว่า มองเรื่อง นายทักษิณ หรือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีโอกาสที่จะเดินทางกลับไทยในช่วงนี้อย่างไร รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกตัวว่า ไม่ขอออกความเห็น เพราะไม่อยากเห็นความแตกแยกในบ้านเมืองไปมากกว่านี้ ขณะ ส่วนตัวแล้ว ตนก็ไม่มีปัญหากับคุณทักษิณ และ สส.รุ่นใหม่ ก็ไม่อยากเอาปัญหา หรือ ความแค้นเดิมๆ กลับมา
“หากสลายสีเสื้อได้ยิ่งดี สีแดง สีส้ม สีเหลือง ทุกสีคือคนไทย เราอาจจะมีจุดต่าง แต่บางอย่างก็มีจุดร่วมได้” ประเด็น เรื่อง มาตรา 112 ก็เหมือนกัน วันนี้ไม่ควรไปแตะ เพราะมันจะเพิ่มความขัดแย้ง เพราะคนไทยรักสถาบันมีมาก แต่เขาไม่ออกพูด หากทำเรื่องนี้ก็แปลว่าให้เขาออกมาชนกัน”
มองเรื่องจังหวะและเวลาการร่วมรัฐบาลของขั้วตรงข้ามกัน เป็นการ “สลายขั้ว” ไหม นายเดชอิศม์ มองว่า เราต้องหาจุดร่วมกันว่าจะพาประเทศไทยไปทางไหน และไม่ควรเอาความแค้น ความโกรธเคืองในอดีตมารวม อยากให้คิดว่าเราคือคนใหม่ทั้งหมด มาช่วยพัฒนาประเทศ ทุกคนต้องถอยคนละก้าว อย่ามุ่งแต่เอาชนะกัน นี่คือมุมมองของผมในเรื่องการสลายขั้ว
...
เมื่อถามว่า หากมีโอกาสร่วมรัฐบาลจริง มันจะไปได้ในมุมไหนได้บ้าง นายเดชอิศม์ ตอบว่า ณ วันนี้ยากมาก 1. ไม่มีเทียบเชิญ 2. เขาไม่คิดจะเชิญ เพราะมาจากปัญหาภายใน
“ปชป. เพื่อนไม่ค่อยคบอยู่แล้ว เสียงไม่ถึงร้อยยิ่งไม่น่าคบเข้าไปอีก!” (หัวเราะ)
มันขนาดนั้นเลยหรือ...? นายเดชอิศม์ ตอบสั้นๆ ว่า ตั้งแต่อดีตแล้ว แต่วันนี้อยากจะบอกว่า ปชป.นั้นน่าคบมาก (หัวเราะ) แต่มันอาจจะมีปัญหาสิ่งเล็ก สิ่งน้อย บางทีก็น่าเห็นใจนะ เพราะบางคนก็อยู่นานจนรู้สึกว่าเป็นเจ้าของ ซึ่งความจริง ปชป. คือพรรคเดียวที่ไม่มีเจ้าของ
ประชุมครั้งหน้า จะสามารถหาข้อยุติได้ไหม มีโอกาสพรรคจะแตกไหม? นายเดชอิศม์ บอกว่า หากไปตามระบบ มันก็ไปของมัน แต่ประเด็นปัญหาคือ บางคนไม่เชื่อคนรุ่นใหม่ มีความคิดแบบเดิมๆ อยากได้หัวหน้าที่เขาสั่งซ้ายหันขวาหันได้
“เรามันแนวใหม่แล้ว เราแข่งกันอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่ได้คิดแต่จะมาแก้ข้อบังคับพรรค เมื่อก่อนใช้ข้อบังคับนี้ แต่พอตอนนี้เป็นอดีต สส. ก็จะมาแก้ ให้ อดีต สส.มีอำนาจเท่ากับ สส. เรียกว่า มองมุมไหนก็ไม่ถูกต้อง เพราะเขาต้องให้ สส. ทำงานร่วมกับกรรมการบริหารพรรค”
สิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนในอนาคตของ ปชป. คืออะไร นายเดชอิศม์ กล่าวว่า วัฒนธรรมองค์กร และความคิดของคนในพรรคต้องยอมรับเรื่องใหม่ๆ คนใหม่ๆ รวมถึงการทำนโยบาย เพราะโลกเปลี่ยนไปเยอะ นโยบายที่มีต้องสอดรับกับความต้องการของประชาชน
เมื่อถามว่า ท่านชวน หลีกภัย หรือ ท่านบัญญัติ บรรทัดฐาน มองปัญหาในพรรคอย่างไร นายเดชอิศม์ บอกว่า ไม่ได้คุยกับตนเท่าไร
ห่วงเรื่องความขัดแย้งหรือไม่... นายเดชอิศม์ ตอบว่า ก็ทีมของท่านนี่แหละ ที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง...
