รู้จักกัลฟ์สตรีม หนึ่งในกระแสน้ำสำคัญที่ใกล้หยุดหมุน จนโลกอาจเกิดวิกฤติ...

"การชะลอวิกฤติกัลฟ์สตรีม คือ ลดโลกร้อน และการช่วยโลกก็เป็นการช่วยตัวเราโดยอัตโนมัติ"

การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ส่วนใหญ่แล้วเป็นผลกระทบจากการกระทำของมนุษย์ มีสาเหตุหลักจากการเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ที่มีคุณสมบัติในการดูดซับคลื่นรังสีความร้อน และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโลกร้อน

ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดขึ้น เมื่อก๊าซเรือนกระจกลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ จะทำหน้าที่เหมือนผ้าห่มที่คลุมโลกไว้ หากผ้าห่มหนาพอดี ก็จะรักษาอุณหภูมิให้โลกอุ่นสบาย แต่ถ้าผ้าห่มหนาเกินไป ก็จะทำให้โลกของเราร้อนมากขึ้น

เมื่อก๊าซเรือนกระจกมากขึ้น โลกก็ร้อนขึ้น และทำให้เกิดผลกระทบต่างๆ ตามมา ผลกระทบหนึ่งอย่างที่เคยถูกกล่าวถึงในอดีต และช่วงนี้กลับมาเป็นประเด็นที่เริ่มพูดถึงมากขึ้น คือเรื่องของ ‘The Atlantic Meridional Overturning Circulation (AMOC)’ หรือรู้จักกันในชื่อ ‘กระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม (The Gulf Steam)’ ซึ่งถือเป็นกระแสน้ำที่สำคัญของโลก

...

National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA) หรือ องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ เรียกสั้นๆ ว่า ‘โนอา’ เป็นหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา อธิบายถึงกระบวนการไหลของกระแสน้ำในมหาสมุทรแอตแลนติก ไว้ว่า การไหลของกระแสน้ำเย็น (Labrador Current) ที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรแอตแลนติก เมื่อกระแสน้ำไหลผ่านบริเวณเส้นศูนย์สูตร อุณหภูมิจะสูงขึ้น และยกตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ กลายเป็นกระแสน้ำอุ่น (Gulf Steam) การไหลของกระแสน้ำในมหาสมุทรทั้งหมด รวมการยังมีอยู่ของมัน ทำให้เกิดประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต และกิจกรรมทางเศรษฐกิจของมนุษย์

แต่ปัจจุบันการไหลเวียนของกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม อ่อนกำลังลงมากที่สุดในรอบหลายพันปี หากสถานการณ์โลกร้อนยังคงดำเนินต่อไป การเคลื่อนตัวของกระแสน้ำอุ่นนี้ก็จะยิ่งเคลื่อนตัวช้าลง และมีความเป็นไปได้ที่อาจจะหยุดเคลื่อนตัว

ประเด็นสิ่งแวดล้อมที่สำคัญนี้ ทำให้ทีมข่าวเฉพาะกิจ ไทยรัฐออนไลน์ ได้เข้าพบ ‘ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์’ รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบนิเวศทางทะเล เพื่อสอบถามถึงความน่ากังวล และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับโลกและประเทศไทย ในวันที่กัลฟ์สตรีม (อาจจะ) หยุดเคลื่อนตัว 

ความหมายแห่งการมีอยู่ของกัลฟ์สตรีม

“กระแสน้ำนี้มีความหมายมาก มันเริ่มพาน้ำอุ่นจากทะเลแคริบเบียน วิ่งมาทางเหนือเข้าหายุโรป หลักๆ คือ พุ่งกระแทกยุโรป เพราะฉะนั้นกระแสน้ำอุ่นนี้จะพาความร้อน และน้ำอุ่นมาตามผิวน้ำ ทำให้ยุโรปอุ่น ถ้าเทียบยุโรปกับอเมริกาในละติจูดเดียวกัน จะพบว่ายุโรปอุ่นกว่าเยอะ เพราะว่ากัลฟ์สตรีมพาความร้อนมา ทำให้ยุโรปกลายเป็นเมืองที่น่าอยู่ มีผลิตภัณฑ์และเกษตรกรรมที่ดี”

