คุยกับ "วิทยา แก้วภราดัย" รองหัวหน้าพรรค รวมไทยสร้างชาติ หลังหารือกับพรรคเพื่อไทย ย้ำจุดยืนไม่เอาก้าวไกล และเงื่อนไขโหวตนายกฯ การันตี "ลุงตู่" วางมือแล้ว และพรรคไม่เสนอชื่อ แม้จะมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ

งดประชุมรัฐสภาแล้ว! สำหรับการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 3 ที่กำหนดเดิมเป็นวัน พรุ่งนี้ (27 กรกฎาคม 2566) ซึ่งล่าสุด นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา ระบุว่า จากได้ประชุมฝ่ายกฎหมาย สภาผู้แทนราษฎร ที่ปรึกษาประธานสภาฯ เพื่อประกอบการวินิจฉัยของประธานสภาฯ ที่ประชุมเห็นว่า ถ้าประธานรัฐสภาจะสั่งงดการประชุมรัฐสภาวันที่ 27 ก.ค.นี้ จะทำให้เหตุการณ์ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อ 41นั้น จะได้ไม่มีความขัดแย้งกับที่รัฐสภาจะประชุมกันวันที่ 27ก.ค. หากมีคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญออกมาในภายหลัง 

เมื่องดการประชุมวันที่ 27ก.ค.แล้ว ดังนั้นการประชุมวิป 3 ฝ่ายในวันที่ 26 ก.ค. จึงต้องงดไปด้วย เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาประชุมกัน เพราะเป็นการเตรียมการประชุมในวันที่ 27 ก.ค. 

...

นี่คือ สถานการณ์ ทางการเมืองในเวลานี้ ที่ยังหา นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ไม่ได้  แม้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แห่งค่ายส้ม “ก้าวไกล” ที่เคยมีหวัง และ หมดหวังไปในวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา เพราะสภาฯ ลงมติ “ห้ามโหวตซ้ำ” จึงต้องส่งไม้ต่อให้ “เพื่อไทย” รวบรวมเสียงตั้งรัฐบาล

สำหรับ สิ่งที่เพื่อไทย แสดงออก คือ การ “รับฟัง” ความคิดเห็น จากพรรคการเมืองอื่นๆ ที่นอกเหนือจาก 8 พรรคที่ลงนามเอ็มโอยู แต่ที่เหนือความคาดหมาย คือ การเชิญ “รวมไทยสร้างชาติ” มาร่วมด้วย 

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ มีโอกาสพูดคุยกับ นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ มองสถานการณ์การเมืองในเวลานี้ว่า วัฒนธรรมของการเมือง การเลือกตั้ง ในระบอบประชาธิปไตย หลังเลือกตั้งผู้ชนะการเลือกตั้งที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุด ก็มีสิทธิในการจัดตั้งรัฐบาลและเลือกนายกฯ 

แต่...เขาได้โอกาสไปแล้ว และไม่ผ่านไปแล้ว ฉะนั้น เมื่อถึงเวลานี้เป็นทีของพรรคการเมืองที่ได้อันดับ 2 และขั้นตอนของพรรคการเมืองอันดับ 2 จะจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร...หากพรรคอันดับ 2 ทำไม่ได้อีก ก็ไปอันดับ 345 เรียงกันไป เรียกว่าให้โอกาสทุกพรรคในการจัดตั้งรัฐบาล 

“ต้องยอมรับว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่มีพรรคการเมืองใด ชนะแบบเด็ดขาด มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาฯ คือ เกิน 250 เสียง หากมีเสียงข้างมากจริงๆ ก็ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวไปแล้ว เพียงแต่สิ่งที่เกิดขึ้น คือ เขามีเสียงมากกว่าพรรคอื่น แค่นั้นเอง” 

นายวิทยาย้ำว่า ที่ผ่านมา มีการพูดกันเลยเถิดว่า “เสียงข้างมากๆ” ซึ่งไม่จริง โดย พรรคที่ชนะอันดับ 1 แต่ไม่ผ่านการโหวต ที่สำคัญคือ “กติกา” นี้เขียนไว้ก่อนการเลือกตั้ง และทุกคนทุกพรรครู้ และการส่งต่อในการจัดตั้งรัฐบาลให้พรรค 2 และ 3 ก็ถือเป็นมารยาททางการเมือง ไม่ใช่กฎหมาย 