...
“ผมชินแล้ว กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่อีก 4 ปีค่อยเลือก”
ในความเห็นส่วนตัว ปชป. ควรร่วมรัฐบาลไหม...นายเดชอิศม์ ตอบว่าได้ทั้ง 2 แบบ ร่วมก็ได้ ไม่ร่วมก็ได้ ซึ่งมันก็เหมือนปี 2562 เราเถียงเรื่องนี้กัน 1 วัน 1 คืน
ฝ่ายหนึ่งบอกว่า พรรคจะเสียหาย หากเราไปสนับสนุนเผด็จการ
อีกฝ่ายก็บอกว่า ความเดือดร้อนของประชาชน เรารับปากไว้แล้ว ชาติ กับ ประชาชนต้องมาก่อน
ต่างฝ่ายต่างพูดและให้เหตุผลกันทั้งวันทั้งคืน สุดท้าย จบที่การโหวต พอผลโหวตออก ตอนนั้น (เท่าที่จำได้) คือ 61 เสียง ไม่เห็นด้วย 16 คน ทั้งนายกฯ ชวน หลีกภัย นายสาธิต ปิตุเตชะ และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็อยู่ใน 16 คนนั้น แต่พอมติออกแบบนี้ นายชวน ก็ได้มาเป็นประธานสภาฯ ได้ นายสาธิต มาเป็นรัฐมนตรี ขณะที่ คุณอภิสิทธิ์ รับไม่ได้ ก็ลาออกจากการเป็น สส.
“พอเรามาพูดแบบนี้ใครรับไม่ได้...กลายเป็นว่าเราออกมาด่าผู้ใหญ่ นี่คือ ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น”
...
หากมีโอกาส อยากทำงานในส่วนไหน นายเดชอิศม์ บอกว่าไม่มีสิทธิ์เลือก เพราะการร่วมรัฐบาลเท่ากับ 0%
ถามตรงๆ ว่า เวลานี้มีกระแสข่าว ว่ามี สส.เตรียมออกจากพรรค 20 เสียง ไม่ออกจากพรรค 4 และ 1 คนกำลังลังเล นายเดชอิศม์ ตอบคำถามนี้ว่า ยังไม่ถึงขนาดนั้น แต่ก็มีคนเบื่อ...
ตัวเลขนี้มีมูลไหม... นายเดชอิศม์ ยอมรับว่าหลายคนคิดกันอยู่ โดยเฉพาะ สส.วัยรุ่น เขามองว่า หากอยู่ในสภาพแบบนี้ คนที่เลือกมา จะรู้สึกผิดหวังหรือไม่
เกิดแตกหักกันจริงๆ คนที่จ่อจะย้ายออก มีพรรคสำรองหรือยัง นายเดชอิศม์ ตอบว่า ยังไม่ถึงขั้นนั้น
กำหนดการประชุมครั้งหน้า มีคุยไว้หรือยัง
ประชุมครั้งหนึ่งคนมาทั่วประเทศ มีค่าใช้จ่ายครั้งละ 3-4 ล้าน หากไม่ครบการประชุม มันก็ไม่ดี ฉะนั้น เราจึงเตรียมพารือกับทาง กกต. ว่า หากจะคัดตัวแทน ภาคละ 20-30 คน โดยการจับสลากมาก็ได้ให้เป็นองค์ประชุม เพื่อให้ครบตามกฎหมาย 250 คน
"ความรู้สึกส่วนตัว ณ เวลานี้ เป็นอย่างไร ในฐานะพรรคการเมืองเก่าแก่ แต่มาเจอสภาพแบบนี้ นายเดชอิศม์ กลั่นความรู้สึก บอกว่า ผมรอจะเข้าพรรคประชาธิปัตย์มา 15 ปี ตั้งแต่ปี 2547 แต่พอเข้ามาเจอสภาพพรรคแบบนี้ รู้สึกผิดหวังพอสมควร คิดว่าไม่น่าจะเป็นแบบนี้ ด้วยเหตุนี้ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมพรรคประชาธิปัตย์ถึงถดถอยลงไปเรื่อยๆ แต่...หากเราปรับและกลับตัวแบบ 360 องศา ปชป.ก็คงหนักกว่านี้....เราเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ ก็อยากปัดกวาดให้มันสะอาดเพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามา เพราะเราเป็นสถาบันทางการเมือง อยากให้พี่น้องชาวประชาธิปัตย์ช่วยกัน" นายเดชอิศม์ กล่าว
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
อ่านบทความที่น่าสนใจ