• สถิติแจ้งเหตุร้ายสายด่วน 191 ปี 2565 คนหัวร้อนบนท้องถนนเพิ่มขึ้นจนน่าห่วง ส่วนใหญ่มีแนวโน้มก่อเหตุใช้อาวุธร้ายแรงทำร้ายผู้อื่น จนตำรวจยากจะควบคุม

  • 18.00-21.00 น. ช่วงเวลาคนร้ายมักก่อเหตุ ตำรวจเตือนประชาชนให้ระวัง โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงย่าน สุขุมวิท ลุมพินี ทองหล่อ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และบางเขน เกิดเหตุบ่อยครั้ง

  •  แนะนำผู้ประสบเหตุร้ายก่อนโทรฯ สายด่วนต้องตั้งสติ แจ้งสถานที่เกิดเหตุ พฤติกรรมคนร้าย เพื่อให้ตำรวจท้องที่ทำงานสะดวก เข้าถึงจุดเกิดเหตุได้รวดเร็วทันเวลา

จากสถิติสายด่วนรับแจ้งเหตุ 191 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้ให้เห็นถึงเหตุอาชญากรรมที่ใกล้ตัวประชาชนมากขึ้น แต่ส่วนหนึ่งเกิดจากพฤติกรรมคนหัวร้อน ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทบนท้องถนนไปจนถึงความขัดแย้งกันระหว่างเพื่อนบ้าน ขณะเดียวกันสถิติก็สะท้อนถึงเหตุอาชญากรรมในปี 2565 ที่ต้องหาแนวทางป้องกัน ก่อนเกิดเหตุร้ายขึ้นกับตนเองและครอบครัว

“พ.ต.อ.ชัยกฤต โพธิ์อ๊ะ” รอง ผบก.สปพ. งานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กล่าวว่า สถิติการแจ้งเหตุร้ายผ่านสายด่วน 191 ตั้งแต่ ม.ค.-1 ธ.ค. 65 มีเหตุด่วนแจ้งเข้ามากที่สุด คือ 1.อุบัติเหตุจราจร 33,701 ครั้ง 2.ขอความช่วยเหลือ 31,134 ครั้ง 3.ปรึกษาข้อกฎหมาย 30,945 ครั้ง 4.ก่อความเดือดร้อนรำคาญ 25,932 ครั้ง 5.ทะเลาะวิวาท 24,439 ครั้ง

“สำหรับเหตุที่ได้รับแจ้งส่วนหนึ่งเกิดจากการก่อความรำคาญของกลุ่มวัยรุ่นที่ขับขี่มอเตอร์ไซค์เสียงดัง หรือเพื่อนบ้านดื่มสุราเสียงดัง ทำให้เกิดความรำคาญ ขณะที่การแจ้งเหตุเกี่ยวกับยาเสพติด เป็นประเด็นที่มีการแจ้งมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อประสานเจ้าหน้าที่ในการลงพื้นที่”

...

เหตุทะเลาะวิวาท เป็นประเด็นค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะมีการแจ้งเหตุเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันความรุนแรงที่แสดงออกมีความร้ายแรงกว่าเดิม โดยต้นเหตุมีด้วยกันหลากหลาย เช่น ความรุนแรงในครอบครัว หรือนักเรียนนักศึกษาใช้ความรุนแรงกับคู่อริต่างสถาบัน และการทะเลาะวิวาทกันบนท้องถนน

ด้วยสภาวะการใช้ชีวิตปัจจุบันเร่งรีบ เหตุทะเลาะวิวาท จึงเกิดมากกว่าอดีต โดยเฉพาะคนที่พกอาวุธร้ายแรง มีโอกาสก่อเหตุรุนแรงมากขึ้น และเป็นประเด็นที่ต้องรีบแจ้งไปยังท้องที่ ให้ระงับเหตุได้ทันเวลา