แล้วการมีอยู่ของกัลฟ์สตรีมสำคัญกับยุโรปมาก - น้อยแค่ไหน ทำไมยุโรปขาดสิ่งนี้ไม่ได้

“มันสำคัญกับยุโรปมาก เพราะเท่าที่คำนวณกัน ถ้าไม่มีกระแสน้ำนี้ อุณหภูมิเฉลี่ยจะลดลงประมาณ 3.5 องศา อังกฤษจะหนาวลง ฝรั่งเศสจะหนาวลง ส่งผลกระทบมากมาย พืชพันธุ์ต่างๆ อาจจะไม่มีให้กิน รวมผลกระทบอื่นก็จะกว้างมาก จนบอกได้ยาก การเกษตรในยุโรปจะเสียหายหนัก การท่องเที่ยวและฤดูกาลจะเปลี่ยนไป”

กัลฟ์สตรีมนั้นสำคัญถึงขนาดที่ว่า ถ้าไม่มีสิ่งนี้ ก็คงไม่มีอารยธรรมของมนุษย์ตรงนั้น

“น้ำอุ่นนี้อยู่มาเป็นพันปี หมื่นปีแล้ว มนุษย์ตั้งรกรากปักฐานได้ ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นได้ ก็เพราะมีกระแสน้ำอุ่นนี้ ถ้าไม่มีมันขึ้นมา อารยธรรมต่างๆ ที่มนุษย์พยายามสร้างกันขึ้นมา ก็อาจจะเปลี่ยนไปอีกทางหนึ่งเลย

...

ความน่ากังวลของผลกระทบ ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ต่อมนุษย์ หรืออารยธรรมที่เราพยายามสรรค์สร้างกันมา แต่เพื่อนร่วมโลกอย่างสัตว์น้อยใหญ่ ที่ใช้อากาศร่วมกันกับเรา ก็จะหนีไม่พ้นความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น

“เมื่อน้ำเย็นลง ผลกระทบต่อสัตว์มันมีอยู่แล้ว สัตว์น้ำต่างๆ ที่ต้องใช้น้ำร้อน มันก็ต้องเปลี่ยนตาม จากเดิมที่สัตว์บางชนิดต้องขึ้นเหนือเพราะโลกร้อน แล้วถ้ายุโรปหนาวลงอีก มันก็จะเปลี่ยนไปหมด สัตว์ที่เคยอยู่ได้ในหน้าหนาวก็จะเปลี่ยนไป เช่น หมีถูกออกแบบมาให้จำศีล 3 เดือน แต่อยู่ดีๆ ต้องมาจำศีล 7 เดือน มันก็จะอยู่ไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างมีวิวัฒนาการมาแล้ว ถ้าวันหนึ่งยุโรปหนาวลงกะทันหัน ทุกอย่างจะอุตลุด สัตว์บางชนิดอาจจะต้องสูญพันธุ์ เหลือจำนวนน้อยที่อยู่รอด ระบบนิเวศจะเปลี่ยนแปลง จนกว่ากัลฟ์สตรีมจะกลับมาอีกครั้ง”

จะหยุดเมื่อไรไม่มีใครรู้

“จะหยุดเมื่อไรไม่มีใครรู้ เพราะเป็นการคาดการณ์ อาจจะประมาณ 10-50 ปี ข้างหน้า แต่เราบอกได้แน่สุดก็คือ ตอนนี้มันอ่อนแรงลง และอาจจะหยุดได้ ความน่าจะเป็นต่ำสุดที่จะหยุด คงเป็น 10 ปีจากนี้ ถ้าจะเอาความน่าจะเป็นเยอะๆ ก็อาจจะอีก 20-50 ปีข้างหน้า”

...