เมื่อถามว่า ท่าทีของ รวมไทยสร้างชาติ กับพรรคเพื่อไทย เป็นอย่างไร นายวิทยา กล่าวว่า ส่วนตัวแล้วผมไม่ได้เข้าร่วมพูดคุยด้วย แต่การหารือ มันเป็นการเปิดรับฟังท่าทีพรรคการเมืองต่างๆ โดยพรรคที่กำลังจัดตั้งรัฐบาล ก็คือ พรรคเพื่อไทย เขาก็รับฟังทุกพรรค ว่ามีปัญหาติดขัดอะไร 

“โดยสรุปที่เขารับฟัง ก็คือ ทุกพรรคการเมืองติดปัญหาเดียว คือ พรรคก้าวไกล ที่มีแนวคิดเป็นปฏิปักษ์กับระบบการปกครอง ซึ่งก็คือปัญหาเดียวกันที่ทุกพรรคติดในเรื่องนี้ รวมถึง รวมไทยสร้างชาติด้วย เพราะเรามีท่าทีชัดเจนมานานแล้ว ฉะนั้น มันจึงอยู่ที่ “เพื่อไทย” จะทำอย่างไร”

...

มีประเด็นอื่นอีกหรือไม่ ที่ รทสช. กับ เพื่อไทย ที่มีจุดยืนไม่ตรงกัน นายวิทยา กล่าวว่า ข้อนี้เป็นเพียงข้อเดียว ที่เราประนีประนอม กับพรรคการเมืองที่คิดแบบนี้ไม่ได้!!

เมื่อถามว่า เพื่อไทย ถึงขั้นขอเสียงสนับสนุน โหวตนายกฯ ในแคนดิเดต ของเพื่อไทย หรือไม่ นายวิทยา ระบุว่า ไม่ถึงขั้นนั้น แค่ถามว่า ติดขัดอะไรหรือไม่ ซึ่งเรายืนยันว่า ถ้ามีแนวคิดแบบนี้เราไม่ร่วม 

ด้วยบรรยากาศการเมืองเป็นเช่นนี้ ทำให้ รทสช. มีความหวังในการร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้ไหม รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ตอบว่า ไม่ใช่เรื่องความหวัง แต่เป็นเรื่องของพรรคมี “จุดยืน” หรือไม่ และก็ยังยืนยันมาตลอดว่าเรื่องนี้ “แตะ” ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ส่วนจะถึงขั้น “ใคร” ชวน “ใคร” บอกเลยว่า ยังไม่ถึงขั้นนั้น

เมื่อถามว่า ถ้าเพื่อไทย มาขอให้ร่วมโหวตนายกฯ ล่ะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า ก็ต้องรู้ก่อนว่า “เพื่อไทย” รวมใครบ้าง ถึงจะบอกได้ว่า “สนับสนุน” หรือไม่ หากไปรวมพรรคที่เราปฏิเสธมา ก็ไม่ต้องคุยกัน และเชื่อว่า “ท่าที” ทุกพรรคก็แบบเดียวกัน 

...

เมื่อถามว่า มองแคนดิเดต ของเพื่อไทยอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐา ทวีสิน หรืออุ๊งอิ๊ง นายวิทยา เลี่ยงที่จะตอบ บอกแต่เพียงว่าเป็นเรื่องภายในพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าใคร...จะขึ้นมาเป็นนายกฯ ก็ต้องตรวจสอบ เพราะเป็นนายกรัฐมนตรีในระบบรัฐสภา 

ทีมข่าวฯ ถามว่า มีใครที่เชียร์ในใจไหม นายวิทยา บอกว่า เพราะยังไม่ได้มีการพูดคุยว่าเราจะไปร่วมกับเขา เพียงแต่ย้ำว่า หากมีก้าวไกล เราก็ไม่เอา 

จำเป็นไหม ที่ รวมไทยสร้างชาติ ต้องร่วมรัฐบาล ถึงจะโหวตให้ นายวิทยา ตอบสั้นๆ ว่า “ในวันนี้ ไม่จำเป็น อยู่ที่คุณจะเอายังไงกับเรา เพราะหน้าที่ตั้งรัฐบาลเป็นของคุณ ไม่ใช่ผม” 

