เริ่มจากความสงสาร ตำรวจ ไถ่ชีวิตควาย จากนายฮ้อย จ่อเอาไปเชือด ก่อนเข้าวงการเลี้ยงควาย ก่อนตัดสินใจครั้งใหญ่ ซื้อควาย ชื่อช้างอุดร ราคา 2 ล้าน คืนทุนใน 3 เดือน ด้วยการขายน้ำเชื้อ...
“กลับบ้านไปเลี้ยงควาย!!”
วลีนี้อาจเป็นคำด่า แต่ใครจะคิดว่า “ควาย” ก็พารวยได้ ทำเงินได้หลักล้าน สิบล้าน หรือ ร้อยล้านได้...
เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงกับ “ผู้กองเป๊ก” หรือ ร.ต.อ.จีรศักดิ์ คำวะเนตร เจ้าของ ชาลีฉายฟาร์มควายไทย
“ผมเป็นตำรวจที่ต้องลงพื้นที่บ่อย วันหนึ่งไปลงพื้นที่โนนสูง ไปเจอคนกำลังคนควายขึ้นรถ โดยเป็นแม่ ลูก 2 ตัว ตัวพี่เป็นตัวเมีย และ ตัวน้องเป็นตัวผู้ ด้วยที่ว่าเราจอดรถติดตรงนั้น จึงได้ลงไปพูดคุยด้วย ตามภาษาตำรวจ”
ควาย 2 ตัว ขึ้นรถไปแล้ว คือ แม่กับพี่สาว ส่วนไอ้ตัวเล็กยังไม่ขึ้น...มันไม่ยอมขึ้น วิ่งรอบรถ และก็ร้องๆ ตามภาษาควาย
“จะเอาควายไปไหน...” ผมถามเขาไป
“เอาไปตลาดนัด เอาไปเชือดขาย ให้คนเวียดนาม”
“กินหมดเลยหรือ..ตัวเล็กๆ ก็กิน?”
ผู้กองเป๊ก เล่าว่า เราเห็นตัวเล็กมันร้องแบบน่าสงสารมาก เหมือนเด็กเล็กๆ ร้องไห้ ก็เลยตัดสินใจถาม
“ถ้าผมจะไถ่ชีวิตมัน พี่จะขายให้ผมเท่าไร..”
เราถามตามสไตล์ตำรวจ แม้ใจจะรู้ว่า อาจจะไม่ได้ซื้อ “งั้นผมขาย 1 แสน จากที่จะนำไปขายในตลาด 3 ตัว 1.2 แสน
“เอา 9 หมื่นไหม ถ้า 9 หมื่นซื้อเลย..”
ร.ต.อ.จีรศักดิ์ แกล้งต่อราคา เพราะเชื่อว่าเขาก็ไม่ขายให้เรา ตัวเองก็ไม่รู้จักอาชีพ “นายฮ้อย” แต่ปรากฏว่า เขาขายให้เรา 94,000 บาท 3 ตัว
...
งานเข้า เงินในตัว 5 พัน ยืมลูกน้อง ขาย “ทองแต่งงาน” ซื้อควาย!
ร.ต.อ.จีรศักดิ์ เล่าต่อว่า ตอนนั้นตัวเองมีเงิน 5 พัน จึงยืมลูกน้องอีก 5 พัน จากนั้นกลับไปบ้าน ไปเอาทองทั้งหมด ที่เคยใช้เป็นสินสอดงานแต่งภรรยา เอาไป “จำนำ” เพื่อซื้อควาย 3 ตัว!
ตอนนั้นในใจคิดว่า อาจจะต้องไปกู้เงินสหกรณ์มาจ่าย จากนั้นก็ส่งเงินให้เขา 1 หมื่น เป็นเงินมัดจำ และให้ที่อยู่เขาซึ่งอยู่ในตำบลเดียวกัน เพื่อให้เขานำควายไปส่งให้ ส่วนตัวเองก็ไปทำงานต่อ...กระทั่งกลับมาบ้าน เจอควาย 3 ตัว ผูกอยู่
คำแรกที่เจอหน้าเมีย... “แล้วนี่..อะไร ยังไง!”
