“ความสำเร็จ” เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนบนโลกนี้ต่าง “ปรารถนา” เพราะหากทำได้ ก็จะปูทางไปสู่โอกาสทางชีวิต โอกาสทางสังคม และโอกาสของครอบครัว

จากเด็กบ้านนอก ลูกหลานชาวนา ที่เรียกว่าฐานะค่อนข้างยากจน ใน จ.มหาสารคาม แต่ด้วยความมานะบากบั่น เธอก็สามารถ “พลิกชีวิต” หันมาทำเกษตร ที่แตกต่างจากยุคพ่อแม่ และสามารถจับเงินล้านได้ ตั้งแต่อายุยี่สิบปี

“เมย์” วรดา สอนซ้าย สาวชาวสวน ในวัย 21 ปี จากเด็กฝึกงานมหาวิทยาลัยเกษตรมหาสารคาม ที่ปิ๊งไอเดียขายฝรั่งสายพันธุ์ไต้หวัน กระทั่งประสบความสำเร็จ เป็นเจ้าของสวนวรดา บ้านเขวา ต.เขวา อ.เมือง จ.มหาสารคาม

น้องเมย์ เล่าว่า จุดเริ่มต้นของการทำเกษตรฯ จนมีทุกวันนี้ได้ มาจากการไปเรียนที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเกษตรมหาสารคาม จากนั้น มีโอกาสได้ไปฝึกงาน ที่วังน้ำเขียว ซึ่งที่นั่นเป็นสวนผลไม้หลายชนิด แต่ที่โดดเด่นคือ สวนฝรั่งหงเป่าสือ จากไต้หวัน และระหว่างฝึกงาน ทางผู้จัดการสวนเขาอยากให้เราทดลองขายฝรั่งฯ ออนไลน์ดู

...

“ตอนนั้นเมย์เองก็ฐานะค่อนข้างยากจน แต่ด้วยความโชคดีของเรา เราได้ทุนเรียนจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ด้านนวัตกรรม ซึ่งตอนนั้นทางบ้านไม่มีเงินแม้กระทั่งเล่าเรียน เราต้องสอบชิงทุนการศึกษา ดังนั้น อะไรที่ทำแล้วได้เงิน เราก็อยากลองดู ทาง ผู้จัดการฯ เขาจึงสอนให้เราขายของ การเป็นนายหน้ารับซื้อขายต้นไม้ วิธีการดูแลฝรั่งสายพันธุ์หงเป่าสือ และจากการทดลองขาย เราก็ขายได้ ทางผู้จัดการฯ จึงขอเจ้าของสวนแห่งหนึ่ง ให้เราเป็นผู้จัดการในสวนช่วยขายของ”

นี่คือจุดเริ่มต้น ของ “เมย์ วรดา” ที่เริ่มจากขายฝรั่งฯ โดยเน้นทางโซเชียลมีเดีย จากนั้น ก็อัปเกรดการทำงานด้วยการเป็น “แม่ค้าคนกลาง” ซึ่งก็ขายได้ดีมาก แค่ 3 เดือน ได้จับเงินนับแสนบาท

“รู้สึกว้าวมาก ตกใจมาก ไม่คิดว่าเราจะได้เงินแสน เมย์ไม่เคยเห็นเงินเยอะขนาดนี้”

เมย์ เล่าต่อว่า พอเราเห็นเงินขนาดนี้ รู้สึกว่าเราต้องสู้ ทำงานต่อ ไม่หยุดพัก ทำงานตั้งแต่เช้าจนถึง 5 โมงเย็น เลิกงานตรงนี้ก็ใช้เวลาแพ็กของ ช่วงเวลากลางคืน ซึ่งทางบริการขนส่งเขาก็ยินดีมารับของถึงสวน เราทำแบบนั้นทุกวัน