น้ำแข็งขั้วโลกละลายเป็นผลกระทบที่เกิดจากสภาวะโลกร้อน น้ำจืดที่ไหลออกมาเข้าไปปะปนกับน้ำเค็ม จนทำให้กัลฟ์สตรีมอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด

“น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ทำให้น้ำจืดมากขึ้น ปกติแล้วน้ำเค็มมันจะหนักตัวและจมลง แต่ถ้าน้ำจืดลงไปปนเยอะขึ้น จะทำให้ความเค็มต่ำลง มันก็จะเบาและไม่จม แรงขับเคลื่อนจะน้อยลง กระแสน้ำนี้คงไม่หยุดถาวร เพราะในอดีตการหยุดเคยเกิดขึ้น เพียงแต่ว่าตอนนี้ที่เราพูดถึงกัน เพราะมีส่วนของภาวะโลกร้อน ที่มนุษย์สร้างขึ้น จึงทำให้มันอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด”

จาก 100 ปี เหลือน้อยลง และความน่าจะเป็นในความซับซ้อน

จากอดีตที่เคยคิดว่า เวลาของกัลฟ์สตรีมคงเหลือประมาณ 100 ปี แต่การกระทำของมนุษย์ ทำให้เวลาที่เคยคาดการณ์ ลดลงต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ

“เรื่องกัลฟ์สตรีมเป็นประเด็นที่คุยกันมาเป็น 10 ปีแล้ว เพียงแต่ว่าตอนนี้การพูดกันเพิ่มขึ้น ตามสถานการณ์ของโลกร้อน ระยะเวลาที่เราเคยคิดว่าเป็น 100 ปี ก็ลดลงเรื่อยๆ มันอาจจะไม่หยุดก็ได้ เพราะเป็นความน่าจะเป็น”

ประเด็นของกัลฟ์สตรีมเป็นเรื่องที่ใหญ่ แม้จะผ่านการศึกษามาแล้วบ้าง แต่ข้อมูลที่มีก็ยังเกิดการถกเถียง โต้แย้ง ทั้งซับซ้อนและบางทีก็ชวนสับสน

“กัลฟ์สตรีมเป็นเรื่องที่ใหญ่และซับซ้อนมาก เริ่มศึกษากันจริงๆ เมื่อประมาณแค่ 20 ปี ทำให้มีข้อมูลอีกมหาศาลที่เรายังไม่รู้ ดังนั้นข้อมูลที่บอกไป หรือข้อมูลที่นักวิทยาศาสตร์พูดไว้ ก็ยังมีการขัดแย้ง เพราะเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและสับสน แต่ที่ทุกคนเห็นตรงกัน และไม่มีการแย้งเลย คือ ตอนนี้มันอ่อนแรงลง”

มนุษย์ต้องใส่ใจ และแก้ไขพฤติกรรมตัวเอง

จากข้อมูลต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า การกระทำและกิจกรรมของมนุษย์ เป็นส่วนที่สำคัญของการเกิดปรากฏการณ์นี้ 

...

“ถ้ามนุษย์ยังมีพฤติกรรมแบบนี้ มันก็จะไปเร่งเวลาให้เร็วขึ้น ถ้าโลกร้อนเร็วขึ้น ก็จะยิ่งไปกระตุ้นให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายเร็วขึ้น จากความน่าจะเป็นที่เคยต่ำก็คงมากขึ้น”

ความแตกต่างนิดเดียวแต่ผลลัพธ์ไม่นิดเดียว ทำให้สิ่งนี้ยิ่งตอกย้ำกับเราว่า การมีอยู่ของกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมเป็นเรื่องที่สำคัญ 

“กระแสน้ำอุ่นนำพาสภาพอากาศอุ่นไปด้วย ยุโรปสามารถเฮฮาปาร์ตี้ คนสร้างบ้านสร้างเมืองได้ หรือวัฒนธรรมทั้งหมด ก็มาจากกระแสน้ำอุ่นนี้ อย่างในแคนาดามีพื้นที่ที่เรียกว่าทุนดรา มันแทบจะไม่มีสิ่งมีชีวิตเลย แต่ฝั่งยุโรปในเส้นละติจูดเดียวกัน มีอุณหภูมิต่างกันแค่ 3-4 องศา แต่ความศิวิไลซ์ต่างกันคนละโลก”