ภาพการเมืองในอดีต ระหว่างเพื่อไทย กับ รวมไทยสร้างชาติ (หลายคนเป็น กปปส.) มีความขัดแย้งกัน มาถึงวันนี้อะไรทำให้มีการเปลี่ยนแปลง และหันมาคุยกันได้ นายวิทยา ตอบประเด็นนี้ว่า เวลานั้นเรามีปัญหาเรื่องการนิรโทษกรรมสุดซอย ซึ่งเป็นประเด็นเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน เราขัดแย้งตรงนั้น ถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเวลานั้นเราคือฝ่ายค้าน มีหน้าที่ตรวจสอบการทุจริต เราก็ทำหน้าที่ เมื่อมีการตรวจสอบพบ ก็มีความพยายามในการนิรโทษกรรม ฝ่ายค้านก็ต้องคัดค้าน 

...

“ปัญหาที่อยู่ตรงนั้น หากวันข้างหน้าเกิด เราก็ต้องยืนยันในตรงนั้น ซึ่งเขาก็รู้อยู่แล้ว ดังนั้น หากไม่มีปัญหาแบบนี้ เราก็ไม่มีสิทธิที่จะไปต่อต้าน ทุกอย่างมันคือ ปัญหาที่เกิดขึ้น ณ เวลานั้น คือ การพบการทุจริต ลงโทษคนที่ทุจริต และการนิรโทษกรรมคนทุจริต จึงถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่เรื่องนั้นมันถูกดำเนินคดีไปหมดแล้ว ก็คือจบ” 

เมื่อถามว่า ด้วยสถานการณ์การโหวตนายกฯ ยังอยู่ในภาวะ “คลุมเครือ” จึงมีนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งถือเป็นแคนดิเดต นายกฯของ รทสช. ยังมีสิทธิ แม้จะประกาศวางมือไปแล้ว 

นายวิทยา กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า “ท่านเป็นคนประกาศวางมือ และเราคงไม่เสนอชื่อท่าน ตามเจตจำนง ของท่าน และนักวิเคราะห์ก็เหมือน “หมอดู” เพราะดูผิดก็ดูใหม่ได้ ซึ่งเหตุการณ์ทางการเมืองมาถึงวันนี้ นักวิเคราะห์ทางการเมือง 90% ดูผิดหมด ผมก็ไม่อยากเป็นหมอดูอีกคน...

ลุงตู่วางมือแล้วจริงๆ? นายวิทยา ตอบว่า ก็ท่านเป็นคนประกาศ และทุกคนไม่พูดถึงท่านแล้ว...เป็นเจตจำนง 

เมื่อถามว่า สถานการณ์เวลานี้ ในฐานะพรรคการเมืองควรทำอย่างไร ให้ประเทศเดินต่อได้ นายวิทยา กล่าวแบบลากเสียงยาวเล็กน้อย “เดินต่อไปได้...ไม่ใช่ว่าเดินไม่ได้เพราะรวมไทยสร้างชาติ เพียงแต่ “ก้าวไกล” ก็ต้องยอมรับบทบาทของเขา ว่าไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว โดย “กฎหมาย” มันล็อกอยู่ตรงนั้น ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่ที่พรรคที่ 2 คือเพื่อไทย ว่าจะทำอย่างไร 

เมื่อถามว่า ภาพของ รวมไทยสร้างชาติ พูดคุยกับเพื่อไทย แฟนคลับพรรค รู้สึกอย่างไร นายวิทยา กล่าวว่า “ผมเชื่อว่าทุกคนรู้ว่าเราแสดงท่าทีให้เพื่อไทยได้รู้ ว่าเราคิดอย่างไร ที่เราไม่โหวตให้ครั้งที่แล้ว ที่เพื่อไทย ร่วมกับก้าวไกล เพราะเราคิดว่าหากรวมกับคน และพรรคอย่างนี้ ก็นำชาติไปสู่ความเสี่ยงที่จะเกิดหายนะ” 

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน 

อ่านบทความที่น่าสนใจ