“ซื้อมาเลี้ยง ไถ่ชีวิตมา”
เมียยังไม่พูดอะไรมาก เพราะยังไม่รู้ราคา แต่หลังจากที่คุยกัน
“ควายที่ซื้อมา 94,000 บาท ต้องจ่ายอีก 80,000 บาท”
แค่คำนี้เท่านั้นแหละ ระเบิดลงเลย ไปซื้อมาได้ยังไง ทำไมไม่ปรึกษา เอาเงินที่ไหนจ่าย เอาไปคืนเลย!
เราลูกผู้ชาย พูดไปแล้ว ก็คืนไม่ได้ ตอนนั้น นึกขึ้นได้ว่ามีทองแต่งงานอยู่ ประมาณ 3 บาท เอาไปจำนำ และให้เงินเขาไป
ชีวิตเปลี่ยน เมื่อมีควาย!
ร.ต.อ.จีรศักดิ์ เล่าต่อว่า หลังจากมีควายแล้ว วิถีชีวิตเปลี่ยนเลย เพราะตื่นเช้ามาไปทำงาน 8 โมง แต่พอมีควายต้องตื่นเช้า เก็บขี้ควาย ไปหาหญ้าให้กิน ตกเย็นมาก็ทำแบบเดิม กว่าจะเอาควายกลับมาผูกหน้าบ้านก็หมดเวลาละ 2 ทุ่ม ซึ่งเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน เรายังมีเวลาไปทำอย่างอื่น ไปกินข้าวนอกบ้านบ้าง
“ขี้ควายนี่เหม็นมากนะครับ ถ้าใครไม่เคยเลี้ยงควาย หรือ ได้กลิ่น จะไม่รู้ แล้วมันก็ชอบนอนในแอ่งโคลน ผสมกลิ่นเหล่านี้อีก”
ผู้กองเป๊ก บอกว่า หลังจากนั้นไม่นาน ก็คิดจะเอาควายไปถวายวัด เพราะไม่อยากขาย เพราะเราไถ่ชีวิตมันมา แต่พอไปวัด พระบอกว่า “ไม่เอา...โยมยังเลี้ยงไม่ได้ แล้วอาตมาจะเลี้ยงได้เหรอ”
สุดท้ายก็ต้องเลี้ยงกันต่อไป...กระทั่ง ผ่านไปเดือนหนึ่ง ก็มีพ่อค้าควายมาที่บ้าน เขาถามว่าเราจะขายไหม...ซึ่งคาดว่า เขาคงมาดูหลายครั้งแล้ว โดยเขามาพร้อมรถขนควาย เราก็คุยกัน ถามว่าซื้อมาเท่าไร เลี้ยงยังไง กระทั่งเขาชี้ไปที่ตัวพี่สาว ถามว่า จะขายไหม..เราตอบว่า “ขาย...ถ้าไม่เอาไปฆ่า ถ้าเอาไปขยายพันธุ์ก็พร้อมขาย” พูดไป เราก็ขอดูบัตรประชาชนด้วย ด้วยนิสัยตำรวจ
...
“ไม่ฆ่าหรอก...ซื้อแพงขนาดนี้”
“แพงที่ว่าเท่าไร...”
“9 หมื่นขายไหม” พ่อค้าควายถาม
“ถ้าผมรู้ว่าเอาไปฆ่า ผมจะไปตามที่บ้านนะ”
แต่สุดท้ายก็ตกลงขายที่ 9 หมื่นบาท
ตอนนั้น ผู้กองเป๊ก ดีใจมาก ซื้อมา 3 ตัว 9.4 หมื่น แต่ขายเพียงตัวเดียวได้มา 9 หมื่น ที่สำคัญคือ ช่วงเวลานั้น ทุกคนในบ้านต่างกดดันเขามาก พ่อต้องมาช่วยเลี้ยง เมียไม่พอใจที่ไปซื้อควายมาเลี้ยง
แต่พอได้เงินมา ก็เอาเงินให้เมีย จากนั้นมานั่งปรึกษากับพ่อ เพราะขายควายตัวเดียวได้ตั้ง 9 หมื่น หากเราขายได้ 2 ตัว ก็ 1.8 แสนเลยนะ ไม่จำเป็นต้องไปกู้สหกรณ์ ซึ่งตอนนั้นยังเป็นหนี้ 1.5 ล้าน
กำเงิน 9 หมื่น แต่เศร้าใจ เสียงควายแม่ และน้อง ร้องเรียกพี่สาว
ร.ต.อ.จีรศักดิ์ เล่าต่อว่า วันนั้นดีใจมาก ก็เลยอยากพาครอบครัวไปกินข้าวข้างนอก ในความรู้สึกเวลานั้น เหมือนว่าเราทำอะไรแล้วประสบความสำเร็จ กระทั่ง...กำลังออกจากบ้าน มาเจอควาย 2 ตัว ที่ผูกอยู่หน้าบ้าน (ตอนนั้นยังไม่มีคอก)
“ทั้งแม่และน้องมันร้อง เรียกหาพี่สาว ควายมันอยู่ด้วยกันตลอด ความรู้สึกเหมือนเราไปพรากแม่ พรากลูกกัน ทุกคนในบ้านที่อยู่บนรถ มองหน้ากัน อารมณ์เศร้า สงสาร”
...