กระแสน้ำอุ่นที่ยุโรป สำคัญกับไทยยังไงกัน

แม้ข้อมูลและผลการศึกษาในปัจจุบัน อาจจะยังไม่สามารถระบุได้เป็นข้อๆ ว่า ถ้ากระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมหายไป แล้วจะส่งผลอย่างไรกับประเทศไทย แต่สิ่งนี้ก็สามารถคาดการณ์ได้ เพราะสุดท้ายแล้ว โลกเราก็พึ่งพาอาศัยกัน

ยุโรปเจ๊ง เราก็เจ๊ง เรื่องกัลฟ์สตรีมคงยังไม่มีใครตอบได้ว่า จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างไรบ้าง แต่หากพูดในลักษณะของโมเดล ถ้ายุโรปเย็นลง น้ำแข็งเพิ่มขึ้น สะท้อนแสงเพิ่มขึ้น มันจะส่งผลได้เยอะแยะ หากกัลฟ์สตรีมหยุดจริงๆ แล้วมองแง่ของเศรษฐกิจ ไม่ต้องไปสนใจว่าเราจะร้อนหรือเย็นขึ้นกี่องศา แต่ถ้ายุโรปอยู่ไม่ได้ เราก็อยู่ไม่ได้ เศรษฐกิจล่มสลาย จากที่เคยส่งออกไปยุโรปมหาศาล ทุกอย่างจะปั่นป่วนหมด”

การป้องกันอาจไม่มี แต่การชะลอเหตุการณ์นี้ยังทำได้

“การป้องกันไม่มี แต่การชะลอก็คือลดโลกร้อน ถ้าลดได้ก็ดี ลดการใช้พลังงาน ลดการใช้ฟอสซิล รักษาระบบนิเวศให้มันดี พวกนี้ก็คงชัดเจนที่สุด แต่ถ้าจะไปแก้ไขกัลฟ์สตรีมมันทำไม่ได้ โลกเราไม่ได้มีเทคโนโลยีที่จะไปช่วยเร่งกัลฟ์สตรีม มันเป็นเหมือนกับสายเลือดหลักของโลก”

การประชุม COP28 หรือการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่จะเกิดขึ้นปลายปี 2566 นี้ มีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี เป็นเจ้าภาพ เป็นสิ่งที่น่าจับตามองว่า ประชาคมโลกจะมีทิศทางอย่างไร ในการใช้พลังงานฟอสซิล

“ต้องรอดู COP28 ปลายปีนี้ ว่าเขาจะเอาจริงกับเรื่องของพลังงานน้ำมันมากแค่ไหน เพราะตอนนี้พูดถึงกันเยอะมากว่า ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปก็ลำบากแน่ ต้องดูว่าเขาจะทำอะไรต่อเกี่ยวกับการใช้ฟอสซิล แม้ตอนนี้เราพยายามลดการใช้ลงแล้ว มีอีวี (EV: Electric Vehicle) มีโซลาร์เซลล์ แต่มันแก้ไม่ทัน”

แม้สุดท้ายเราจะไม่มีเทคโนโลยีที่จะหยุดปรากฏการณ์นี้ได้ แต่เราสามารถเป็นส่วนหนึ่ง ที่จะชะลอการเกิดขึ้นได้ เพราะเราก็เท่ากับโลก

“ตอนนี้ทุกคนต้องเริ่มที่ตัวเองก่อน มันต้องช่วยกัน เอาตัวเองให้รอดก่อน ยังไม่ต้องไปช่วยโลก เพราะการเริ่มที่ตัวเองก็เป็นการช่วยโลก และการช่วยโลกก็เป็นการช่วยตัวเราไปโดยอัตโนมัติ ”

ทีมข่าวเฉพาะกิจ ไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

อ่านบทความที่น่าสนใจ