ด้วยการที่เธอมองการณ์ไกล น้องเมย์ ประเมินว่า หากฝึกงานเสร็จ ก็คงไม่มีของจะขายแน่ๆ เมย์จึงเอาเงินเก็บที่ได้เป็นแสนๆ บาท ส่งเงินให้พ่อแม่ ซึ่งมีที่ดินที่เคยเป็นที่นา ประมาณ 3 ไร่ มาปรับปรุงดิน เพื่อเตรียมมาลงทุนปลูกฝรั่ง

“ตอนทำนา เกิดน้ำแล้งบ้าง น้ำท่วมบ้าง เรียกว่าทำนา ก็แทบจะขาดทุนตลอด ก็เลยขอที่ดินจากพ่อแม่มาทำสวน ซึ่งพ่อแม่เขาก็ตกใจ สงสัยว่าเราเอาเงินมาจากไหน..” เมย์ เล่าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

ปรับที่นา เป็นที่สวน ใช้หลักเกษตรทฤษฎีใหม่

วรดา เล่าขั้นตอนการปรับปรุงเนื้อที่นา เป็นพื้นที่สวน ว่า ไม่ได้ทำอะไรมากก็คือต้องลงทุนขุดสระ ถมดิน โดยตัวบ้านจะอยู่ในพื้นที่ 1 งาน สวนที่เหลือ เราก็ทำตามแบบเกษตรทฤษฎีใหม่ ซึ่งอาจจะมีการดัดแปลงบ้าง โดยพื้นที่สวนหนึ่งเราก็ใช้เป็นสถานที่เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลาดุก โดยทำแบบชีววิถี นอกจากนี้ก็มีการปลูกผักสวนครัว ซึ่งก็ปลูกแซมในแปลงฝรั่ง จากนั้นก็ทำกิ่งพันธุ์ขาย

“ตอนนั้นให้ทางบ้านช่วยปรับปรุงดิน เริ่มปลูกฝรั่ง ทำแบบเกษตรทฤษฎีใหม่ หลังจากฝึกงานจบอีก 5 เดือนต่อมา ฝรั่งที่เริ่มปลูกไว้ก็เริ่มโตใช้ได้พอดี ซึ่งถือว่าเราวางแผนให้ตัวเองแบบนี้ พอกลับมาที่บ้าน เราก็ทาบกิ่งขายได้เลย”

เกษตรกรสาว ยอมรับว่า เธอใช้ทุนในการปรับพื้นที่ทั้งหมดเกือบ 3 แสน รวมกับทุนอื่นๆ ก็ใช้เงินราว 5 แสนบาท เงินที่เราได้มา เราจะจัดสรรปันส่วนต่างๆ ว่าจะใช้ไปกับอะไร เพราะเงินไม่ได้เข้ามาทีเดียว พอมีเงินก็ทำเพิ่ม ขยาย ต่อยอด

“ตอนทำตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเลย ไม่ได้คิดว่าจะสำเร็จ หรือ ขาดทุน คิดเพียงอย่างเดียวว่าเราต้อง “มานะบากบั่น” ซึ่งเราเองก็ต้องหาเงิน พร้อมกับต้องเรียนไปด้วย มีเวลาก็จะเข้ามาดูสวนฝรั่ง”

...

วิธีการปลูก ฝรั่งสายพันธุ์ไต้หวัน 

สำหรับขั้นตอนการปลูก จะใช้กิ่งทาบ โดยเอาต้นฝรั่งขี้นก บ้านเรามาทาบกับกิ่งพันธุ์ดีของ ฝรั่งหงเป่าสือ ส่วนปุ๋ยที่เราใช้ก็ใช้ปุ๋ยคอก ปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งที่ผ่านมาเราตรวจ GMP ก็ถือว่าได้มาตรฐาน ผ่าน

ทีมข่าวฯ ถามเจ้าของสวน ว่า ความเด็ดของ ฝรั่งหงเป่าสือ คืออะไร เมย์ วรดา ตอบทันทีว่า ฝรั่งพันธุ์นี้หากินยาก รสชาติหวานอมเปรี้ยว เนื้อกรอบฟู ข้างในเป็นสีแดง ซึ่งหากเป็นฝรั่งทั่วไป หากเนื้อข้างในเป็นสีแดง แปลว่าเนื้อเละแล้ว แต่สำหรับ ฝรั่งหงเป่าสือ ไม่ได้เป็นแบบนั้น เนื้อจะกรอบ เมล็ดน้อย เรียกว่า ตอบโจทย์ของคนกิน