สำหรับพื้นที่แจ้งเหตุมากที่สุด เช่น สุขุมวิท ลุมพินี ทองหล่อ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และบางเขน ขณะที่ช่วงเวลาแจ้งเหตุมากสุดคือ 18.00-21.00 น. เนื่องจากพื้นที่แจ้งเหตุส่วนใหญ่อยู่ในเมือง มีประชากรอาศัยหนาแน่น ทำให้เจออุปสรรคเกี่ยวกับรถติดหลายพื้นที่ เบื้องต้นมีการประสานตำรวจท้องที่ และรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความรวดเร็ว แม่นยำมากที่สุด

“การรับแจ้งเหตุสายด่วน 191 เจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์ จะรับสายไม่เกิน 3 วินาที เมื่อรับสายแล้วเจ้าหน้าที่จะซักถามเหตุและพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อแจ้งไปยังสถานีตำรวจท้องที่ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ มีทั้งหมด 88 สถานีตำรวจ เมื่อท้องที่ได้รับแจ้งเหตุแล้ว จะดำเนินการแจ้งข้อมูลไปยังสายตรวจท้องที่ เพื่อให้เข้าไประงับเหตุทันที”

แนะนำเตรียมพร้อมก่อนแจ้งเหตุร้าย

“พ.ต.อ.ชัยกฤต” แนะนำประชาชนที่ต้องการแจ้งเหตุร้าย ควรตั้งสติ ไม่ควรตื่นตระหนก และเตรียมข้อมูลเพื่อบอกกับเจ้าหน้าที่ ถึงเหตุที่เกิดขึ้นในพื้นที่ใด หรือสถานที่ใกล้เคียง เพื่อให้สายตรวจสามารถเข้าถึงพื้นที่รวดเร็ว นอกจากนี้ต้องระบุพฤติกรรม รูปลักษณ์คนก่อเหตุ เพื่อช่วยให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้สะดวก

“กรณีที่ผู้ไม่ประสงค์ดีโทรฯ มาก่อกวนสายด่วน 191 ขณะนี้มีลดลง โดยทั้งปีนี้มีบุคคลลักษณะนี้โทรฯ มาไม่ถึง 10% บุคคลที่โทรฯ มาลักษณะนี้จะถูกดำเนินคดี โดยที่ผ่านมาเมื่อ 2 ปี ก่อน มีการตามจับกุมผู้ที่โทรฯ มาเล่น เพราะทำให้คนที่ประสบเหตุสูญเสียโอกาสในการแจ้งเหตุ”

...

สำหรับเหตุร้ายที่แจ้งเข้ามาแต่ละปีมีความแตกต่างกันตามสถานการณ์ ตัวอย่างเช่นปีที่แล้ว มีการแจ้งเหตุผู้ติดโควิด-19 จำนวนมาก พอปีนี้สถานการณ์โควิดคลี่คลาย ประชาชนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติ เลยทำให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาทเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะความขัดแย้งบนท้องถนน และเหตุทะเลาะวิวาทกันในพื้นที่บ้านใกล้เรือนเคียง

ช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่ประชาชนมีการเฉลิมฉลอง สายด่วน 191 ได้เตรียมกำลังพลเพื่อรับแจ้งเหตุไว้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยมี 60 คู่สายพร้อมรับแจ้งเหตุ ให้บริการประชาชนทันที เมื่อโทรฯเข้ามา นอกจากนี้ ประชาชนสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน 191 ที่ทำให้การแจ้งเหตุสะดวกมากขึ้น เพราะสามารถวิดีโอคอลมาจากสถานที่เกิดเหตุ ทำให้ช่วยเหลือได้ในทันที

สถิติการแจ้งเหตุร้ายของสายด่วน 191 นอกจากทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของสังคมแล้ว ยังย้ำเตือนให้ประชาชนทั่วไประแวดระวัง ที่สำคัญไม่ควรกลายเป็นผู้ก่อเหตุ ที่สร้างความเดือดร้อนเสียเอง.

ผู้เขียน : ปักหมุด