งานสำหรับคนตาบอด ส่วนมากจะเป็นอาชีพ ขายลอตเตอรี่ หมอนวด หมอดู และคนส่วนใหญ่ของสังคม จะมองเช่นนี้ แต่เราอยากบอกว่า เราไม่โทษสังคมหรอก ที่มองแบบนั้น แต่แค่อยากจะบอกว่า คนตาบอดก็ทำงานได้หลายอย่าง...

นี่คือ ก้นบึ้ง ความรู้สึกของ “เกรซ ชิษณุชา กระชอนสุข” ผู้พิการทางสายตา วัย 24 ปี ที่โพสต์หางานในกลุ่ม “หางานโคราช” (มีงานทำจริง!) พร้อมระบุว่า เธอ เป็น LGBT สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เกรดเฉลี่ย 3.23 และพร้อมใช้ความรู้ ความสามารถ ตามที่เรียนมา และอยากที่จะทำงานแบบคนปกติ ได้ทำกัน

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ มีโอกาสได้พูดคุยกับ เกรซ ชิษณุชา เธอ กล่าวถึงฟีดแบ็ก หลังการโพสต์หางานดังกล่าวว่า รู้สึกดีใจที่คนแห่เข้ามาให้กำลังใจ ตอนนี้เริ่มมีคนติดต่อเข้ามาบ้างแล้ว เวลานี้อยู่ในช่วงตัดสินใจว่า จะเข้าไปสมัครงานที่ไหน โดย ที่ผ่านมา เคยทำงานมาบ้าง ตั้งแต่ช่วงเรียนอยู่ ปี 3 ซึ่งเป็นงาน WFH นอกจากนี้ ก็เคยทำงานเป็น เซลส์ อยู่พักหนึ่ง

...

เกรซ ยืนยันว่า ตนเองมีความพร้อมในทุกด้าน ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาดูแล และไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการเดินทาง แม้ว่าตัวเธอจะตาบอดสนิทตั้งแต่เด็ก และที่ผ่านมา ก็ได้หาเงินช่วยเหลือครอบครัว ดูแลตัวเองมาบ้าง

“เกรซ ยอมรับว่า อาจจะมีปัญหากับงานที่ใช้เอกสาร งานรูปภาพ และบิลต่างๆ แต่ถ้าเป็นงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ word Excel หรือ อีเมล เราสามารถทำงานได้หมด รวมถึงการใช้ภาษาอังกฤษ เป็นพนักงานต้อนรับ”

แต่...เนื่องด้วย หลักเกณฑ์ การจ้างคนพิการ ที่กฎหมายกำหนดไว้ ระบุว่า หากบริษัทใดมีพนักงานมากว่า 100 คน ต้องรับคนพิการเข้าทำงานอยู่ในตำแหน่งใดก็ได้ 1 คน

เมื่อเป็นเช่นนี้ หลายบริษัท ก็คงมีคำถามว่า จะให้ “คนพิการ” มาทำงานอะไร...? เท่าที่ทราบ ส่วนมาก จะให้มาทำงาน รปภ. แม่บ้าน หรือคนทำความสะอาด แต่งานสำหรับคนตาบอด ก็ไม่สามารถทำงานเหล่านั้นได้ และคนทั่วไป ก็มักมองว่า งานของคนตาบอด ที่แสดงศักยภาพได้ดี คือ ขายลอตเตอรี่ หมอนวด หมอดู และคนส่วนใหญ่ในสังคม จะมองภาพคนตาบอดเป็นแบบนี้

“สุดท้ายเราไม่อยากโทษสังคม ที่มองเราแบบนี้ เพราะส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่า ศักยภาพของคนตาบอดที่แสดงออกมา ก็ได้ประมาณนี้จริงๆ เพียงแต่อยากจะบอกว่า แต่ละคนก็มีความสามารถแตกต่างกัน คนตาดีก็มีความสามารถต่างกัน คนตาบอดก็เช่นกัน เกรซ จึงอยากหาโอกาส”

น้องเกรซ กล่าวว่า เราไม่ได้ดูถูกคนตาบอด เพราะเราก็ตาบอด แต่อยากจะบอกว่า คนตาบอดก็ทำได้หลายอย่าง บางคนยังไม่ทราบเลยว่า คนตาบอด เรียนโรงเรียนกับคนตาดีได้ตามปกติ ซึ่งหลายคนเข้าใจว่า เราเรียนในโรงเรียนคนตาบอด เราก็อธิบายว่า ตั้งแต่ ป.4 ก็ออกมาเรียนโรงเรียนปกติแล้ว

เกรซ ยังเล่าถึง อาชีพที่ใฝ่ฝันว่า อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะร้านคาเฟ่ เคยทราบว่าคนตาบอดเป็น บาริสต้า ได้ในกรุงเทพฯ แต่ที่ “โคราช” ยังไม่มี หรือ ถ้าไม่ใช่บาริสต้า ก็อยากที่จะเป็น “บาเทนเดอร์” หรือไม่ก็เป็นธุรกิจความงาม เกี่ยวกับสกินแคร์

“ชีวิตนี้หนูอยากทำหลายอย่างมาก ถึงแม้ภาษาอังกฤษ เราจะไม่ได้เก่งเหมือนกับเรียนจบโรงเรียนนานาชาติ แต่อย่างน้อย ถ้าให้คะแนนตัวเอง ก็น่าจะ 70/100 พอที่จะสื่อสาร ทำงานได้ บางคนทักว่า ใช้ภาษาอังกฤษ เก่งมากเลย แต่จริงๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ สำหรับคนปกติทั่วไป ที่จะสามารถทำได้ แต่ที่เราแตกต่าง คือ เราเป็นคนพิการตาบอด แต่กล้าที่จะก้าวข้าม Comfort Zone ไปหางานในกลุ่มคนตาดี ซึ่งโดยปกติทั่วไป คนพิการตาบอด ก็มักจะไปทำงานกันในสมาคมคนตาบอด โรงเรียนผู้พิการ แต่เราก้าวออกมาเลย อยากจะลองดู การใช้งานคอมพิวเตอร์ แม้เรามองไม่เห็นก็มีโปรแกรมเสียง”

...

สุดท้าย น้องเกรซ กล่าวว่า แม้การทำงานของคนตาบอดจะมีข้อจำกัด โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวกับเปเปอร์ แต่หากตัดรูปแบบนี้ออกไป ก็อยากจะขอให้เปิด “โอกาส” ให้เราลองทำดูก่อน คนตาดี มีความสามารถไม่เท่ากัน คนตาบอดก็เช่นกัน ที่มีความสามารถไม่เท่ากัน ส่วนตัวก็รู้สึกมั่นใจว่าเราทำงานร่วมกับคนตาดีได้ จึงตัดสินใจยื่นใบสมัคร ก้าวออกมา.. ซึ่งที่ผ่านมา แม้จะถูกปฏิเสธงานมาแล้วนับ 100 ครั้ง แต่ก็ไม่ท้อ และอยากทำงานตามที่ตัวเองใฝ่ฝัน

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

อ่านบทความที่น่าสนใจ