รายได้ 60,000-100,000 มีเงินล้านผ่านมือ 

เมื่อถามถึงรายได้ ของการปลูกฝรั่งขายของ เกษตรกรสาว บอกว่า ก็ประมาณ 60,000-100,000 บาท ต่อเดือน

“การจับงานล้าน ทำให้เรามีความสุข พึ่งพาตัวเองได้ เวลาเห็นคนอื่นมาชื่นชม บอกว่าเราเป็นไอดอล บางคนมาบอกว่าอยากทำเหมือนเรา หากเขาทำได้ เราก็จะดีใจไปกับเขาด้วย”

ส่วนเป้าหมายในชีวิต น้องวรดา บอกว่า ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ทุกอย่างลงตัว ตอนเราอายุ 24 ปี ซึ่งคำว่า “ลงตัว” หมายถึงแปลงฝรั่งของเราสวยงาม มีคนเข้ามาชม เข้ามาซื้อของ ในอนาคตก็อยากจะนำสินค้าที่มีอยู่ไปแปรรูปเพิ่มมูลค่า และหากทุกอย่างที่คิดไว้ ถูกวางเป็นระบบเรียบร้อยแล้ว ขายของทางออนไลน์ลงตัว เป็นไปได้อายุ 30 ปี ก็จะหยุดพัก

...

แปลว่าตั้งเป้าเกษียณการทำงานในวัย 30 ปี วรดา หัวเราะ เล็กน้อย เธอบอกว่าเป็นเป้าหมาย อยากจะแค่บริหารงานอย่างเดียว ทำงานแบบชิลๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างที่คิดหรือไม่

หลายคนมองว่าการทำเกษตรไม่รวย...? วรดา บอกว่า ตอนที่เธอไปเรียนเกษตร มีแต่คนทักว่าจะไปเรียนทำไม ให้พ่อแม่สอนทำนาก็ได้

“หนูไม่ได้สนใจตรงนั้น เพียงแต่คิดว่า หนูอยากจะเรียนในสิ่งที่ชอบ และค้นพบสิ่งชอบเร็วกว่าคนอื่น เราชอบการปลูกพืชตั้งแต่เด็ก ได้ปลูกผัก ผลไม้รู้สึกว่าสบายใจ เรารู้สึกว่า ตกผลึกทางความ...นี่ไงสิ่งที่เราชอบ และทำมันได้ดี”

เมื่อถามว่า เรามีอะไรอยากจะแบ่งปันกับคนที่คิดจะเริ่มต้นทำเกษตร วรดา กล่าวว่า เชื่อว่าเวลานี้หลายๆ คนพยายามดิ้นรนทำกิน หากจะทำเกษตรจริงๆ ก็ต้องถามตัวเองก่อนว่าทำเพื่ออะไร เกษตร มีหลายรูปแบบจะทำแบบไหน สินค้าที่จะทำแตกต่างจากคนอื่น หรือ คนในพื้นที่หรือไม่ และตลาดที่จะขาย มีรองรับหรือไม่ หรือเราสามารถสร้างตลาดในการขายขึ้นเอง ได้หรือไม่ สิ่งเหล่านี้ต้องทำการบ้านศึกษาให้ดีก่อน

ทั้งหมดนี้คือแนวคิด หลักการต่อสู้ของผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ชื่อ “วรดา สอนซ้าย” ที่เริ่มต้นจากการเป็นลูกสาวชาวนา ฐานะยากจน แต่ก็ผลักดันตัวเอง จนประสบความสำเร็จ (ระดับหนึ่ง) ในวัยต้น 20 เท่านั้น มีเงินล้านผ่านมือมาแล้ว..

...

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

ที่มารูป : Facebook บ้านสวนวรดา

อ่านบทความที่น่าสนใจ