นักท่องเที่ยวอาหรับ และอินเดีย มีปริมาณเพิ่มหลังจากไทยเปิดประเทศ ขณะนี้มีสัดส่วนมากกว่านักท่องเที่ยวจีน ซึ่งผู้ประกอบการในประเทศจะต้องปรับเปลี่ยนให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมการบิน ที่ยังขาดแคลนแรงงานจำนวนมาก
นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) กล่าวว่า ธุรกิจการบินหลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้สายการบินต้องปลดพนักงาน และปรับเพื่อเอาตัวรอด แต่หลังจากสถานการณ์คลี่คลาย คาดว่าอีก 2 ปี ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ ซึ่งการฟื้นตัวครั้งนี้ ธุรกิจสนามบิน และสายการบินทั่วโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก เพราะขณะนี้หลายสนามบินต่างเผชิญสภาวะเดียวกันในการขาดแคลนแรงงาน ดังนั้นการนำระบบดิจิทัลและหุ่นยนต์ มาช่วยในการทำงานแทนมนุษย์ จึงเป็นสิ่งท้าทายในอนาคต
“ตอนนี้ผู้โดยสารเริ่มกลับมาใช้บริการสนามบินประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ แต่ระบบการให้บริการยังไม่สามารถกู้กลับมาได้รวดเร็ว เช่น บริษัทรับขนกระเป๋า แรงงานบางส่วนหันไปประกอบอาชีพใหม่ โดยไม่กลับมาทำงานที่สนามบิน ดังนั้นธุรกิจการบินในปีนี้ ทุกหน่วยงานกำลังหาจุดกึ่งกลาง ที่สามารถรองรับกับปริมาณของผู้โดยสารที่กลับมาให้มากที่สุด”
สำหรับอุตสาหกรรมการบินในไทย คาดว่าปีหน้า บริษัทที่สามารถอยู่รอดได้จะต้องมีสายป่านลงทุนที่ยาว และมีการปรับตัวรวดเร็วในช่วงโควิด ขณะเดียวกันจะมีผู้เล่นหน้าใหม่ ที่ตอบสนองกับความต้องการของผู้โดยสารที่มีการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป เช่นการจองตั๋วโดยสารแบบออนไลน์
...
แต่หลังจากไทยเปิดประเทศ แนวโน้มนักท่องเที่ยวอินเดีย และตะวันออกกลางมีเพิ่มมากขึ้น สิ่งนี้เป็นสัญญาณเตือนให้ผู้ประกอบการไทยเตรียมพร้อมรับกับกลุ่มนักท่องเที่ยวหน้าใหม่ ที่อาจมาแทนนักท่องเที่ยวจีน โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวตะวันออกกลาง จะเน้นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
ไทยเปิดประเทศรอบนี้ ด้วยความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย ทำให้นักท่องเที่ยวแถบตะวันออกกลางบินเข้ามามากขึ้น ขณะเดียวกันด้วยความที่ช่วงโควิด ทำให้เที่ยวบินที่จะมาต้องมีเครื่องขนาดเล็กลง แต่เมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นปกติแล้ว หากมีการบริหารจัดการช่องว่างของเที่ยวบินที่บินมาด้วยเครื่องขนาดใหญ่อย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้สายการบินนั้น ตัดสินใจบินมาไทยในระยะยาว และจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจากสายการบินนั้นเดินทางเข้ามาทำให้เศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวได้เร็ว
ตัวเลขที่น่าสนใจคือ ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด มีนักท่องเที่ยวจีน เดินทางเข้ามาผ่านสนามบินประมาณ 26 เปอร์เซ็นต์ และไม่ใช่ชาวจีนอีกประมาณ 74 เปอร์เซ็นต์ แต่ตอนนี้ ก่อนที่จีนจะเปิดประเทศ กลับมีปริมาณนักท่องเที่ยวตะวันออกกลาง และอินเดีย เพิ่มขึ้นถึง 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นสัดส่วนที่มีมากขึ้น เพิ่มเข้ามาแทนนักท่องเที่ยวจีนที่หายไป
การปรับตัวของท่าอากาศยานไทย หลังจากเปิดประเทศ การมีสายการบินจากประเทศในตะวันออกกลางเข้ามามากขึ้น จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนการบริการให้เข้ากับตัวเครื่องบิน ตัวอย่างเช่นการปรับเปลี่ยนทางเชื่อมต่อระหว่างอาคารสนามบินกับเครื่องบิน ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลที่ได้กำหนดไว้
หากย้อนดูสถิติ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ทำให้จำนวนผู้โดยสารที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของท่าอากาศยานไทย ลดลงจาก 142 ล้านคนในปี 2561 เหลือเพียง 72 ล้านคนในปี 2562 โดยเฉลี่ยแล้วระหว่างปี 2563-2565 ปริมาณผู้โดยสารลดลงในอัตราร้อยละ 59 เมื่อเทียบกับจำนวนผู้โดยสารรวมในปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์
ขณะเดียวกันการจัดงานประชุมเจรจาธุรกิจ The Route Development Forum for Asia 2023 ซึ่งเป็นงานประชุมเจรจาธุรกิจด้านการบินพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-16 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ถือเป็นเวทีเจรจาธุรกิจระหว่างท่าอากาศยาน สายการบิน หน่วยงานด้านการท่องเที่ยวในธุรกิจการบินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จำนวนกว่า 800 ราย ได้มีโอกาสพบปะ เจรจา แลกเปลี่ยนมุมมอง นำไปสู่การปรับปรุงเครือข่ายทางการบินและการดำเนินธุรกิจ ในระยะสั้น และระยะยาว.