หลังจากนั้นกลับมาปรึกษากัน ว่าจะทำต่อไหม...โดยคำนวณจากรายได้คนในครอบครัวทั้งหมด เหลือเงินเท่าไร และต้องจ่ายหนี้สินด้วย สุดท้ายตัดสินใจเลี้ยงควายต่อ โดยมีครอบครัวช่วยกันเลี้ยง
ต่อทุนจาก 9 หมื่น จนมีเงินล้าน!
ร.ต.อ.จีรศักดิ์ เล่าต่อว่า เมื่อครอบครัวตกลงร่วมกันแล้ว จึงนำเงิน 9 หมื่นมาต่อทุน ด้วยการซื้อควายมาเลี้ยง แบบซื้อมาขายไป จากคนที่ไม่เคยมีความรู้เรื่องควายก็ไปเรียนรู้ และไปตระเวนหาซื้อควาย กระทั่งไปเจอควายตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นควายแม่-ลูก ตัวแม่ควายตัวนี้ดูผอม แต่มีโครงสร้างใหญ่ แต่ลูกที่คลอดออกมาดูดี สูงใหญ่ จึงตัดสินใจซื้อด้วยราคา 64,000 บาท
“ผมเลี้ยงได้อาทิตย์เดียว ก็มีคนมาขอซื้อลูกควายกับเราในราคา 60,000 บาท เราขายไปโดยที่เราไม่รู้ว่า สายพันธุ์ที่เราได้มา เป็นสายพันธุ์ดี โดยแม่ของมันเป็นลูกของ “หนึ่งสยาม” เป็นลูกของ “ทองสุข” (ควายยักษ์ ที่คนรู้จักทั่วประเทศ) ส่วนลูก เป็นลูกของขวัญเพชร และ ขวัญเพชร เป็นลูกของเพชรอุดร พูดง่ายๆ คือ ลูกมันได้สายพันธุ์ดีทั้งพ่อและแม่ ลักษณะจึงออกมาดี”
...
อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.จีรศักดิ์ บอกว่า เขาซื้อขายควายแบบนี้วนไปกระทั่ง ซึ่งตอนนั้น เปิดคอกเลี้ยงและซื้อขายอยู่ 8 ตัว ซึ่งก็สร้างรายได้ ก็มีเงินเก็บอยู่ประมาณหนึ่ง
วันหนึ่ง มีเสี่ยคนหนึ่งมาจาก ชลบุรี มาขอดูควายของผม และตกลงจะซื้อ...
“ผมสนใจ 6 ตัว ราคา 1.1 ล้านได้ไหม?”
ผู้กองเป๊ก ยอมรับว่าตกใจในข้อเสนอ ไม่คิดว่า “เงินล้าน” มันจะมาง่ายขนาดนี้ พอผมตกปากรับคำ เขาก็เอาเงินมาให้เลย เป็นเงินสด
“เงินล้านถ้าเราจะมีได้ คือ ต้องกู้สหกรณ์ แต่ครั้งนี้จับเงินล้านสดๆ ซึ่งเหตุการณ์ซื้อขายควายเกิดขึ้นภายในปีเดียวที่เราเริ่มเลี้ยงควาย นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญ”
ลงทุนครั้งใหญ่ ซื้อควายตัวละ 2 ล้าน!
การซื้อขายควายครั้งนั้น ทำให้ผู้กองเป๊ก เปลี่ยนแนวคิดการซื้อควาย โดยจะเน้นราคาหลักแสนบาทขึ้น เพราะซื้อแพง จะได้เพิ่ม
“ลักษณะควายที่ดี สำหรับผม คือ กระดูกโครงสร้างใหญ่ อะไรที่ใหญ่กว่าปกติ ตัวนั้นแหละ จะขายได้ ซึ่งตรงนี้เองทำให้เรารู้ทิศทางการซื้อขายควาย”
เมื่อก่อนเคยคิดว่า เลี้ยงควายนานๆ เพื่อขายลูก แต่หลังการเรียนรู้ เราก็จะซื้อมาขายไป ยกตัวอย่างผมซื้อตัวละ 70,000-80,000 เราจะขายได้ประมาณ 150,000 บาท เป็นต้น
วันหนึ่ง...ผมไปเจอควายตัวหนึ่งที่ จ.สกลนคร ฟันน้ำนม ยังไม่ขึ้น เขาบอกกับผมว่ามีคนมาขอซื้อ 2 ล้าน แต่เจ้าของไม่ขาย ผมก็จำลักษณะของมัน จากนั้นก็ไปดูควายอีกตัวที่ จ.หนองบัวลำภู มีฟันน้ำนม คล้ายกัน แต่ตัวใหญ่กว่ามาก เขาจะขายให้ 500,000 บาท แต่ในตัวเรามี 400,000 บาท ก็เลยต่อราคา ตามเงินที่มี เขาลดให้เหลือ 450,000 บาท แต่เรามีเท่านั้น เขาเลยไม่ขายให้
“ผมเลยไปอีกที่หนึ่ง แค่คิดว่าไปดูเฉยๆ ซึ่งที่นี่แหละ คือ ที่ที่ผมเจอ “ช้างอุดร” คอกเก่า มันชื่อ “ช้างร่มโพธิ์” ผมไปเจอผมตะลึงเลย ผมสูง 181 ซม. มันสูงท่วมหัวผมเลย ผมสังเกตภายในคอก แม่พันธุ์มีแต่ตัวเล็ก ทำไมลูกมันตัวใหญ่ ลูกมันที่ผมไปเห็น ตอนนี้คือ “ช้างเศรษฐี”
เจ้าของเดิม บอกกับผมว่า ตัวที่ไปดูก่อนหน้าไม่ต้องเอาหรอก เพราะเดี๋ยวฟันน้ำนมมันก็หลุด ตัวไม่ใหญ่เท่าตัวนี้หรอก มาซื้อตัวนี้ดีกว่า เขาเสนอขายให้ผม 2,500,000 บาท ก็เลยกลับบ้านมานั่งคุยกับพี่ชาย และพี่ชายแนะนำว่า ให้ซื้อในราคา 2 ล้าน คืนนั้นก็เลยโทรหาเจ้าของ และตกลงกัน โดยจะขอผ่อนให้ 2 งวด เดือนละล้าน
เครียดควายแสนแพง มาถึงก็ป่วย ถึงกินไม่ได้นอนไม่หลับ
เจ้าของควายเงินล้าน บอกว่า พอเอาควายเข้าคอกสัปดาห์แรก มันก็ป่วยเลย เพราะไปฉีดยาบำรุง หากควายแพ้ยาก็อาจตายได้ แต่ยังดีที่รักษามันจนหาย แต่สภาพมันผอม และท้องเสีย ซึ่งเวลานั้น ในท้องตลาดนิยมควายอ้วน ตัน ไม่เล่นควายตัวสูงใหญ่ เพราะเป็นช่วงโควิดระบาด ไม่มีสนามประกวด
จากที่ซื้อราคาสูง จึงกลายเป็นคนดังในวงการควาย บางคนโทรหาเพื่อจะขายควาย บางคนโทรหา ให้กำลังใจดีมาก...ซื้อทำไม ควายมันผอม ประกวดไม่ได้รางวัล ผสมไม่ได้ หลายคนอวยพรสารพัด
“พอมาเจอควายผอม ป่วย เราก็ใจเสีย เป้าหมายที่วางไว้ อาจจะไม่เป็นไปตามเป้า เวลานอน ก็นอนไม่หลับ กลัวมันตาย กลางคืนออกมามองดูมัน คิดวนไปในหัว เราเอาเงิน 2 ล้านไปทำอะไร กว่าจะหาเงินมาได้ขนาดนี้... ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดเลยว่าจะซื้อควายตัวผู้”
พอเริ่มปลงได้ ก็เลี้ยงต่อไป แต่กำลังใจในการเลี้ยงมันก็ถดถอย เหมือนจะเลิกเลี้ยง...แต่พอเลี้ยงไปสัก 2 สัปดาห์ “หมอปลั๊กฟาร์ม” ศูนย์จำหน่ายน้ำเชื้อ เขาโทรมาหา ถามว่า เจ้าของ “ช้างอุดร” ใช่ไหม เขาอยากซื้อน้ำเชื้อจากควายของเรา
ชีวิตพลิกผัน ขายน้ำเชื้อควาย รายได้เดือนหลักล้าน
ผู้กองเป๊ก บอกว่า ไม่เคยมีความรู้เรื่องนี้มาก่อน จึงขอความรู้เขา เขาบอกว่าเขาซื้อน้ำเชื้อควายจากที่อื่น โดสละ 300 บาท (1 โดส เท่ากับ 0.25 ซีซี) แต่จากการพูดคุย เราก็ตกลงกันว่าจะขายโดสละ 500 บาท เขาเหมารีด 400 กว่าโดส เขาเหมาราคานี้ จ่ายมา 2 แสนบาท ซึ่งความจริงรีด 1 ครั้ง จะได้กว่า 800 โดส
จากกำลังตกวูบ...วันนั้นได้เงิน 2 แสน ตอนนี้ก็เริ่มเห็นทางแล้ว แค่ 3 วัน ต่อมา เขาโทรมา บอกว่าน้ำเชื้อหมด ซึ่งสาเหตุที่ขายได้เร็ว เพราะมันเริ่มมีชื่อเสียง ซึ่งหมอที่มาเอาไป เขาก็เอาไปผสมเทียม ซึ่งเวลาขาย เขาจะขายครั้งละ 10 โดส เรียกว่า 1 ชุด 400 โดส ขายให้หมอ 40 คนก็หมดแล้ว
ต่อจากนั้น ก็มีการรีดน้ำเชื้อขาย สัปดาห์ละ 1 ครั้งเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ก็สัปดาห์ละ 2 แสน มาเรื่อยๆ เรียกว่า เลี้ยงแค่ 3 เดือน ก็คืนทุน 2 ล้านแล้ว ที่เหลือเป็นกำไรล้วนๆ หลังจากนั้น มูลค่าน้ำเชื้อของมันก็เพิ่มขึ้น เพราะลูกที่ออกมาเห็นผลชัดเจน มีสนามประกวดอีก ก็ยิ่งทำให้มันมีโอกาสโชว์ตัว มันเดินเข้าสนาม ไม่มีควายตัวไหนเท่ามัน... ณ ตอนนี้เป็นควายที่ตัวใหญ่และสูงที่สุดในประเทศไทย อันดับ 2 ของโลก
“รายได้หลักของผมคือ ขายน้ำเชื้อควาย ซึ่งคนเลี้ยงควายมีความเชื่อ 2 อย่าง คือ เชื่อเรื่องการผสมเทียม กับไม่เชื่อ อยากให้มันผสมจริง ฉะนั้น ธุรกิจอีกอย่างที่เกิดขึ้น คือ การทำคอก โดยจะรับควายเข้ามาผสมจริงกับไอ้ช้าง ผสมครั้งละ 5,000 บาท แต่มีค่าฝากวันละ 300 บาท เขาจะฝากไว้จนกว่าจะท้อง ใช้ระยะเวลาเฉลี่ย 40 วัน”
ผู้กองเป๊ก ยอมรับว่า แต่ละเดือน ไอ้ช้างอุดร มันสร้างรายได้ให้เราเดือนละหลักล้านบาท ถึงวันนี้รีดน้ำเชื้อไปแล้วมากกว่า 7 หมื่นโดส คาดว่ามันมีลูกแล้วกว่า 30,000 ตัว ส่วนการเลี้ยงดูมัน เลี้ยงเหมือนนักมวยเลย เราต้องพามันไปออกกำลังกาย อาบน้ำตากแดด เลี้ยงดูอย่างดี ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว อายุควายจะอยู่ได้ประมาณ 25 ปี รีดน้ำเชื้อได้ถึงอายุ 15 ปี ซึ่งตอนนี้ช้างอุดร อายุ 7 ปี ยังมีเวลาเหลือ ส่วนอนาคต ก็คงมองไปที่ลูกหลาน เจ้าควายช้างอุดร นี่แหละ
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์รายงาน
อ่านบทความที่น่าสนใจ